มองรอยยิ้มที่มั่นใจบนใบหน้าของซูหยวน หลินโม่ป่ายก็รู้ทันทีว่าความคิดนี้ อยู่ในใจเธอมานานแล้ว
แต่ถ้านี่เป็นการทำข้อแลกเปลี่ยน ผลที่ได้กลับยั่วยวนคนเหลือเกิน
หลินโม่ป่ายรัก ซูย้าว รักมาสิบกว่าปี
เมื่อมีความคิดนี้แล้ว เขามองซูหยวน “ เธอจะให้พวกเขาหย่ากันยังไง ? มีวิธีหรอ ? “
“วิธี …..” สายตาของซูหยวนสำรวจเขาไปทั่ว “ การอยู่ของพวกฉัน คือวิธีที่ดีสุดไง ! “
เธอพูดแล้วเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ได้ใจ ดูชั่วร้ายมากขึ้น
หลินโม่ป่ายเข้าใจแล้ว ผู้หญิงคนนี้อยากใช้ตัวเราเอง เพื่อให้ดูเป็นมือที่สาม อีกคนเข้าใกล้ซูย้าว อีกคนเข้าใกล้ลี่เฉินซี
สร้างข่าวลือให้เสียหาย ซึ่งเป็นวิธีที่ธรรมดา
“เป็นยังไงบ้าง ? ก็ดีกว่าให้คุณรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวใช่ไหม ? “ ซูหยวนพูดพลางทำท่าทางเหมือนคนชนะ “ ฉันจะหาวิธีช่วยคุณอีก สร้างโอกาสให้เยอะเยอะ ! “
เธอมาสร้าง …..
หลินโม่ป่าย หัวเราะเยาะจากก้นบึ้งของหัวใจ เขามองเธอ และมีความรู้สึกที่ไม่คุ้มเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดว่า “ให้ฉันพิจารณาก่อน!”
เขาไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอย่างเร็ว เพราะไม่รู้ว่าซูหยวนที่รอจนใจจะ ขาด จะทำเรื่องอะไรออกมาได้
“ห้ามนานเกินไปนะ ! “ เธอเตือน “ ความอดทนของฉันก็มีขอบเขต “
พอคิดถึงซูย้าวที่แม้แต่ลูกก็มีแล้ว เธออยากจะแย่งลี่เฉินซีไป คงจะยากกว่ายาก ถ้าไม่เริ่มลงมือ ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก !
ในพริบตา หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างทุลักทุเล
ซูย้าวพาลูกกลับบ้านได้และมีแม่บ้านที่เป็นเพื่อนเธอ
พึ่งกลับถึงบ้าน พ่อบ้านก็บอกกับเธอว่า “ ช่วงคํ่าคุณนายจะมาเยี่ยมคุณหนู ซึ่งจะพาแขกมาด้วย ท่านเตรียมตัวหน่อยเถอะ ! “
ซูย้าวพยักหน้า เธอปลอบลูกให้หลับไป แล้วไปช่วยงานแม่บ้านที่ครัว
งานเลี้ยงของตระกูลลี่ ต้องถูกต้องและดี
ช่วงคํ่าประมาณหกโมง ซูย้าวเปิดประตู คนที่เห็นไม่ใช่แม่สามี แต่เป็นหานฉ่ายหลิง
เธอพกของฝากมาหลายอย่าง และของเล่นของเด็ก ยิ้มแล้วทักทาย “คุณซู สวัสดีค่ะ !
ซูย้าว จำได้ว่าในงานเลี้ยงครั้งก่อน เธอผลักตัวเองออกไปและได้รับบาดเจ็บจากหอคอยแชมเปญและเค้กยักษ์ ไม่มากก็น้อยที่เธอช่วยตัวเองไว้ เธอจึงยิ้มตอบอย่างสุภาพ
“เจิ้งเอ๋ออยู่ไหน? ฉันอยากดูเด็กสักหน่อย” หานฉ่ายหลิงเสนอแนะ
ซูย้าวใช้มือชี้ไปชั้นบน แล้วทำท่าทางที่บ่งบอกถึงการนอนหลับ
“อ้อ เด็กนอนแล้ว งั้นก็ไม่ต้องรบกวนเด็กแล้ว ! “หานฉ่ายหลิงพูดแล้ววางของลง ถอดเสื้อคลุมและพับแขนเสื้อพลางจะเดินไปทางห้องครัว พร้อมกับพูดว่า “ ฉันมาช่วยแล้ว ! “
พ่อบ้านกับแม่บ้านกังวล “คุณหานเป็นแขก จะให้คุณทำได้อย่างไร ? “
แต่หานฉ่ายหลิงก็ดึงดันเป็นอย่างมาก ทำให้คนอื่นไม่มีทางสู้
ในเวลาไม่ถึงสองนาที ประตูทางเข้าก็เปิดออกอีกครั้ง และเจี่ยงเวินอี๋ผู้สง่างามก็ได้เปลี่ยนรองเท้าเข้ามาในพริบตานั้นเธอเห็นหานฉ่ายหลิงที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว ความโกรธของเธอจึงบังเกิดอย่างกะทันหัน
“ซูย้าว เธอให้ฉ่ายหลิงทำได้ยังไง ? ไม่รู้จักคิดบ้าง ! “
ซูย้าวก้มหัวยอมรับผิดอย่างอึดอัดใจ เสียงของหานฉ่ายหลิงก็ลอยมาข้างหูเธอ “ คุณป้า ไม่เป็นไรหรอก ! ฉันไม่ใช่คนนอกสักหน่อย ….”
ไม่ใช่คนนอก ?
สี่คำนี้ ทำให้ใจของซูย้าวเกร็งขึ้นมาทันที
เจี่ยงเวินอี๋ตอบอย่างให้ความร่วมมือ “ จริงที่สุด ! ที่นี่ก็คือบ้านของเธอ ! “
ตอนลี่เฉินซีกลับมา ซูย้าวก็ไม่รู้อะไร เธอมัวแต่ทำอาหารอยู่ที่ครัว จนกว่าเธอจะเปลี่ยนหน้าเสิร์ฟอาหารแทนแม่บ้าน เธอถึงพึ่งเห็นร่างสูงใหญ่ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา ดูแข็งแรงบางเรียวและสง่างาม
พร้อมกับหานฉ่ายหลิงที่ดูมีเสน่ห์และน่าเอ็นดูนั่งอยู่ด้านข้าง เธออุ้มเจิ้งเอ๋อที่พึ่งตื่นนอน เจี่ยงเวินอี๋ก็แกล้งเด็กอย่างมีความสุข
ช่างเป็นภาพที่สวยงามของครอบครัวที่มีความสุข ซูย้าวเหมือนคนนอกอย่างสิ้นเชิง
อาจเป็นเพราะสายตาของเจี่ยงเวินอี๋สังเกตเห็นเธอ เธอกระแอมไอ พูดออกมาเสียงดัง “ ทานข้าวเถอะ !“
ซูย้าวดึงสมาธิออกมาจากความคิดทันที นำอาหารที่ร้อนอยู่บนมือเธอวางบนโต๊ะอาหาร
ทุกคนเดินมาที่ห้องอาหาร เจี่ยงเวินอี๋ควงหานฉ่ายหลิงมาด้วยความเอ็นดู ลี่เฉินซีก็กลับเข้าสู้โหมดเย็นชาที่เคยเป็น ดูสบายและเฉยชา
มีเพียงซูย้าวที่ยุ่งอยู่ในครัว ซุปก็พร้อมแล้ว เธอถือมันออกมาและกำลังจะวางไว้บนโต๊ะ เหตุเพราะเท้าลื่นพื้น และขาของซูย้าวไม่มั่นคง ทำให้ชามซุปในมือของเธอเสียหลัก และล้มลง น้ำซุปร้อนร้อนได้ทะลักไปบนโต๊ะ
แฉะ !
ถ้วยชามเซรามิกตกลงบนพื้น แตกเป็นชิ้นชิ้น สายตาเจี่ยงเวินอี๋ที่แหลมคนเหมือนมีดได้กวาดมองมา
น้ำซุปจำนวนไม่น้อยสาดใส่หานฉ่ายหลิง เธอกัดฟันอย่างเจ็บปวด และตาของเธอก็แดงก่ำเล็กน้อย
เธอกลับไม่สนใจตัวเอง แต่รีบลุกขึ้นแล้วมาดึงมือซูย้าว ให้ลุกขึ้น “ ร้อนหรือเปล่า ? ทำไมไม่ระวังหน่อย ? “
ซูย้าวนิ่งสักพัก มือทั้งสองข้างของเธอโดนสาดจนแสบร้อนไปหมด เจ็บไม่น้อยเหมือนกัน
“เป็นพิการใบ้ก็ช่าง แม้แต่ซุปยังเสิร์ฟไม่ดี ! นอกจากจะกิน ฟรี ยังทำอะไรเป็นอีก ? ไม่ได้เรื่อง ! “
ตามมาด้วยคำสบประมาทของเจี่ยงเวินอี๋ ในเวลาเดียวกันเธอก็ผลัก ซูย้าว ออกไปด้วยความรังเกียจและจับมือ หานฉ่ายหลิงด้วยความเป็นห่วง “ มาให้คุณป้าดูสิ ร้อนไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดูอาการของซูย้าวก่อนเถอะ ! “ หานฉ่ายหลิงอ่อนโยนและใจกว้าง สายตาของเธอมองไปที่ซูย้าวอย่างเป็นห่วง
“ไปเอาน้ำมาราด ! “
ลี่เฉินซีเปิดปากพูดด้วยความเย็นชา ใบหน้าหล่อเหลาที่งดงามเหมือนเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำค้างแข็ง
ซูย้าวมองแล้วหันหลังรีบเดินเข้าไปในครัว
กว่าจะยุ่งกับอาหารทุกอย่างเสร็จ ในที่สุดซูย้าวก็ได้นั่งลงมาทานข้าว กลับได้ยินเจี่ยงเวินอี๋พูดขึ้นมาอีก“ เจิ้งเอ๋อ ก็ค่อยค่อยโตขึ้น วันวันอยู่กับคนใบ้นี้ ถ้าโตมาก็กลายเป็นคนใบ้ตามสิ ? “
“เชิญครูส่วนตัวมาก็ได้แล้ว ! “ เสียงของลี่เฉินซีต่ำและเย็นชา เขายกมือขึ้นเพื่อคีบผักและใส่ลงในชามของหานฉ่ายหลิง
เจี่ยงเวินอี๋มองทั้งสองด้วรอยยิ้ม แล้วพูดขึ้นมาอีก “ เฉินซีพูดถูก เชิญครูส่วนตัวมาให้เจิ้งเอ๋อ คอยสอนและอยู่เป็นเพื่อนเขาทุกวัน จะได้สอนเด็กพูดดีดี ! “ลี่เฉินซีไม่พูดไม่จาอะไร เพียงแค่ก้มหัวทานข้าว
ซูย้าวรีบทานข้าวในถ้วยให้หมด เพื่อที่จะได้ไปจากความอึดอัดแห่งนี้ และไปดูแลลูก
“ฉ่ายหลิง ! หรือไม่ ตำแหน่งครูส่วนตัวนี้ก็ให้เธอมาเป็นเถอะ! “ เจี่ยงเวินอี๋พูดออกมา
ซูย้าวนิ่งไปทั้งตัว !
หานฉ่ายหลิงยกสายตาขึ้น ใบหน้าที่งดงามเผยความงุนงง “ ฉัน ! แต่ฉันไม่ได้เป็นครูส่วนตัวที่ถูกมาตรฐาน !ไม่ได้หรอก ? “
“มีอะไรไม่ได้? ฉ่ายหลิงของเราพูดเก่งและฉลาด ยังได้ภาษาหลายภาษา ถ้าจะให้สอนเจิ้งเอ๋อ เหมาะสมที่สุดแล้ว ! “
ลี่เฉินซียังคงไม่พูดจาอะไร เจี่ยงเวินอี๋ตัดสินโดยอำเภอใจ หานฉ่ายหลิงก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรับปาก
มีเพียง ซูย้าวเท่านั้นที่ฟังเสียงหัวเราะของพวกเขา ทุกคำพูดเหมือนมีดเหล็กทิ่มแทงหัวใจของเธออย่างรุนแรง
“ฉันเกือบจะลืมไปแล้ว จะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำขึ้นสำหรับเจิ้งเอ๋อ ในอีกไม่กี่วันแล้ว พอถึงเวลา …”
เจี่ยงเวินอี๋ลากเสียงยาว สายตาที่ไม่เป็นมิตรมองไปที่ซูย้าว เงียบสักพัก ค่อยพูดต่อ “ พอถึงเวลาซูย้าวเธอก็ไปด้วยเถอะ! “
เธอตะลึงเล็กน้อย สายตาที่กังวลมองไปทางแม่สามี
เรื่องงานเลี้ยงครั้งก่อน ยังอยู่ในใจเธอไม่หาย ถ้าครั้งนี้ออกงานอีก ….
ความสงสัยของเธอ โดนคำพูดถัดมาของเจี่ยงเวินอี๋ขัดไว้ทันที——
“ยังไงเธอก็เป็นแม่ของเจิ้งเอ๋อ งานเลี้ยงก็ต้องออกหน้าบ้าง ไม่ใช่หรือไง ? “
พูดเช่นนี้แล้ว แม้ซูย้าวอยากจะหาข้ออ้างเท่าไหร่ก็คงไม่มีผลแล้ว