บทที่ 267 ศัตรูเจอกัน
หกโมงเย็น รถโรลส์รอยซ์สีดำหนึ่งคันมาจอดที่ลานจอดรถของโรงแรมจินถิง
ในขณะนั้น ฝูงนักข่าวที่อยู่ตรงหน้าประตูก็เริ่มหันมา แล้วมีคนร้องตะโกนขึ้น “เป็นรถของประธานลี่!ประธานลี่มาแล้ว!”
นักข่าวจำนวนมากพากันแห่แหนมาทางนี้ทันที แสงแฟลชจากกล้องมากมาย มาพร้อมไมค์อีกนับไม่ถ้วน นักข่าวต่างพากันกรูเข้ามาใกล้พวกเขา เพื่อต้องการจะสัมภาษณ์
ที่นี่คืนนี้ ได้มีการจัดงานเลี้ยงการกุศลSLYCXประจำปีขึ้น และเป็นบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปจัดขึ้น โดยได้จัดงานเฉลิมฉลองการกุศลภายในประเทศ และมีคนใหญ่คนโต นักธุรกิจ และคนมีชื่อเสียงต่างๆ มาร่วมงาน ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ของพวกนักข่าวในการสัมภาษณ์เลยก็ว่าได้
ประตูรถสีดำค่อยๆ เปิดออก แล้วก็เกิดแสงแฟลชขึ้นมากมาย ลี่เฉินซีดูมาดนิ่งและสง่ามาก เขาสวมชุดสูท พร้อมกับเสื้อคลุมยาวทับอีกตัว จึงทำให้ดูออร่าจับมาก และรูปร่างที่ดูกำยำของเขาก็ยิ่งทำให้ดูดีขึ้นไปอีก
พอเดินอ้อมมา หานฉ่ายหลิงกำลังกุมมือเขาแล้วลงจากรถมาด้วยกัน เธอใช้เสื้อกันหนาวขนแกะสีขาวคลุมชุดราตรีสีแดงสวยงาม และเรือนร่างเธอยิ่งทำให้ดูน่าดึงดูดมาก
นักข่าวจำนวนมากกรู่เข้ามา เพื่อจะเข้ามาสัมภาษณ์ จนคิดจะหลบยังไงก็หลบไม่พ้น
บอดี้การ์ดก็พยายามกันไว้ เพื่อให้ทั้งสองคนเข้าไปในโรงแรม นักข่าวมากมายต่างพยายามสัมภาษณ์พวกเขา อยู่ๆ กลับมีคำถามของสองสามคนที่ดึงดูดพวกเขาได้ และทำให้รู้สึกอ่อนไหวกับคำถามได้
“ประธานลี่หย่ามานานหลายปีแล้ว และก็โสดมาตลอด แต่เอาแต่เลื่อนงานมงคลกับคุณหาน เหตุผลเพราะว่ารอคนรักเก่ากลับมาใช่ไหม?”
“ประธานลี่ได้ยินว่าลูกเกิดอุบัติเหตุ ไม่ทราบว่าเป็นอุบัติเหตุจริงไหม?หรือมีคนตั้งใจวางแผนทำร้าย?”
“งานการกุศลSLYCY เมื่อก่อนได้ตั้งชื่อว่า กุศลSLYCY ไม่ทราบว่าเป็นการรวมชื่อของคุณกับอดีตภรรยาใช่ไหม?”
มักจะมีสองสามคนที่ถามคำถามลำบากใจ และทำให้กระตุกต่อมขึ้นได้ ถึงจะปิดมิดยังไง ก็ยังมีคนที่สามารถไปตามสืบได้อยู่ดี
หานฉ่ายหลิงแสร้งยิ้มออกมา และก็ทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองหน้าชายที่อยู่ข้างๆ อย่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย ถึงเธอจะไม่พูดอะไร แต่สายตาก็บ่งบอกทุกอย่าง
เธอกำลังรอ รอว่าเขาจะตอบคำถามนักข่าวยังไง และเป็นคำตอบที่ให้กับเธอด้วย
ลี่เฉินซีดูเธอออก และดวงตาสีดำสุขุมก็เปล่งประกายออกมา เขาหันไปมองนักข่าวรอบๆ แล้วก็อ้าปาก เพื่อจะพูดขึ้น “แค่เรื่องบังเอิญ!”
สี่คำ เขาตอบแค่สี่คำ
และในช่วงที่นักข่าวกำลังมึนงง เขาก็จับไหล่ของหานฉ่ายหลิงพร้อมกับรีบเดินเข้ามาด้านในโรงแรมทันที
“เฉินซี……”
หานฉ่ายหลิงมีท่าทีไม่พอใจเท่าไหร่ ตั้งแต่วันที่มีการจัดงานการกุศลSLYCXขึ้นเมื่อห้าปีก่อน เธอก็รู้ดีว่า เป็นชื่อของพวกเขาสองคน เขาใช้วิธีละเอียดอ่อน เพื่อเป็นการระลึกถึงงานแต่งงานที่เขาเสียไป และคนที่จากเขาไปด้วย
ในตอนนั้นเธอแทบจะทนไม่ได้ ถึงจะอดทนมาได้หลายปี แต่ในใจของเธอก็ยังรู้สึกโมโหอยู่ลึกๆ และมันก็ทำให้เธอขาดสติได้เลย
พอได้ยินคนข้างๆ เรียกชื่อเขา ลี่เฉินซีก็หันมามอง แล้วถามขึ้น “ห้ะ?”
หานฉ่ายหลิงชะงักไป ในตอนนี้ เธอจะพูดอะไรได้?ยังไงก็ถามออกไปตรงๆ ไม่ได้!
ต้องอดทนไว้ไม่งั้นจะเสียการใหญ่
ซูย้าวนังแพศยานั่นก็กลับมาแล้ว เธอไม่ควรจะตัดสัมพันธ์ไปในตอนนี้
หานฉ่ายหลิงยิ้มแล้วก็ซบไหล่เขาทันที “ไม่มีอะไร ฉันแค่เห็นว่าวันนี้คุณดูดีขึ้นมาหน่อย……..”
“รวมตัว” เขาหันไปทางอื่น แล้วก็ยื่นเสื้อคลุมไปให้คนดูแลที่อยู่ด้านข้าง
พวกเขาสองคนเดินเข้ามาด้านในงานเลี้ยงของโรงแรม
ทุกคนอยู่ในชุดราตรีที่สวยงาม ทั้งเสียงเพลงบรรเลงขับกล่อมและไฟในงานที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา
งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มากกว่าปกติ คนมีชื่อเสียงในวงการต่างๆ ทั้งชายหญิงที่สวยหล่อต่างมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ทำให้รู้สึกน่าตื่นเต้นและน่าสนุกมาก
เพราะงานการกุศลนี้ ก่อนที่แขกทุกคนจะเข้ามาในงาน ทุกคนต้องได้ลงนามด้านหน้าในการนำของมีค่าตัวเองมาประมูล และคาดการณ์ราคาประมูล เงินที่ได้จากการประมูลของนี้ ก็จะนำไปบริจาคให้กับสภากาชาดและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ลี่เฉินซีซึ่งเป็นประธานจัดงาน เป็นธรรมดาที่เขาต้องนำของออกมาประมูล และของพวกนั้นล้วนเป็นภาพวาดโบราณและอักษรโบราณ แม้ว่าราคาจะไม่มาก แต่ก็สามารถดึงดูดสายตาของแขกได้ไม่น้อย และที่ทำให้ทุกคนตะลึงในความแปลกตาก็คือ หานฉ่ายหลิง
หยกสลักลายมังกรและหงส์สิ่งสืบทอดมาของตระกูลหาน ทำขึ้นในยุคซ่งหยวน ซึ่งถือเป็นของล้ำค่าที่สุดในเมือง ไม่กี่ปีมานี้มีเพียงคนพูดต่อๆ กัน แต่ไม่เคยมีใครได้เห็นของจริง ไม่นึกว่าวันนี้กลับถูกเธอนำมาประมูลด้วย
พอพวกเขาลงนามเสร็จ ตอนที่ทั้งสองคนเดินเข้ามา ลี่เฉินซีจึงถามขึ้น “คุณแน่ใจเหรอว่าจะประมูลของสองสิ่งนั้น?”
เธอยิ้มอ่อน “ถึงครั้งนี้จะไม่นำมาประมูล คุณพ่อของฉันก็ต้องการเอาไปบริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์อยู่ดี เพื่อให้ทุกคนได้เข้าชม ไม่สู้เอามาประมูลดีกว่า แถมยังสามารถนำเงินไปให้กับเด็กกำพร้าเหล่านั้น ไม่ดีกว่าเหรอ?”
สายตาที่ธรรมดาและเปล่งประกายของเธอส่งมาให้กับเขา พร้อมกับจับมือเขาไว้แน่น หานฉ่ายหลิงจึงพูดขึ้น “ทำไมเหรอ?ฉันสนับสนุนคุณแบบนี้ ไม่ดีเหรอ?”
ลี่เฉินซีแง้มปากพูดขึ้น “ดี!ดีอยู่แล้ว”
นำของดั้งเดิมในตระกูลออกมาประมูลแบบนี้ แน่นอนว่าเธอก็ทำใจไม่ได้ แต่เพื่อเอาใจเขา และก็เพื่อชื่อเสียงของเธอเอง ก็ถือว่าไม่เท่าไหร่ ถ้าไม่ลงทุนอะไร จะได้กำไรได้ไงล่ะ?
ในเวลาคับขันแบบนี้ เธอต้องพยายามกุมหัวใจของเขาให้ได้ และต้องรีบแต่งงานให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นยัยใบ้กลับมาแล้ว สิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดก็เท่ากับว่าสูญเปล่า…….
ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด อยู่ดีๆ ด้านหน้าก็มีคนมุงถ่ายรูปกันเต็ม เธอเองก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างขึ้นมา
และก็เป็นอย่างที่คิด ลี่เฉินซีเองก็หันไปเห็นเหมือนกัน
วันนี้ซูย้าวยิ่งดูสะดุดตาอย่างมาก เธออยู่ในชุดราตรีสีขาวที่เผยให้เห็นเนื้อเนียนขาวของเธอ และผมลอนยาวสลวย เสริมด้วยปอยผมที่พลิ้วไปมาด้านหน้าแก้ม อีกทั้งดูจากด้านหลังก็เห็นคอที่ขาวเนียนผ่อง
ชุดราตรีของเธอออกมาแบบไม่เหมือนใคร รับกับท่วงท่าการขยับ ยิ่งทำให้ดูสง่างาม และสะดุดตาทุกคน เธอเดินออกมาจากฝูงชนพลางพูดคุยไปด้วย ในมือก็ถือค็อกเทล พลางจิบมาด้วย และพอเธอยิ้มออกมาทีหนึ่งก็แทบจะทำให้ใจละลายได้เลย
คนทั้งกลุ่มนั้น รวมถึงดาราคนดังคนมีชื่อเสียงต่างๆ ก็โดนเธอกลบจนหมด ทั้งสง่าและพูดจาดี ยิ่งทำให้ทุกคนตกตะลึง ทุกคนจับจ้องไปที่เธอด้วยความรู้สึกแปลกตา และหลงใหลในตัวเธออย่างมาก
หานฉ่ายหลิงเงยหน้าขึ้น และก็เป็นอย่างที่คิด ลี่เฉินซีเองก็หันไปสนใจหล่อนเหมือนกัน
ซูย้าวทักทายกับผู้คนเล็กน้อย พอรู้สึกว่าตัวเองยิ้มจนเหนื่อยแล้ว ยากมากในการออกงานสังคมในแต่ละครั้ง เธอจึงเปลี่ยนเป็นแก้วไวน์ แล้วหันไปเพื่อต้องการจะไปพัก แต่ไม่คิดว่าสายตาจะไปสะดุดที่เขาตรงกลางฝูงชนฝั่งนั้น
ความหล่อของเขาไม่ว่าเวลาไหนหรือตอนไหนก็โดดเด่นกว่าทุกคนมาก และสามารถดึงดูดให้มองได้ตลอด คนแบบลี่เฉินซีก็เป็นแบบนี้
เพียงแค่ข้างกายเขาควงผู้หญิงมาด้วย จึงทำให้ซูย้าวขมวดคิ้วนิดหน่อย
สายตาเธอเป็นประกาย เธอยกแก้วไวน์ในมือขึ้น แล้วรินไวน์แดงลงไป ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดขึ้น——-
“คืนนี้มาคนเดียวเหรอ?”
ซูย้าวค่อยๆ หันไป และก็เป็นเพ้ยส้าวหลี่จริงๆ
ไม่ได้เจอกันนานห้าปี เขาเองก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดูมีภูมิฐาน และดูดีมาก แถมยังมีเคราเล็กๆ ใต้คางอีกด้วย ดูแล้วเซ็กซี่และมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย
ซูย้าวยิ้มให้เขา เหมือนกับว่าได้เจอเพื่อนเก่า “ประธานเพ้ย ไม่เจอกันนานเลย!”
“ไม่เจอกันห้าปี ที่จริงก็ถือว่านานพอสมควร งั้นก็แสดงว่าคอของคุณก็หายดีแล้วสินะ” เพ้ยส้าวหลี่เดินมาข้างๆ เธอ พร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม ที่ดูไม่ได้แปลกใจอะไร “ได้ยินว่าคุณกลับมาแล้ว ไม่นึกว่าจะได้เจอกันที่นี่ ถือว่าบังเอิญมากเลย!”
ซูย้าวพูดพึมพำ บังเอิญอะไร งานการกุศลปีหนึ่งจัดครั้งหนึ่ง เต็มไปด้วยเหล่านักธุรกิจ ดารามากมาย จะมีใครไม่มาบ้าง
เขาหันมามองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง แล้วพูดขึ้น “ทำไมมาคนเดียว?ไม่ได้ควงใครมาด้วยเหรอ?”
“ประธานเพ้ยก็พูดไป จะมีใครที่ไหนกันล่ะ” เธอพูดพร้อมยิ้ม อย่างนิ่งๆ
เพ้ยส้าวหลี่จึงพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปหาเธอ “งั้นก็พอดีเลย ผมก็ไม่ได้ควงใครมาด้วย คุณซูจะยอมให้เกียรติผมได้ไหม?”