บทที่232 อยู่ในกับดัก
ซูย้าวก็สับสนเช่นกัน แม้แต่ชุดก็ยังไม่ได้เปลี่ยน เธอถูกตำรวจนำไปที่สำนักงานโดยที่กำลังใส่ชุดนอนอยู่
นั่งอยู่ในห้องสอบสวน สิ่งเดียวที่เธอกังวลคือเจิ้งเอ๋อ
เมื่อถูกคนนำออกไปจากอ้อมแขนของตัวเอง ลูกน้อยยังคงร้องไห้จ้า และไม่รู้ว่าตอนนี้ โม่หว่านหว่านจะกล่อมลูกเธออย่างดีไหม
และได้ยินมาว่าโจรในคดีลักพาตัวสารภาพชื่อของเธอออกมา ดังนั้นตำรวจถึงดำเนินการจับกุมตัวเธอ ถ้าอย่างนั้น เธอจะต้องพัวพันกับการฟ้องร้องคดี และยังเกี่ยวเนื่องไปยังการหย่ากับลี่เฉินซี และปัญหาของสิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตร… …
ลี่เฉินซีคนเดียวจะวางแผนปฏิบัติเรื่องทั้งหมดนี้ได้หรือไม่?
แต่รู้จักกันมาก็นาน เธอยังคงไม่เชื่อ
ผู้ชายที่ตัวเองหลงรักมาหลายปี ถึงแม้ไม่รัก ก็คงไม่ไร้ความรู้สึกถึงขั้นทำแบบนี้ ใช้วิธีที่น่ารังเกียจ ไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน
ไม่ใช่แน่!
ในเวลานี้ ปัจจัยต่างๆไม่เอื้ออำนวยต่อเธอเลย เธอหวังเพียงว่าตำรวจจะสอบสวนได้อย่างชัดเจนและคืนความบริสุทธิ์ให้เธอโดยเร็วที่สุด
แต่ตำรวจอาชญากรที่สอบปากคำเธอยังไม่มา พวกเขาแค่โยนเธอเข้ามาในห้องสอบสวน ปล่อยให้เธอนั่งรออยู่นาน
หลังจากรอตำรวจ ในที่สุดก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเข้ามา ผู้ชายคือหลี่เจิ้น รับหน้าที่ในการจัดการคดีนี้ ส่วนตำรวจหญิงเป็นคนมาใหม่ ดูท่าทางแล้วแค่มีหน้าที่บันทึกเสียง
เมื่อรู้ว่าซูย้าวไม่สามารถพูด ดังนั้นจึงเตรียมสมุดมาเพื่อเธออย่างรอบคอบ บอกใบ้ให้เธอเขียนลงไปในนั้น
แม้ว่าจะเป็นการสอบสวน แต่ซูย้าวก็รู้ว่าทุกคำที่เขียนลงไปที่นี่จะกลายเป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล เธอต้องระมัดระวัง
ไม่มีสาเหตุและไม่มีเหตุผลจะถูกคนยัดข้อหา ไม่ได้รับความเป็นธรรม
“คุณซู คุณรู้เกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวต่างๆระหว่างประธานลี่และคุณหานไหม?”
เมื่อหลี่เจิ้นพูด เขาก็วางนิตยสารและหนังสือพิมพ์หลายฉบับลงต่อหน้าเธอ พาดหัวข่าวและหน้าปกนิตยสารเป็นรูปถ่ายของลี่เฉินซีกับหานฉ่ายหลิง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เห็นสิ่งเหล่านี้ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เธอไม่ได้ดูมันด้วยซ้ำ
“ตามที่ทราบมา คุณหานเป็นแฟนเก่าของคุณลี่ และคุณเป็นภรรยาคนปัจจุบัน ดังนั้นระหว่างคุณกับหานฉ่ายหลิง ก็เหมือนศัตรูหัวใจ ราวน้ำและไฟ”หลี่เจิ้นกล่าว
ซูย้าวนั่งเงียบ มองไปที่ชายตรงหน้าอย่างสงบโดยไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร และไม่ได้เขียนอะไรลงไปด้วย
ก่อนอื่นเธอต้องทำให้แน่ชัด ว่าตำรวจพวกนี้ต้องการจะพูดอะไร เรื่องที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงเหล่านั้น จะยังบิดเบือนอย่างไร
“คดีประเภทนี้ เราจัดการมานักต่อนักแล้ว ความสัมพันธ์แบบนี้ก็ไม่มีอะไรพิเศษ คุณซู คุณเป็นภรรยามาแต่แรกเริ่ม เป็นที่เข้าใจได้ว่าเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างคุณกับคุณลี่แล้ว จะนำไปสู่ความอิจฉาริษยาคุณหาน ถึงขนาดพัฒนาไปเป็นความแค้น จนกระทั่งอยากจะจัดการกับความคิดอย่างรวดเร็วในภายหลัง”
หลี่เจิ้นมักจะสอบปากคำนักโทษ แต่เป็นครั้งแรกที่เผชิญหน้ากับหญิงใบ้ สิ่งที่เขาทำได้คือยึดหลักจิตวิทยาของอีกฝ่ายและดำเนินการโดยใช้วาทศิลป์อย่างฉลาดหลักแหลม บังคับให้อีกฝ่ายสารภาพความจริงออกมา
นี่ถือเป็นมาตรฐานของอาชีพนี้ ใช้มันเป็นประจำ ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใคร เป็นแค่ขั้นตอนปกติ
ซูย้าวมองไปที่เขา เห็นชัดว่าหลี่เจิ้นได้ตัดสินแล้วว่า ซูย้าวคือผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังและเขาต้องการที่จะปิดคดีโดยเร็วที่สุด
แต่ปัญหาคือเธอไม่ได้ทำอะไรเลย!
มีสิทธิ์อะไรมายัดข้อหาว่าเธอเป็นผู้ร้ายอย่างไม่มีเหตุผล?
“พูดมา! คุณไปติดต่อหลงเบียวและคนอื่นเมื่อไหร่? ใช้เงินไปเท่าไหร่ ในการหาคนไปลักพาตัวคุณหาน”หลี่เจิ้นบังคับถาม
ซูย้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงไม่แสดงอะไรออกมา
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่เจิ้นก็หยิบท่าไม้ตายของเขาออกมา เขาหยิบรูปถ่ายสองสามรูปออกมาวางไว้ตรงหน้าซูย้าว
“ภาพนี้ถ่ายจากกล้องวงจรปิดแถวร้านยาใกล้บ้านคุณ ก่อนที่จะการลักพาตัวเกิดขึ้น หลงเบียวไปหาคุณที่บ้านด้วยตัวเอง ตอนออกมาก็ออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้สีดำใบหนึ่ง”หลี่เจิ้นพูด
ซูย้าวมองไปยังรูปที่แคปหน้าจอมา ถึงได้รู้ ว่าชายชราที่ “บังเอิญได้พบกัน” ไม่กี่ครั้งนั้น ก็คือ หลงเบียว
ดูเหมือนว่า เธอจะถูกวางแผนไว้แล้ว!
ทั้งหมดถูกวางหมากไว้อย่างดี เพียงแค่รอให้เธอเข้าสู่กับดัก
ในเวลาเดียวกันหลี่เจิ้นก็ส่งสัญญาณกับตำรวจหญิงที่อยู่ข้างๆ ตำรวจหญิงคนนั้นก็เดินออกไปทันที หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หยิบกระเป๋าเป้สีดำเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ หลังจากเปิดมันข้างในก็เต็มไปด้วยเงินสดกองใหญ่
“นี่คือสิ่งที่พบในบ้านของหลงเบียว เป็นเงินจำนวน 500,000 หยวนถ้วน นี่คือเงินมัดจำ? คุณซู คุณยังคิดที่จะไม่ยอมรับ?”
ซูย้าวมองไปที่กระเป๋าเป้ มันเหมือนกับของที่ชายชราฝากไว้ในบ้านเมื่อไม่กี่วันก่อน
ทั้งหมดถูกวางแผนมาอย่างดี เธอจะรับสารภาพผิดได้อย่างไร?
หากเธอยอมรับความผิดที่อาจจะไม่มีก็ได้ เธอก็จบ!
“ข้อหาจ้างวานลักพาตัว ความผิดนี้ไม่ใช่เล็กๆ คุณซูยังอายุน้อย ระหว่างคุณกับคุณลี่ก็ยังมีลูก แม้จะนับว่าเป็นการพิจารณาเพื่อลูก ก็ควรเริ่มร่วมมือกัน เราจะพิจารณาทัศนคติของคุณที่มีต่อการสารภาพ และพิพากษาใหม่” หลี่เจิ้นเริ่มล่อลวงกลอุบาย
แต่ซูย้าวยังคงนิ่งเงียบไม่ไหวติง
ก่อนอื่น เธอไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้และเห็นได้ชัดว่าถูกใส่ร้าย
อย่างที่สอง หากฟังคำของหลี่เจิ้นและยอมรับผิดในข้อกล่าวหาที่ไม่มีเหตุผลนี้ ถ้าอย่างนั้น ถ้าเธออยากจะพบลูกของเธออีกครั้ง อาจจะใช้เวลาไม่กี่ปีหรือหลังจากสิบปี!
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ซูย้าวก็มองไปยังดวงตาเย็นชาของอีกฝ่าย พลางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเขียนประโยคบนสมุด ——
ฉันรอทนาย
แค่สี่คำ ไม่มีอะไรอื่น
หลี่เจิ้นสูดหายใจเข้าลึก ด้วยความโกรธ ก่อนทิ้งประโยคสุดท้ายไว้เมื่อเขาลุกขึ้น “คุณลองคิดทบทวนอีกรอบ!”
จากนั้นเขาก็ออกไปพร้อมกับตำรวจหญิง เอกสารและเหล่าของกลองบนโต๊ะ
ในห้องสอบสวนที่ว่างเปล่า เธอถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกครั้ง นั่งอยู่ที่นั่นมองดูกุญแจมือที่ห้อยอยู่อย่างเบื่อหน่าย พลางถอนหายใจอย่างเหงาๆ
มีเพียงคนเดียวที่สามารถวางแผนทำร้ายเธอได้
แต่คนนี้ แม้ว่าเธอจะพูดในเวลานี้ ก็ไม่มีใครเขาเชื่อ
เพราะตอนนี้คนคนนั้นเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าคือ เหยื่อ เป็นคนที่ทุกคนควรให้ความสนใจและปกป้อง เป็นผู้หญิงที่บอบบางและอ่อนแอในสายตาของทุกคน ไม่เหมือนเธอ ถูกใส่ร้ายมาตั้งนานแล้ว กลายเป็นคนที่ถูกเรียกว่า ผู้ร้าย มานานแล้ว
ทางด้านโรงพยาบาล
หานฉ่ายหลิงได้รู้ข่าวถูกจับกุมของซูย้าวอย่างรวดเร็ว เธอเอนกายลงบนเตียงผู้ป่วย ริมฝีปากที่สดใสของเธอยกขึ้นอย่างเย็นชาราวกับว่าเธอเป็นผู้ชนะ เธออารมณ์ดีมาก
และเลขาของเขาก็โน้มตัวลงมา ก่อนกระซิบว่า “ประธานหาน ได้ยินมาว่าซูย้าวยังไม่รับสารภาพ สักคำก็ยังไม่พูด! ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป คุณว่าพวกตำรวจจะยัง… …”
ก่อนที่จะพูดจบ หานฉ่ายหลิงก็ยักคิ้วอย่างแปลกใจ หันไปมองด้วยดวงตาเมล็ดซิ่งของเธอ ก่อนพูดทันทีว่า “เธอไปเตรียมตัว นำข้อมูลเหล่านี้เปิดโปงกับสื่อ”
ในตอนนี้ ใช้ด้านมติมหาชนของสื่อเป็นอุบายและวิธีการที่ดีที่สุด
ประธานของบริษัทHS ถูกลักพาตัว และภรรยาสาวของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นผู้ร้าย ข่าวที่น่าตกใจเช่นนี้ สื่อจะเพิ่มการใส่สีตีไข่และบิดเบือนรายงานอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าจะเป็นบริษัทลี่ซื่อหรือตำรวจ ก็คงรับแรงกดดันเหล่านี้ไม่ได้ และปิดคดีอย่างลวกๆ
ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเลขาอีกครั้ง “แล้วก็ เฉินซีมีท่าทางยังไงบ้าง”
“ยังไม่รู้ แต่ข่าวที่ซูย้าวถูกจับ พวกเขายังไม่รู้แน่นอน!” เลขากล่าว
หานฉ่ายหลิงพยักหน้า ลี่เฉินซีจู่ๆก็รู้ว่าเมียของตัวเองเลวเช่นนี้ เปิดเผยใบหน้าที่อัปลักษณ์ เดาว่าคงทำให้ตกใจ
ไม่กำจัดความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้โดยเร็ว และรำคาญ แต่ไม่เป็นไร เรื่องครั้งนี้จะทำให้ตาสว่าง การแต่งงานของลี่เฉินซีและซูย้าว ต้องหย่าร้างแน่นอน
ในขณะเดียวกัน สิทธิในการดูแลของลี่เจิ้ง ซูย้าวก็แย่งไม่ได้อีกต่อไป ใครจะปล่อยให้ผู้หญิงที่มีประวัติอาชญากรรมเลี้ยงดูลูก?
แม้ว่าลี่เฉินซีจะเห็นใจเพียงเล็กน้อย เจี่ยงเวินอี๋ก็ไม่มีวันอนุญาตแน่นอน!