เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 240 ฉันแอบชอบคุณมานานแล้ว

บทที่ 240 ฉันแอบชอบคุณมานานแล้ว

“ประธานผู้พิพากษา ดังที่จำเลยกล่าวไว้ว่า ในฐานะที่เขาเป็นพ่อ เป็นผู้บริหารกลุ่มบริษัท แม้แต่จะจัดการพฤติกรรมของตนเองหรืออารมณ์ของตัวเองให้ดียังทำไม่ได้ จะอบรมเลี้ยงดูบุตรได้อย่างไร”

“ผู้ชายอย่างนี้ ผู้ชายแบบนี้จะให้ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายได้อย่างไร? ชีวิตที่สุขสบาย จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเด็กจะไม่ได้รับผลกระทบทางอารมณ์และจิตใจ?”

“จริงไหมที่ลูกโตขึ้นจะต้องตามรอยพ่อ ในชีวิตของการแต่งงานมีเรื่องอื้อฉาวกับแฟนเก่ามากมาย จะเป็นลูกคนรวยจริงหรือไม่? สรุปแล้ว ประธานผู้พิพากษาโปรดให้ความสำคัญพิจารณามุมมองของอนาคตเด็กด้วยค่ะฉันคิดว่าลี่เจิ้งเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับโจทก์ของฉัน!”

หลินเวยพูดเป็นต่อยหอย หลังจากพูดแก้ต่าง แนวโน้มทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ราบรื่น อาจกล่าวได้ว่า พลิกชะตาชีวิตเลยทีเดียว มิน่าเล่าถึงได้มีชื่อเสียงขนาดนี้

เมื่อได้ฟังสิ่งที่เธอพูด ซูย้าวยังคงชมเชยเธออย่างเงียบๆไม่หยุดหย่อน เป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่จะใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ้างหลินเวย!

แต่ในกลุ่มผู้ฟัง เจี่ยงเวินอี๋ก็พูดออกมาอย่างเดือดดาลว่า “เธอพูดเรื่องไร้สาระ! ลูกชายฉันกับหานฉ่ายหลิงคบหากันตามปกติ สุดจะทนแล้วกับสิ่งที่เธอพูด ยิ่งไปกว่านั้นหลานของฉันกับชีวิตใบ้ๆนี่มันดีตรงไหนกัน? ถ้าหากให้หลานของฉันโตขึ้น จะเปลี่ยนไปเป็นคนใบ้ไหม?”

“คุณผู้หญิงท่านนี้ โปรดระวังคำพูดด้วย! ส่งเสียงดังโวยวายอีกครั้ง ผมจะเชิญคุณออกไปข้างนอก”

“ซูย้าว แกฟังฉัน สิทธิ์การเลี้ยงดูหลานของฉัน ไม่มีวันยกให้แกแน่! ฝันไปเถอะ!”

“คุณผู้หญิงท่านนี้ โปรดควบคุมอารมณ์ด้วย!”

เมื่อหลินเวยเห็นสิ่งนี้เธอก็พูดทันทีว่า “ประธานผู้พิพากษา ผู้หญิงที่ใช้ความรุนแรงและพูดคำหยาบคายคนนี้คือคุณย่าของลี่เจิ้ง ขอทราบว่ามีคุณย่าแบบนี้ อนาคตของเด็ก จะน่าห่วงแค่ไหน!”

เจี่ยงเวินอี๋โกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้ ไม่สามารถควบคุมสิ่งที่มืดมนภายในใจ เลขาที่นั่งข้างกำลังขว้างเธอเอาไว้ชั่วครู่ ประธานศาลพิพากษากลับตัดสินออกมาว่า——

“……สรุปว่า,ศาลประกาศว่าคดีนี้มีความยุ่งยากและจะเลื่อนออกไปชั่วคราว และจะเปิดศาลอีกครั้งในอีกสิบวัน แล้วจะตัดสินครั้งสุดท้าย!”

สิบวันทำให้ลี่เฉินซีมีเวลามากพอที่จะรวบรวมหลักฐานทั้งหมด

น่าจะเป็นผลลัพธ์แบบนี้ และฝั่งตระกูลลี่คงจะมีวาเหตุติดต่อกับใครบางไว้นานแล้ว ซูย้าวถอนหายใจเบาๆ เป็นเพื่อนหลินเวยจัดการเอกสาร ก่อนจะออกจากศาลไป

เจี่ยงเวินอี๋โกรธมาก เธอจ้องไปที่ซูย้าว “แก ได้รับอะไรมากมายไปจากตระกูลลี่เมื่อหย่าแท้ๆ ตอนนี้ยังพูดไม่อายปากว่าจะมาแย่งสิทธิ์การเลี้ยงดูเด็กจากพวกเรา! ดี ถ้าอย่างนั้นทำให้ถึงที่สุด! แม้แต่เด็กในท้องแกคนนั้น ขอเพียงแค่เป็นเลือดเนื้อของตระกูลลี่ แกไม่ต้องคิดได้สักคน!”

เมื่อต้องเผชิญกับความยโสโอหังของเจี่ยงเวินอี๋หลินเวยกระแอมในลำคอเพื่อเคลียร์ลำคอ “คุณหญิงเจียง คุณยังไม่รู้กฎหมายอีกหรือ? แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงเด็กในท้องของคุณซูย้าวที่ยังไม่ได้ออกมา ถึงแม้จะคลอดมาแล้ว ก่อนอายุสามขวบหากมารดาผู้ให้กำเนิดสามารถเลี้ยงดูได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้สิทธิ์การดูแลกับใคร”

หลังจากหยุดชั่วครู่ หลินเวยก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ตั้งแต่คุณซูย้าวและคุณลี่หย่ากัน เด็กคนนี้เกิดหลังการแต่งงาน ไม่ได้อยู่ในปัญหาข้างต้นทั้งหมด”

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ช่วงเวลาที่ลี่เฉินซีเซ็นและตกลงที่จะหย่าร้าง ก็เท่ากับว่าจะเลิกเลี้ยงดูบุตรคนที่สอง

เจี่ยงเวินอี๋ตกตะลึงทันที “ว่าไงนะ!”

ถ้าในท้องซูย้าวเป็นเด็กผู้ชายอีกละก็ ถ้าอย่างนั้น หลานคนที่สอง ก็ไร้หนางกลับมายังตระกูลลี่? !

เจี่ยงเวินอี๋ควบคุมอารมณ์ไม่ได้อีก เมื่อก่อนเธอคิดแค่จะกำจัดนางใบ้อย่างไร ไม่ทันคิดถึงข้อนี้

“อนึ่ง คุณซูย้าวโจทก์ของดิฉัน มีความสามารถเพียงพอที่จะเลี้ยงดูลูกทุกคนดังนั้นจึงไม่มีข้อเสียใด ไม่ว่าจะขึ้นศาลอีกกี่รอบ ผลก็จะเหมือนเดิม เด็กเป็นของแม่และไม่สามารถแยกเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันออกได้ นี่คือธรรมชาติของมนุษย์”

หลินเวยมองไปยังใบหน้าที่น่าเกลียดของเจี่ยงเวินอี๋ เธอยกริมฝีปากขึ้นก่อนจะดึงซูย้าวออกไป

ด้านนอกโม่หว่านหว่านกำลังรออย่างร้อนรนใจ

เธอเพิ่งเห็นความแข็งแกร่งของหลินเวยในศาล สิ่งที่เธอเห็นคือสิ่งที่ยอดเยี่ยม เมื่อเห็นทั้งสองออกมาเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่เวยเวย เยี่ยมมาก!”

หลินเวยยักไหล่ก่อนจะยิ้ม ก็แค่แสดงความสามารถปกติ ไม่ได้ยอมเยี่ยมอะไร คล้ายกับเธอจะคิดอะไรได้ หยิบเอกสารมาจากผู้ช่วยทนายความ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

โม่หว่านหว่านดึงมือของซูย้าวให้ออกไปรอข้างนอก

“ไม่ต้องคิดมากแล้วนะ คราวนี้ก็เลี้ยงลูกด้วยความสบายใจ และดูแลเจ้าตัวน้อยในท้องให้ดี!” โม่หว่านหว่านปลอบใจ

ซูย้าวพยักหน้า ก่อนจะส่งภาษามือไปหา “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเธอในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่สามารถจ้างทนายความที่เก่งอย่างหลินเวยได้”

“ไอหยา เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของญาติฉัน ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างเธอกับฉันยังต้องมาเกรงใจอะไรกันอีก!”

โม่หว่านหว่านยกมือขึ้นเกาหัว แก้มเธอแดงอย่างเขินอาย เมื่อไมคิดอะไรแล้ว เธอจึงรีบพูด “ใช่แล้ว วันนี้เธอเปิดศาล โม่ป่ายมีเคสผ่าตัดสองเคสเลยมาไม่ได้ แต่บอกว่าจะเลี้ยงข้าวพวกเราตอนเย็นนะ!”

เมื่อพูดถึงหลินโม่ป่ายแล้ว ซูย้าวอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงเล็กน้อย ในช่วงเวลานี้เขาจะไปที่อพาร์ตเมนต์เพื่อดูเธอเกือบทุกวันตรวจร่างกายและให้ยาบำรุง กับนำผลไม้ไปให้แก่เธอ

เธอรู้ ว่าตอนนี้เธอได้หย่าร้างและกลับมาเป็นโสด ไม่ว่าเธอจะเลือกเส้นทางใดในอนาคต มันก็เป็นเรื่องปกติ

แค่… …

ในขณะที่เธอยังคงยากที่จะยอมรับหรืออีกนัยหนึ่งเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน ซูย้าวเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นเธอก็เห็นลี่เฉินซีเดินออกมาจากข้างใน รูปร่างของชายหนุ่มสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาราวกับรูปวาด เผยแผ่ออร่าที่น่าเกรงขามออกมา

ไม่ว่าเมื่อไรและที่ไหน เขาก็เป็นเช่นนี้ แวววับจับตาเหมือนดาวดวงใหม่ ดึงดูดสายตานับครั้งไม่ถ้วน

เขามองมายังเธอด้วยสายตาที่ล้ำลึก เผยให้เห็นความซับซ้อนไม่รู้จบ มันยากที่จะสำรวจเช่นเดียวกับหลุมดำที่ไม่มีก้นบึ้ง

หรือเมื่อนานมาแล้ว ซูย้าวหมดความปรารถนาที่จะค้นหา เธอรีบหลบสายตา ก่อนหันไปหาโม่หว่านหว่านที่อยู่ข้างๆเธอและพูดคุยกับด้วยภาษามือที่เป็นธรรมชาติ

ลี่เฉินซีเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว

เสียงฝีเท้าหยุดลง สายตาที่จ้องมองเธอหนักอึ้งราวกับว่ามีอะไรบางอย่างจะพูดออกมา

เพียงแต่ว่า ไม่มีโอกาสนั้น

คนที่มาตัดหน้าเขา กลับเป็นเสียงสดใสของผู้ชายอีกคน-

“ซูย้าว ขอแสดงความยินดีด้วย!”

เมื่อได้ยินเสียง เธอก็ผงะ ก่อนหันไปเห็นเพ้ยส้าวหลิงที่เดินมาข้างหน้า อดไม่ได้ที่จะมองอย่างสงสัย คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาวันเปิดศาล

โม่หว่านหว่านกลับขมวดคิ้ว ก่อนรีบร้อนพูด “ประธานเพ้ย คุณมาได้อย่างไรคะ? แล้วยินดีอะไร?”

“แน่นอนว่ายินดีกับการหย่าของซูย้าวไง! จากนั้นขอแสดงความยินดีกับชัยชนะของคุณในคดีนี้ ชัยชนะอยู่ไม่ไกลแล้ว!”เขาพูดอีกครั้ง

ดั้งเดิมเป็นการแสดงความยินดีของสองคนนี้

ซูย้าวยิ้มบาง ไม่มีอะไรเกินไปในอารมณ์

โม่หว่านหว่านสังเกตเห็นลี่เฉินซีที่อยู่ไม่ไกล ฝั่งนี้พูดอะไร เขาได้ยินทุกคำ

สายตาของเพ้ยส้าวหลิงก็สังเกตเห็นเหมือนกัน ดวงตาเขาระยิบระยับ จู่ๆเขาก็ก้าวไปด้านหน้า แขนยาวจับมือของซูย้าวก่อนพาเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา เขาเห็นว่าเธอว่าเธอขัดแย้งเล็กน้อย แต่เขากลับลูบใบหน้าเธออย่างเป็นธรรมชาติ เสียงที่พูดออกมาดูน่าหลงใหล “ตอนนี้คุณก็เป็นอิสระแล้ว ในที่สุดผมก็สามารถจีบคุณได้เสียที ใช่ไหม?”

ทันใดนั้นเขาก็ยกหลังมือเธอขึ้นจุมพิต ก่อนพูดเสียงแหบต่ำออกมา “รู้ไหม ว่าผมแอบรักคุณมานานแล้ว!”

“… …”

คำสารภาพที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ซูย้าวตกตะลึง

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

โม่หว่านหว่านที่ยืนอยู่ด้านข้างกลอกตา ทันใดนั้นก็ส่งเสียงออกมาอย่างดีอกดีใจ “เยี่ยมมาก! ย้าวย้าว ตอบรับประธานเพ้ยของพวกเราเถอะ! เขารักเธออย่างจริงใจนะ!”

คำนั้นดังก้องอยู่ในโสตประสาท

ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของลี่เฉินซีปรากฏสายตาโหดเหี้ยมอำมหิต เขาก้าวเดินออกไปทันที โดยไม่หยุดแม้แต่น้อย ก้าวใหญ่ราวอุกกาบาต ร่างกายแผ่ออร่าที่น่ากลัวหนาวเหน็บเหมือนลมและคลื่นที่รุนแรงดุจในนรก

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset