บทที่ 29 เชื่อคุณหรือจะเชื่อเธอ
ห้องนอนทั้งห้องเงียบสงัดลงทันที
ซูย้าวเหนื่อยมากกับการที่ถูกเขาพลิกไปมา เหนื่อยหมดเรี่ยวแรง ขดตัวอยู่ที่มุมแต่กลับนอนไม่หลับ ประคองถ้วยเอาไว้ เอนตัวอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง เป็นเวลานาน จากนั้นก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
ทุกย่างก้าว ซูย้าวต้องกัดฟันทนกับความเจ็บอย่างแสนสาหัส เมื่อเดินไปที่ห้องน้ำ ระยะทางเพียงไม่กี่สิบก้าวสั้นๆ เงื้อมมือที่ทำให้เจ็บปวด ทำให้เหงื่อออกเป็นชั้นๆ
เปิดฝักบัว เสียงของซ่าๆของน้ำไหล ไอความร้อนแผ่ออกมา ระเหยฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง
ซูย้าวนอนเอนกายอยู่ในอ่างอาบน้ำ น้ำร้อนปกคลุมหุ้มไว้ทั้งร่างกาย ดูเหมือนจะบรรเทาความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดลงไปได้มาก
แต่คำพูดประโยคนั้นของลี่เฉินซีที่ทิ้งไว้ให้เธอตอนที่เดินจากไปก็ปรากฏขึ้นมาในใจ——
“คุณยังเล่นลูกไม้ต่อไปได้ แต่ให้ดีที่สุดอย่าให้ผมจับได้!”
“ไม่อย่างนั้น คราวหน้าจะไม่เรียบง่ายเหมือนเมื่อกี้แล้ว ผมมีวิธีการและลูกเล่นบางอย่าง หากคุณคิดอยากจะลองละก็ ก็มาลองดูสิ!”
ยากที่จะควบคุมได้ หัวใจก็บีบรัดแน่น
ไม่ทันที่จะได้คิดอะไรมาก เสียงร้องของเด็กก็ดังเข้ามาในหู
ซูย้าวรีบปีนออกจากอ่างอาบน้ำ และวิ่งออกจากห้องนอนด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำ ในห้องทารก พี่เลี้ยงกำลังอุ้มกล่อมเจิ้งเอ๋อไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยร้องไห้ไม่หยุด แต่เมื่อได้เห็นเธอ ก็ยื่นมือเล็กๆออกมา จะให้อุ้ม
“นายน้อยจำแม่ได้แล้ว เก่งจังเลย!” พี่เลี้ยงพูดจบ ก็ยื่นทารกให้เธอ
ซูย้าวยิ้มเล็กน้อย โอ๋ลูกชายไว้ในอ้อมแขน มองไปยังใบหน้าที่ขาวอ่อนโยนของเขา ราวกับว่าหมอกควันภายในใจ ได้หายไปในทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูย้าวกำลังโอ๋ลูกอยู่ชั้นบน พี่เลี้ยงก็วิ่งขึ้นมา “คุณนาย คุณหานมา!”
ซูย้าวผงะ ส่งลูกให้กับพี่เลี้ยงดูแลต่อ แล้วตัวเองก็ลงไปชั้นล่าง
หานฉ่ายหลิงแต่งกายด้วยชุดสูทผู้หญิงสีอ่อน แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้หญิงมาดมั่น มองไปที่เธออย่างนุ่มนวล “คุณซู ไม่ได้รบกวนคุณใช่ไหม”
ซูย้าวส่ายหน้า และตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“แต่ว่า สีหน้าของคุณซู ทำไมถึงดูไม่ค่อยจะดีเลย” หานฉ่ายหลิงถาม
เธอตกใจเล็กน้อย ท่าทางลุกลี้ลุกลนนิดหน่อย ยิ่งรู้สึกอายมากขึ้น
แต่หานฉ่ายหลิงกลับอยากที่จะเซ้าซี้ถาม พูดเพียงว่า “เรื่องเกี่ยวกับบ้านใหญ่ตระกูลซู เธอได้คุยกับเฉินซีรึยัง”
เรื่องนี้…….
เธอไม่มีโอกาสได้คุยกับลี่เฉินซีเลย
เมื่อเห็นดวงตาของเธอที่กะพริบด้วยความสับสน หานฉ่ายหลิงก็พูดขึ้น “เวลายังไม่เร่งรีบ คุณซูค่อยๆหาโอกาสไปก็ได้ ต้องรีบร้อน!”
ซูย้าวยิ้มเบาๆ แสดงความขอบคุณ
“จริงสิ เจิ้งเอ๋อล่ะ” หานฉ่ายหลิงซื้อของเล่นมานิดหน่อย ต้องการจะมอบให้กับ ลี่เจิ้ง
เธอแค่คิดจะชี้นิ้วไปยังชั้นบน แต่ทันใดนั้น ในสมองก็นึกถึงคำที่ได้ยินในห้องน้ำระหว่างงานเลี้ยงครั้งก่อนขึ้นมา ไม่ว่าจะอย่างไร ก็จะต้องอยู่ในความไม่ประมาทใช่ไหม
ซูย้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และยังคงแสดงท่าทางที่หมายถึงการนอนให้กับหานฉ่ายหลิง
“นอนแล้วเหรอ อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปปลุกเขา!” หานฉ่ายหลิงแสดงออกถึงความเสียใจเล็กน้อย วางของเล่นทิ้งไว้ และคุยอยู่กับซูย้าวอีกสักพักแล้วเดินจากไป
เสียงของดนตรีที่คึกคักของผับมี้หวน บนดาดฟ้าชั้นสอง
บนโซฟาที่มืด ลี่เฉินซียังคงเอนกายพิงโซฟาอยู่ แสงไฟนีออนหลากสีสว่างวาบบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ในที่เขี่ยบุหรี่ด้านหน้า มีก้นบุหรี่สี่ห้าก้านถูกเขี่ยทิ้งไว้
เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะรอบตัวดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูไม่แยแสนั้นดูเคร่งขรึม นิ้วเอาเรียวของเขากำลังเล่นอยู่กับไฟแช็กโลหะ ขณะที่เปิดปิดเล่นอยู่ ความเยาะเย้ยที่เยือกเย็น ก็แผ่ออกมาทั่วร่างกาย
“คุณชายลี่วันนี้คุณเป็นอะไร” ลู่ส้าวหลิงเงยหน้าขึ้นขณะที่ถือแก้วไวน์ จ้องมองไปยังเขาด้วยความสงสัย
ลี่เฉินซีไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองไปยังเปลวไฟของไฟแช็กด้วยสายตาที่เฉยเมย
เสียงคลิกดังขึ้นหนึ่งครั้ง เปลวไฟก็ดับลง
ลู่ส้าวหลิงมองไปยังเขา ลดน้ำเสียงลง “ยังกังวลกับข่าวของสองวันนี้เหรอ”
จากนั้นไม่นาน เขาก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “คุณคิดว่ายัยใบ้คนนั้นเป็นคนปล่อยข่าวพวกนี้เหรอ เด็ดขาดไปไหม! มีหลักฐานรึเปล่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น เสียงเยาะเย้ยก็ดังขึ้นจากริมฝีปากอันเย็นชาของลี่เฉินซี
ในดวงตาที่ซับซ้อน มันลึกล้ำเกินคาดเดา
ลู่ส้าวหลิงเหมือนจะเข้าใจได้ อดไม่ได้ที่จะตบไหล่เขาด้วยแขนอันยาว พูดอย่างเฉยเมยออกไปว่า “ไม่เข้าใจพวกคุณเลย หรือไปดื่มกันเถอะ!”
และที่นี่ ซูหยวนถือแก้วไวน์เดินตรงมานั่งข้างลี่เฉินซี มืออันนุ่มนวลวางลงบนแขนของผู้ชายคนนั้น “พี่เฉินซี!”
เสียงอันหวานนุ่ม ราวกับน้ำผึ้ง
ลู่ส้าวหลิงเห็นท่าทีอย่างนั้น จึงได้แสยะยิ้ม และลุกขึ้นเดินออกไปไม่ไกล
“ทำไมช่วงนี้ไม่ตอบกลับวีแชทเลย” ซูหยวนเอียงศีรษะ ดวงตากลมโตที่ถูกแต่งหน้ามาอย่างเต็ม เต็มไปด้วยประกายแห่งความคาดหวัง
“ยุ่ง!”
ลี่เฉินซีพูดอย่างเย็นชาแล้วขยับมือของเธอออก ทิ้งคำพูดไว้อย่างเย็นชา แล้วลุกขึ้นเดินจากไป
“พี่เฉินซี อย่าเพิ่งไปสิ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณนะ!”
ซูหยวนเห็นว่าลี่เฉินซีกำลังจะไป จึงรีบลุกตามขึ้นไปอย่างเร็ว มือเล็กๆของเธอเกาะแขนของเขา พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเล็กน้อย “วันนี้ได้เจอกับผู้สื่อข่าวลี่ของสถานีโทรทัศน์ เขาบอกว่า ก่อนหน้านี้ซูย้าวได้ติดต่อกับเขา…….”
ผู้สื่อข่าวลี่เหรอ
ร่างกายของลี่เฉินซีหยุดนิ่ง ดวงตาของเขาจมลงเล็กน้อย
ซูหยวนมองไปที่เขา เม้มปากอย่างลับๆ แล้วพูดว่า “บางทีฉันอาจจะยุ่งมากไปก็ได้พี่เฉินซีคุณอย่าได้ถือสาเลย!”
เธอพูดจบก็คิดจะออกไป แต่กลับถูก ลี่เฉินซีจับข้อมือไว้ ซูหยวนแสร้งทำเป็นประหลาดใจและหันกลับมา “พี่เฉินซี มีอะไรเหรอ”
“พูดต่อสิ!” เสียงของเขาทุ้มต่ำ ราวกับออกคำสั่งให้คนไม่กล้าขัดขืน
ซูหยวนลดคอลง กะพริบตาอย่างไร้เดียงสา แล้วพูดต่อ “เป็นเพราะผู้สื่อข่าวลี่เคยสัมภาษณ์ฉันหลายครั้ง จึงได้รู้จักกัน เขาบอกว่าน้องสาวได้ติดต่อหาเขา แล้วก็เอาเรื่องระหว่างสามีภรรยาทั้งน้อยใหญ่ของพวกคุณมาเปิดเผยกับเขา!”
เมื่อไม่นานนี้ข่าวเกี่ยวกับเขาถูกเปิดเผยออกมา อย่างโหมกระหน่ำ ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทลี่ซื่อ เกิดการผันผวน และในตอนนี้ซูหยวนก็พูดแต่งเติมให้เกินเลยความเป็นจริง เชื่อว่างานนี้ซูย้าว ต้องตายแน่นอน!
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว จ้องมองเธออย่างเย็นชา
“บางทีฉันอาจจะพูดมากเกินไป เพราะมันเป็นเรื่องในบ้านของพี่เฉินซีนินา!” ซูหยวนขอโทษอย่างรวดเร็ว ร่างอันเล็กบอบบางของเธอแอบอิงอยู่ข้างเขา
ริมฝีปากของลี่เฉินซีหยุดนิ่งชั่วครู่ ความเย็นที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างกาย ดูเหมือนจะทำให้อากาศโดยรอบแทบจะเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง
“คุณจะบอกว่าซูย้าวติดต่อกับนักข่าวงั้นเหรอ”
จู่ ๆเขาก็พูดขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็ผลักมือที่บอบบางไร้กระดูกของซูหยวนออกไป
ซูหยวนกะพริบตาที่ไร้เดียงสาของเธอ และแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา “ฉันก็ฟังมาจากผู้สื่อข่าวลี่!”
ปัดเรื่องทุกอย่างทิ้งทันที และยังคิดถึงรูปแบบของเธอจริง ๆ!
“ฮ่า!”
ลี่เฉินซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา ความหนาวเหน็บของร่างกายก็ลดลง เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แสงจันทร์เย็นนวลจางๆเผยให้เห็นความเจ้าเล่ห์ “เธอคอยดูแลลูกๆอยู่ที่บ้านทุกวัน แทบจะไม่ได้ก้าวออกจากบ้าน คุณบอกว่าเธอแอบติดต่อกับนักข่าวเหรอ”
ซูหยวนตกตะลึงครู่หนึ่ง กลืนน้ำลาย และรีบพูดแก้ต่าง “ไม่ออกจากบ้าน….ก็ติดต่อได้! เธออาจโทรศัพท์ไหมล่ะ!”
ลี่เฉินซีหรี่ดวงตาที่เยือกเย็นลง พูดซ้ำ ๆด้วยเสียงต่ำ “โทรศัพท์งั้นเหรอ”
“…….ใช่นะสิ! เธอยังโทรศัพท์ได้ หรือไม่ก็ส่งข้อความ!” ซูหยวนยังคงให้เหตุผลของตัวเอง
ทันใดนั้นเขาก็ก้มหน้าลง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา เต็มไปด้วยพลังงานชั่วร้าย แรงกดดันที่มหาศาลกดลงบนผู้หญิงข้างเขา “ด้านหนึ่งก็เป็นภรรยาของผม อีกด้านก็เป็นคุณ ซูหยวน คุณคิดว่าผมจะเชื่อใคร”
“นี้…..”
ซูหยวนไม่คาดคิดว่าลี่เฉินซีจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ เธอจึงต้องตกตะลึงด้วยความประหลาดใจ
ครู่หนึ่ง เมื่อที่อ่อนนุ่มก็วางลงบนแขนของผู้ชายคนนั้น เสียงอันมีเสน่ห์นั้นดังขึ้นราวกับนัดมา
“พี่เฉินซีแน่นอนว่าจะต้องเชื่อคนในครอบครัวสิ! คนในครอบครัวไม่มีทางโกหก…..”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูก ลี่เฉินซีสะบัดมือทิ้งด้วยความขยะแขยง!
ซูหยวนตกใจกลัว ใบหน้าซีดลงด้วยความตกใจ
“พูดข่าวโคมลอยพวกนี้ให้มันน้อยหน่อย!”
คำเตือนที่แสนเยือกเย็น เขาไม่คิดจะสร้างปัญหาให้กับซูหยวน แต่ก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัว ลี่เฉินซีลุกขึ้นอย่างหมดความอดทน และเดินตรงออกไป