บทที่ 252 ผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุด
หานฉ่ายหลิงยืนเหม่อคนเดียวที่ระเบียงทางเดิน เจี่ยงเวินอี๋ขึ้นบันไดมาพอดี พอเห็นเธอ ก็เดินเข้าไปหา “ฉ่ายหลิง ทำไมหนูมายืนเหม่ออยู่ตรงนี้ล่ะ”
“เอ่อ หนู…ไม่เป็นไรค่ะ!” หานฉ่ายหลิงร้อนรนนิดหนึ่ง รีบปรับความคิดของตัวเอง
เจี่ยงเวินอี๋มองไปทางห้องนอนแวบหนึ่ง ลี่เฉินซีกำลังกอดเด็กน้อยกล่อมเขาให้น้ำเกลือ และถือชามโจ๊กป้อนเจิ้งเอ๋อทีละคำๆ
ยากที่เด็กคนนี้จะสงบได้ เจี่ยงเวินอี๋ไม่อยากรบกวน เดินลงชั้นล่างไปกับหานฉ่ายหลิง และพูดขึ้น “เด็กยังเล็ก งอแงก็แค่พักหนึ่ง ไม่นานเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
เธอยิ้มให้ “อึม ค่ะ ถึงอย่างไรคุณป้าก็เป็นย่าแท้ๆ หลานสนิทกับย่าอยู่แล้ว!”
“ใช่แล้ว ฉันรักเด็กคนนี้มาก เพียงแต่เจิ้งเอ๋อยังเล็กมาก ยังไม่รู้ความอะไร” พูดพลาง สายตามองเจี่ยงเวินอี๋หานฉ่ายหลิง “ฉ่ายหลิง หนูเคยสอนเด็กพูด แถมยังรู้จักกับเจิ้งเอ๋อตั้งแต่เขายังเล็ก ต่อไปหนูหาเวลา มาเป็นเพื่อนเขาหน่อย นานไป ความสัมพันธ์ก็จะดีขึ้นมาก”
หานฉ่ายหลิงยิ้มพยักหน้าตอบรับ
แต่ในหัวก็นึกถึงบทสนทนาที่ได้ยินที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนโดยบังเอิญ เจี่ยงเวินอี๋แม้เปลือกนอกจะดูเป็นมิตร แต่ลึกๆ แล้วดูถูกเธอ ต่อให้ลี่เจิ้งสนิทกับเธอกว่านี้…
บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีหนึ่งก็ไม่แน่!
แสงสว่างวาบในหัว หานฉ่ายหลิงยิ้มเห็นฟัน พูดคุยกับเจี่ยงเวินอี๋อีกไม่กี่คำ ก็ขึ้นไปดูเด็ก
ตอนที่เธอขึ้นมา เจิ้งเอ๋อซบในอ้อมกอดของลี่เฉินซี ท่าทางสงบเหมือนกำลังจะหลับ ดูตาปรือค่อยๆ ปิดลง ปากขมุบขมิบ กำลังจะเข้าสู่ห้วงความฝัน หานฉ่ายหลิงผลักประตูเดินเข้าไป
เสียงเบาๆ ก็ยังปลุกเจิ้งเอ๋อ เขาลืมตาทันที ดวงตาโตดำขลับมองเธอ
“เจิ้งเอ๋อ มา ให้น้าอุ้มหน่อย ได้มั้ยคะ” หานฉ่ายหลิงเดินเข้าไป ยื่นมือไปจะอุ้มเธอ
ลี่เฉินซีนั่งตรงนั้น ก็เหลือบมองปฏิกิริยาเด็กน้อย ถามเบาๆ “ให้คุณน้าอุ้มหน่อยได้มั้ย”
“ไม่เอา!” เจิ้งเอ๋อรีบปฏิเสธ มือเล็กผลักหานฉ่ายหลิงพัลวัน เชิดหน้าหยิ่ง “คนร้าย พวกคุณเป็นคนไม่ดี เอาแม่ผมคืนมา!”
หานฉ่ายหลิงตะลึง แต่ยังคงฝืนยิ้มอธิบาย “หนูน้อย ไม่มีอะไร!”
แล้วยื่นมือไปลูบหัวเจิ้งเอ๋อเบาๆ “เจิ้งเอ๋อ น้าไม่ใช่คนร้าย มาเร็ว ให้น้า…”
เธอพูดยังไม่ทันจบ เจิ้งเอ๋อก็ผลักเธออีกครั้ง และแสดงท่าทางไม่พอใจ “น่ารำคาญ! คนร้าย ไปให้พ้น!”
ใครกันบอกว่าคำพูดเด็กไม่มีพิษมีภัย
ถูกเด็กสามขวบปฏิเสธ ยากจะรับได้
หานฉ่ายหลิงสีหน้าอึ้ง ลี่เฉินซีเห็นสถานการณ์ก็พูดขึ้น “ฉ่ายหลิง เจิ้งเอ๋อหมู่นี้อารมณ์ไม่ค่อยดี คุณออกไปก่อนเถอะ!”
“เฉินซี ฉัน…”
เธออยากจะพูดอะไรอีก น้ำเสียงน่ารักมีเสน่ห์ผิดปกติ
แต่ลี่เฉินซีไม่ขยับเขยื้อน เพียงแต่พูด “คนดี คุณออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นเจิ้งเอ๋อจะอาละวาดอีก!”
เพื่อลูกชาย เขาไล่เธอไม่ไว้หน้า เพื่อยัยใบ้นั่น เขายอมถอยครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่แรกถึงตอนนี้ เขาไม่เคยทำอะไรเพื่อเธอ!
ความรู้สึกผิดหวังใหญ่หลวง ผุดขึ้นในใจหานฉ่ายหลิงทันที เดินออกไปจากห้อง กัดฟันไม่พอใจ
ดูท่า วิธีเข้าใกล้เด็ก คงมีแต่ทำลายล้าง!
เด็กเปรตนี่ เหมือนกับซูย้าว จะเลี้ยงเสือให้มาเป็นภัยไม่ได้ รีบกำจัดแต่แรกถึงจะปลอดภัย
……
ซูย้าวรู้สึกตัวอีกครั้ง อยู่ในห้องพยาบาลของสถานกักกัน เพราะกระทบกระเทือนอารมณ์มากไป จนลมขึ้น ทำให้เป็นลม
เห็นเธอฟื้นแล้ว แพทย์หญิงที่อยู่ข้างๆ ก็จ้องเธอ พูดแต่ว่า “เธอไม่เป็นอะไรแล้ว กลับไปได้!”
ดูเหมือนจะไม่ให้เวลาเธอพักผ่อนสักครู่เลย รีบไล่เธอออกไป และยังเดินออกไปแจ้งเจ้าหน้าที่ข้างนอก ให้พวกเธอพาซูย้าวกลับไปห้องขัง
เธอค่อยๆ นั่งบนเตียง ขยับตัวนิดเดียว ก็รู้สึกว่ายังปวดท้องนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์แปรปรวนหรือเปล่า หรือเป็นเพราะเสียใจมากเกินไป หวังแต่ว่าจะไม่ทำร้ายเด็กในท้อง
ซูย้าวเคลื่อนไหวค่อนข้างช้า ทำให้แพทย์หญิงไม่พอใจ ผลักหลังเร่งเธอ “รีบกลับไปเร็ว! ผู้หญิงแบบเธอฉันเห็นมาเยอะแล้ว เพิ่งมาที่นี่ ไม่เคยชิน ก็คิดจะแกล้งป่วยในห้องพยาบาล คิดอะไรอยู่! รีบไปซะ!”
ซูย้าวถอนหายใจจนใจ ขณะที่หมอไล่ ก็ตามเจ้าหน้าที่หญิงกลับไปที่ห้องขัง
คนที่ถูกขังในสถานที่นี้ ต่างรอขึ้นศาลตัดสิน แม้ว่าจะไม่เรียกว่าผู้กระทำผิด แต่เกือบทั้งหมดก็ถูกตั้งข้อหาจากคดีอาชญากรรม ในห้องขังของซูย้าว ยังมีผู้หญิงอีกแปดคน อายุต่างๆ กันไป ความผิดก็ต่างกันไป
“โอ๊ะ สาวท้องแก่กลับมาแล้ว!”
พอเห็นเธอ ทุกคนก็ทักทายดีใจ ต่างหันมามองท้องของซูย้าว
ท้องสี่เดือนกว่า ตอนนี้ท้องของเธอโตชัดเจน มองเห็นชัดว่ากำลังตั้งท้อง
ไม่รู้เพราะอะไร ครั้งก่อนที่ท้องเจิ้งเอ๋อ ท้องสี่เดือนก็ไม่โตขนาดนี้! ทำไมครั้งนี้…
“เธอไม่ใช่แค่สาวท้อง ยังเป็นใบ้ด้วย!” มีคนหนึ่งพูดขึ้น
เสี้ยววินาทีนั้น ผู้หญิงสองสามคนเดินมา ล้อมตัวซูย้าว บางคนจับเสื้อผ้าดู บางคนจูงแขนเธอ และยังมีคนลูบท้องโตของเธอ
ซูย้าวระวังตัว รีบหลบปฏิเสธ คนพวกนี้จะทำอะไร!
“ดูสิเธอท้อง แล้วยังเป็นใบ้อีก ไม่อยู่ข้างนอกสบายๆ ทำผิดอะไรมาที่นี่” มีคนโฉบเข้ามาถาม
และมีอีกคนพูด “ฉันได้ยินมา เธอทำผิดเรื่องใหญ่! จ้างคนจับตัวประกัน! โหดใช้ได้!”
“ผู้หญิงร้ายที่สุด!”
ผู้หญิงหลายคนหัวเราะ คนทั้งห้องขังนั้น เอาซูย้าวไปล้อเลียน เสียดสีกระแนะกระแหนสารพัด พูดได้ว่าใช้วิธีการทุกอย่าง
ซูย้าวกังวลเต็มหัวใจ คิดถึงแม่อย่างเดียว ไม่รู้ว่าตอนที่รถคว่ำ แม่จะเจ็บมากแค่ไหน จะต้องเจ็บปวดมากแน่! หลับตาลงสะอื้น โดดเดี่ยวเพียงลำพัง จะต้องเหงามากแน่
ถ้าไม่เพราะลูกในท้องคนนี้ เธออยากจะลาจากโลกนี้ทันที ไปหาแม่
เธอจมอยู่กับความโศกเศร้า ไม่สนใจคนรอบข้างจะล้อเลียนเธออย่างไร ถือว่าพวกเธอเป็นแมลงวัน บินหึ่งๆ ก็เท่านั้น
ช่วงเวลาค่ำ มีคนมาส่งอาหาร
คนละหนึ่งชุด เป็นข้าวกล่อง
ซูย้าวไม่อยากอาหาร และไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น แต่มีคนส่งกล่องอาหารให้เธอ
เห็นอาหารอยู่ใกล้ๆ นึกถึงลูกในท้อง ถอนหายใจอย่างจนปัญญา กินหน่อยละกัน! เป็นผลดีกับเด็ก
เมื่อเปิดกล่องออก ก็ต้องตะลึง
อาหารที่เดิมทีสะอาดเปรอะดิน และยังมีน้ำลาย…ของอีกหลายคน?!
“กินเถอะ! คนชั่วอย่างเธอ เหมาะแล้วจะกินของพวกนี้!”
“ตอนเธอโหดเหี้ยมจับคนอื่น น่าจะคิดว่าจะมีวันนี้! มีให้กินก็ดีแล้ว! ไว้หน้าแล้วยังไม่เอา!”
คนที่อยู่ข้างๆ ยังก่นด่า นั่งรอดูเธอกินอาหาร บรรยากาศตึงเครียด ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงของเจ้าหน้าที่ดังเข้ามา——
“ซูย้าว ทนายมาพบ!”
ขณะที่เธอลุกขึ้น ก็ถือกล่องอาหารนั้นโยนทิ้งถังขยะ ใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ เดินออกจากห้องไปท่ามกลางสายตาของทุกคน
ตอนที่ หลินเวย มา ก็รับฝากคำพูดของโม่หว่านหว่านด้วย พอเห็นซูย้าว ก็รีบจับมือเธอ แต่เห็นกุญแจมือบนข้อมือเธอสะดุดตา
“หว่านหว่านให้ฉันบอกคุณ เรื่องของคุณน้าไม่ใช่อุบัติเหตุ ตอนนี้ยังพูดได้ไม่ชัด แต่คุณอย่าเสียใจเพราะเรื่องนี้มากเกินไป ซูย้าว คุณต้องยืนหยัด ไม่ใช่แค่เพื่อลูกในท้องคุณ แต่เพื่อแม่ของคุณด้วย!”
หยุดครู่หนึ่งหลินเวย พูดต่อ ก่อนคุณน้าจากไป โม่ป่ายอยู่กับคุณน้า คุณน้ากำชับให้โม่ป่าย ดูแลคุณให้ดี เพื่อคุณน้าแล้ว คุณต้องดูแลตัวเองให้ดี และยังมีเด็กในท้องด้วย เข้าใจมั้ย”