บทที่ 272 อย่าลืมสิว่าเราหย่ากันแล้ว
จากการเคลื่อนไหวของเขา สิ่งที่ซูย้าวเห็นนั้นก็คือความน่าเกรงขามเช่นเดียวกับที่ผ่านมา
เธออ่านจากน้ำเสียงที่ได้ยิน ก็เป็นเพียงแค่การกล่าวหาและตำหนิ
ราวกับว่าเธอทำอะไรผิด และเขาก็เปรียบเสมือนผู้ใหญ่ที่คอยแก้ไขปัญหา
และความรู้สึกนี้ มันทำให้เธอเองรู้สึกแย่มาก
“ฉันจะทำงานที่ไหน มันก็เป็นสิทธิของฉัน มันไปเกี่ยวข้องอะไรกับคุณไม่ทราบ?” ขณะพูด ซูย้าวพยายามดิ้นไปมา เพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา
เมื่อดิ้นแรงขึ้น ทำให้เสื้อคลุมนั้นคลายออก เผยให้เห็นชุดชั้นในลายลูกไม้บางๆ ดวงตาของลี่เฉินซีนั้นครึ้มลง
เธอรีบกระชับเสื้อคลุมให้แน่นที่สุด สายลมพัดผ่าน จนไม่สามารถต้านทานลมหนาวนี้ได้ ดูเหมือนว่าอากาศจะเย็นลงเรื่อยๆ
“มันก็อาจจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผมหรอก”
คำตอบที่เย็นชาของลี่เฉินซีเพียงไม่กี่คำ แต่กลับทำให้ซูย้าวรู้สึกพอใจมาก เธอรีบตอบกลับทันที “รู้ไว้ก็ดี!”
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะหนีไปอีก ลี่เฉินซีจึงรีบเดินไปขวางทางเธอไว้ “แล้วเธอรู้หรือจักจู้สือกรุ๊ปละเอียดดีหรือยัง?”
น้ำเสียงของเขาดูร้อนรน ราวกับว่าไปเจอกับเรื่องอะไรที่น่าเป็นห่วง
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำให้อารมณ์ของเธอค่อยๆเย็นลง แล้วเงยหน้ามองเข้า จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “ทำไมล่ะ? ประธานลี่เริ่มสนใจจู้สือกรุ๊ปขึ้นมาแล้วเหรอ?”
เมื่อมองเข้าไปในดวงตาแววดำของเขา แววตาของเธอก็สงบนิ่ง และเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ต้องขอโทษด้วยนะที่เจ้านายของฉันไม่สนใจบริษัทลี่ซื่อ แล้วก็ไม่มีท่าทีว่าจะอยากร่วมงานด้วย ต้องขออภัยด้วยนะคะท่านประธานลี่”
พูดจบ ซูย้าวก็รีบก้าวเดินออกไป โดยไม่มีท่าทีว่าจะอยู่ต่อ
และครั้งนี้ ลี่เฉินซีก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหยุดเธอ
แต่เมื่อเห็นเธอกำลังจะลงบันไดไปชั้นล่าง เขาก็รีบก้าวยาวๆตามเธอไป
แรงที่เต็มไปด้วยพละกำลังจับข้อมือบางๆของเธอเอาไว้ ทำให้ฝีเท้าของเธอหยุดชะงักไปพร้อมๆกับร่างผอมบางของเธอ เขาผลักเธอเข้าไปติดกับผนังด้านหนึ่งของทางเดิน ชายหนุ่มใช้แขนที่มีแรงมากกว่าของเขากักตัวเธอไว้ระหว่างกำแพงและแผ่นอกของเขา
ซูย้าวมองเขาด้วยความโกรธ ดวงตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ลี่เฉินซี คุณ……”
พูดยังไม่ทันจบ เสียงทุ้มต่ำของเขาก็ดังขึ้น
“ที่ผมสนใจน่ะคือคุณต่างหาก!”
ทันใดนั้น เธอก็อึ้งไปเล็กน้อย
“ถึงแม้ว่าจู้สือกรุ๊ปจะเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งอย่างเทียบไม่ได้ และมีประสิทธิภาพมากกว่าบริษัทลี่ซื่อเองหลายเท่า ผมเองไม่ได้อิจฉาหรอกนะ เพราะเบื้องหลังของจู้สือเองนั้นซับซ้อนมาก แล้วคุณทำงานให้บริษัทนั้น มันไม่ปลอดภัยสำหรับคุณ!”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว เขารู้ดีกว่าจู้สือเป็นบริษัทแบบไหน และเข้าใจดีว่าผู้บริหารที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนั้นน่าจะเป็นคนแบบไหน การที่เข้าไปทำงานใบบริษัทแบบนี้ สำหรับซูย้าวแล้ว มันไม่ต่างอะไรกับการขี่หลังเสือ ซึ่งผลของมันก็เกินกว่าจะที่จินตนาการได้!
ในที่สุดซูย้าวก็เข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
พริบตาเดียว สีหน้าของเขาก็หม่นลง ดวงตาคู่งามของเขามองต่ำเพื่อปกปิดความกระวนกระวายในสายตาและความคิดที่วนไปซ้ำมาในหัวอยู่หลายครั้ง ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มเจือนๆเท่านั้น
เธอลืมตาขึ้น มองใบหน้าเยือกเย็นของเขาอีกครั้ง “อย่าว่าแต่เบื้องหลังของจู้สือเลย ฉันก็เป็นแค่หนึ่งในหมื่นของพนักงานที่อยู่ในเครือของจู้สือเท่านั้น คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องของความปลอดภัย หวังว่าประธานลี่จะไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่นะคะ”
ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่?
ม่านตาของเขาหดลงด้วยความตกตะลึง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว รบกวนท่านประธานลี่ปล่อยมือด้วยค่ะ” สีหน้าของซูย้าวนั้นเรียบเฉยราวกับน้ำ
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยังจ้องมองเธอด้วยสายตาที่หนักแน่นและถลำลึก ร่างสูงโปร่งของเขายังคงแน่นิ่งไม่ขยับ เหมือนจะกลั่นแกล้งเธอด้วยระยะห่างที่อยู่ใกล้ชิดเธอมากเกินไป จนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แผ่วเบาข้างๆหูเธอ ทำให้เธอรู้สึกจักจี้ที่หูเบาๆ
“คุณเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งงั้นเหรอ? คำคำนี้ต่อให้อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ!”
คำพูดนั้นดังวนเวียนอยู่ในหู
ซูย้าวหยุดนิ่ง เธอยักไหล่แล้วยิ้มเบาๆ “แล้วต้องยังไงคุณถึงจะเชื่อคะ?”
“ออกจากจู้สือกรุ๊ปซะ!” เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว เร็วซะจนเธอไม่ทันได้พูดต่อ
แววตาของเธอเผยให้เห็นความประหลาดใจไปเสี้ยววินาที จากนั้นเธอจึงหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน “ท่านประธานลี่ประเมินฉันสูงเกินไปแล้วค่ะ! มีงานดีๆแล้วไม่ให้ทำ จะให้ฉันกัดก้อนเกลือกินเหรอคะ?”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว “ถ้าต้องการเงิน ผมให้ได้ จะมากจะน้อยก็ไม่มีปัญหา!”
คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันเล็กน้อย คำพูดเบาบางที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “ท่านประธานลี่ช่างใจกว้างจังเลยนะคะ แต่น่าเสียดาย ฉันมีเหตุผลของฉันและฉันก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต้องรับเงินจากคุณมานานแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
คำว่าขอโทษมันยิ่งแทงใจดำลี่เฉินซีมากขึ้น เขากำข้อมือของเธอไว้แน่น สายตาเยือกเย็นจ้องไปที่เธอ แล้วพูดอีกต่อไปว่า “คุณเคยเป็นภรรยาของผม และยังเป็นแม่ของลูกผม ไม่ว่าจะลูก หรือคุณ ผมก็มีหน้าที่ที่ต้องดูแลทั้งนั้น!”
ทุกคำพูด ทุกความจริงใจ ทุกความมั่นใจ มันเต็มไปด้วยความแน่วแน่ที่ไม่อาจต้านทานได้
ช่างเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ และเป็นอดีตสามีที่ดี
น่าเสียดาย ที่ซูย้าวไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบนั่งรอความเมตตาและความสงสารจากอดีตสามี
อย่างน้อย ด้วยศักดิ์ศรี เธอจึงยอมไม่ได้
เมื่อมองเข้าไปในแววตามันเฉยเมยของเธอ แววตาของเขากลับยิ่งเย็นชา น้ำเสียงยิ่งเยือกเย็นและหนักแน่นขึ้น “นี่คือเหตุผลและหน้าที่ เท่านี้ยังไม่พอเหรอ?”
“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ยอมรับ ท่านประธานลี่จะว่ายังไงคะ?” ซูย้าวกล่าวปฏิเสธอย่างเฉยเมย
ดวงตาของลี่เฉินซีจ้องเขม็ง และสีหน้าของเขาก็แข็งทื่อ
เขาน่าจะรู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าศักดิ์ศรีของผู้หญิงคนนี้หนักแน่นเพียงใด ด้วยวิธีการแบบนี้เธอไม่มีทางยอมรับแน่ แต่เขายังคงอยากที่จะลอง……
หลังจากที่รู้ว่าเธอทำงานให้จู้สือกรุ๊ป เขาก็อยากมาหาเธอ เพื่อบอกให้เธอถอยออกมา
เพราะหญิงโง่คนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เธอมีความหมายต่อธุรกิจของบริษัทอย่างไร มีมูลค่ามหาศาลมากแค่ไหน!
เธอจะเป็นเหมือนต้นเงินต้นทอง และจะไม่มีใครยอมใคร
จู้สือไม่ยอมแพ้แน่ ยังไงก็ไม่ยอม
มันเป็นเหมือนกับปลิง ที่จะคอยเกาะดูดกินเลือดของซูย้าวตลอดไป จนกว่าเลือดของเธอจะหมดตัว
และจะไม่ยอมหยุด จนกว่าจะถึงตอนนั้น
“ฉันเข้าใจถึงความหวังดีของคุณ แต่งานมันเป็นงานของฉัน ถ้าฉันไม่อยากทำ ก็ไม่มีใครบังคับฉันได้”
“อีกอย่าง พวกเราก็หย่ากันแล้ว อดีตสามีไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบหรือดูแลอดีตภรรยาหรอกนะ จดไว้ในพจนานุกรมของคุณด้วย ว่าเราหย่ากันแล้ว!”
เพียงคำพูดธรรมดา แต่มีพลังทำลายล้างสูงมาก
ขณะนั้นเองร่างกายของลี่เฉินซีก็เหมือนโดนสูบพลังงานออกไปจนหมด จนไม่สามารถทนต่อแรงดิ้นเพียงเล็กน้อยของซูย้าวได้ เขาเหมือนหุ่นเชิดที่สูญเสียการควบคุม และยืนอย่างอ่อนแรงเฝ้าดูเธอเดินจากไป
เมื่อกลับมาถึงห้อง ใจของซูย้าวก็เต้นอย่างปั่นป่วน ไม่อาจสงบสุขได้ เธอขังตัวเองไว้ในห้องนอน และหลับตาลงอย่างทำอะไรไม่ถูก
เธอจะไม่รู้ถึงความอันตรายของจู้สือกรุ๊ปได้อย่างไร การที่เธอเข้าไปทำงานที่นั่น ไม่ต่างอะไรกับเข้าไปอยู่ในถ้ำเสือ
แต่ในตอนนั้น เธอเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น
มันเหมือนกับการพนันครั้งใหญ่ เธอเดิมพันทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ ถ้าเธอชนะ ก็จะได้ชีวิตที่สวยงามของลูกๆกลับมา แต่ถ้าเธอแพ้…..
คนที่จะตกนรกทั้งเป็น ก็คือเธอ
แต่ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร เธอก็จะบอกลูกๆ ว่าสบายดีเสมอ
ขอเพียงแค่ลูกของเธอมีชีวิตที่ดี ก็พอแล้ว
ซูย้าวทรุดลงปลายเตียง นั่งกอดเข่าของเธอเอาไว้ ดวงตาที่ปิดสนิทของเธอนั้นสั่นเล็กน้อย ใจของเธอไม่สามารถสงบลงได้ ความรู้สึกที่ซับซ้อนสะเทือนไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมืองที่ไม่เคยหลับใหลในย่านใจกลางเมือง
ด้านหลังถังขยะใบใหญ่ที่มุมถนน มีร่างผอมบางขดตัวอยู่ เท้าเปลือยเปล่ามีร่องรอยบาดแผลที่น่าตกใจ จากการถูกไฟไหม้
แผลพุพองมีเลือดและหนองไหลออกมาเล็กน้อย ทำให้ขาขาวๆ กลายเป็นสีแดงและบวมช้ำ
ร่างของเด็กนอนหดตัวอยู่ที่มุมนั่นอย่างแน่นิ่งไม่ขยับ
หมาข้างถนนเข้าไปคุ้ยกองขยะเพื่อหาเศษอาหาร มันได้กลิ่นของต้นขาที่เต็มไปด้วยบาดแผลเข้าโดยไม่รู้ตัว มันจึงหันไปรอบๆ และวิ่งหนีไป