บทที่ 289 ยิ่งอยู่ยิ่งน่าตื่นเต้น
ในห้องสำนักงานชั้นบนตึก ซูย้าวออกมาจากลิฟต์ ก็เห็นเลขาฯที่ยืนรอตัวเองอยู่ก่อนแล้ว
เป็นชายหนุ่มที่กล่าวทักทายอย่างนอบน้อม จริงใจ จากนั้นก็พาเธอเข้าไปที่ห้องสำนักงาน
เลขาฯนำทางอยู่ด้านหน้า พาซูย้าวมาส่งที่หน้าประตูสำนักงาน จากนั้นใช้มือแสดงท่าทางอย่างสุภาพว่า ‘เชิญครับ’ แล้วก็หันหลังจากไป
ประตูห้องสำนักงานไม่ได้ปิดแน่น ปล่อยให้มีช่องว่างเล็กๆไว้ ราวกับรอการมาของใครบางคน ไม่รู้ว่าทำไม หลายปีผ่านไปแล้ว แต่เมื่อซูย้าวหวนคิดถึงความทรงจำนี้ขึ้นอีก ก็ให้ความรู้สึกว่าที่น่าเหลือเชื่อมาก
เป็นชะตากรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือความทุกข์ที่แสวงหามาเอง
เป็นแผนการ หรือความตั้ง
เธอไม่อยากจะไปสนใจแล้ว
เมื่อเคาะประตูเสร็จ จากนั้นก็เดินเข้าไป เห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน โดยมีขาข้างหนึ่งวางอยู่ติดกับพื้น คีบบุหรี่ไว้ในมือ สายตาจดจ่ออยู่บนหน้าจอแล็ปท็อปตรงหน้าของเขา
เขากำลังสูบบุหรี่ ควันจางๆปกคลุมใบหน้าของเขา จนแทบมองไม่เห็นคนที่อยู่ตรงหน้า ว่าเป็นคนที่ที่มีข่าวลือว่าร่ำรวยนิสัยหยาบ อารมณ์ดุร้ายและไม่มีเหตุผล
ถือเป็นการเจอกันครั้งแรก เมื่อซูย้าวเห็นเจี่ยงหลิน เพียงแค่แวบแรก ด้วยท่วงท่าสบายๆผ่อนคลาย แต่กลับทำให้รู้สึกถึงพลังอำนาจ ไม่ทันได้อ้าปากกลับรู้สึกถึงมีพลังในการควบคุมสถานการณ์
ผู้ชายคนนี้จะต้องมีความสามารถที่สูสีคู่คี่กับลี่ซื่อกรุ๊ปในประเทศจีนอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้ซูย้าวไม่เข้าใจก็คือ ก่อนหน้านี้เธอแทบไม่เคยได้ยินชื่อนายคนนี้มาก่อน เป็นเพราะอะไรกัน”
เขาไม่เหมือนเป็นคนที่จะปกปิดความฉลาด หรืออ่อนน้อมถ่อมตนสักนิด อย่างนั้นมีทางเดียวที่จะเป็นไปได้
“ประธานเจี่ยง” เธอกล่าวขึ้นอย่างมีมารยาทด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ชายหนุ่มเงยหน้ากวาดตามองเธอแวบหนึ่ง พูดรับรองขึ้นในฐานะเจ้าบ้าน“อืม นั่งสิ!”
ซูย้าวก็ไม่เกรงใจ เดินเข้าไปลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานแล้วนั่งลง
เจี่ยงหลินยังคงยุ่งอยู่กับงานที่อยู่ในมือ ราวกับว่าไม่รู้สึกแปลกใจที่ห้องสำนักมีคนที่เพิ่มเข้ามา ท่าทีที่ดูยุ่งๆของเขา ดูจดจ่อและมุ่งมั่นตั้งใจ
ซูย้าวเองก็ไม่รีบร้อน นั่งรอเขาอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด แต่ละวินาทีก็ผ่านไปเรื่อยๆ บรรยากาศที่เงียบสงัด ถ้าเป็นคนอื่น อาจจะรอต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่เมื่อเป็นซูย้าวจึงแตกต่างออกไป เพราะอย่างไรเธอก็ไม่รีบร้อน นั่งอยู่ตรงนั้น ราวกับว่ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศที่อยู่รอบๆ
นอกจากลมหายใจแล้ว แทบจะสัมผัสไม่ได้ว่าในห้องยังมีอีกคนนั่งอยู่
เจี่ยงหลินยังคงยุ่งอยู่กับงาน นิ้วมือที่เรียวยาวเคลื่อนไหวอยู่ที่แป้นพิมพ์ โดยไม่มีท่าทีที่จะหยุด บรรยากาศแบบนี้กินเวลาไปหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว
แม้แต่ซูหยวนที่อยู่ในห้องรับรองก็รอต่อไปไม่ไหวแล้ว เดินวนเวียนอยู่ในห้องนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน ครุ่นคิดในใจ เจี่ยงหลินคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่ รับปากเธอไว้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ
เมื่อเขาทำงานทุกอย่างเสร็จ เวลาก็ผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วสอดส่องสายตามองยังหญิงสาวที่อยู่หน้าโต๊ะทำงาน จากนั้นก็ยิ้มแห้งขึ้น “ต้องขออภัยที่ให้รอนานครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อเป็นการขอร้อง ท่าทีสำรวมที่ควรจะมี ก็จำเป็นต้องมีค่ะ” ซูย้าวยิ้มให้อย่างอ่อนโยน และบ่งบอกถึงเจตนาของการมาครั้งนี้
เมื่อเป็นการขอร้อง
ไม่ผิด เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แม้จะเกิดจากบริษัทของเจี่ยงหลิน แต่ว่าตอนนี้เรื่องราวได้ส่งผลกระทบไปถึงจู้สือ ถ้าหากว่าเรื่องราวเลวร้ายไปกว่านี้ อย่างนั้น เจี่ยงหลินก็อาจจะถูกสืบสาวแค่ในเรื่องการรับผิดชอบ แต่ทางจู้สือ จะได้รับความเสียหายมากกว่าฝั่งนี้หลายกี่สิบเท่า!
เพื่อลดผลกระทบต่อบริษัทของตัวเอง และลดการเกิดความเสียหาย คือเป้าหมายการมาครั้งนี้ ขอเพียงจัดการเรื่องนี้ได้ ให้รอนานเท่าไหร่ก็ยอม
“ดูออกเลยว่าคุณซูย้าวเป็นคนที่มีความอดทนมาก” ในที่สุดเจี่ยงหลินก็วางงานในอยู่มือลง แล้วเอนหลังไปพิงกับเก้าอี้หนัง แล้วหยิบบุหรี่ออกมาอีกครั้ง
ซูย้าวยกริมฝีปากยิ้มขึ้นเบาๆ “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ สามารถมีโอกาสนั่งเป็นเพื่อนประธานเจี่ยงทำงานถึงสองชั่วโมง ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!”
คำพูดที่หว่านล้อม และพยายามเอาใจอีกฝ่าย เพื่อให้เจี่ยงหลินมีอารมณ์ที่ดี
“คุณซูพูดเก่งนะครับ! ถึงว่าจู้สือส่งคุณมา” เจี่ยงหลินหรี่ตาพิฆาตดุจนกอินทรีจ้องมาที่นัยน์ตาของเธอ แสงในตากะพริบไปมา
ซูย้าวก็ไม่อยากจะอ้อมค้อมไปมาอีก จึงพูดตรงๆขึ้น “ในเมื่อประธานเจี่ยงทราบสาเหตุการมาของดิฉัน อย่างนั้นท่านพอจะให้คำตอบสักหน่อยไหม”
เจี่ยงหลินยิ้มเยาะขึ้น ท่าทางการคาบบุหรี่ไว้เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “อย่างนั้นพูดตรงๆเลยแล้วกันนะคำตอบของผมคือไม่”
ชะงักไปสักพัก แล้วกล่าวขึ้นต่อ “ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ชุดนี้ บางทีอาจจะมีปัญหาจริง แต่ในตอนนั้นที่ทำการทดสอบก่อนจะรับของ ทำไมจู้สือกรุ๊ปถึงตรวจสอบไม่เจอ พอผ่านไปหลายเดือนแล้วเพิ่งจะพบว่ามีปัญหา แล้วมาให้ผมชดใช้ความสูญเสียครั้งนี้ เป็นไปไม่ได้หรอก”
เขาลุกขึ้น แล้วหยิบบุหรี่ที่อยู่ในมุมปากออก แล้วมองมาทางเธอ พร้อมพูดขึ้น “นี่เป็นธุรกิจการซื้อขาย ต่อให้สินค้าเล็กๆน้อยๆที่ซื้อขายในตลาด เมื่อซื้อไปหลายเดือนแล้ว ก็ไม่สามารถรับผิดชอบหรือเปลี่ยนคืน”
พูดออกมาเช่นนี้กลับทำให้ซูย้าวยิ้มขึ้น
เธอยิ้มขึ้นเบาๆ แล้วค่อยๆสูดลมหายใจเข้า จากนั้นพูดขึ้น “ถ้าหากเป็นการซื้อขายในตลาดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่โดยปกติทั่วไปแล้ว มักจะมีบริการหลังการขาย ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทของประธานเจี่ยงยังเป็นบริษัทที่ขนาดใหญ่นะ”
“ถ้าคุณซูพูดแบบนี้ อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีก!” ท่าทีเจี่ยงหลินเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และมีนัยแฝงในการขับไล่แขกแล้วด้วย
เธอพูดขึ้น “จู้สือร่วมมือกับบริษัทท่านไม่ใช่แค่ปีสองปี ไม่จำเป็นต้องทำลายความสัมพันธ์การร่วมด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ อีกอย่างเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ทางเราไม่ได้ประสงค์จะตำหนิหรือให้ทางบริษัทท่านรับผิดชอบทั้งหมดแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ควรที่จะรับผิดชอบมิใช่หรือ”
มองออกถึงแววตาเจี่ยงหลินที่รู้สึกไม่พอใจ ซูย้าวก็ไม่มีรีรออยู่ต่อเพื่อให้เขาทำการขับไล่
เธอค่อยๆลุกขึ้นแล้วหยิบกระเป๋า แต่ทว่าก่อนที่เธอจะจากไป เธอได้พูดทิ้งอีกหนึ่งประโยคว่า “ธุรกิจเป็นเรื่องของความซื่อสัตย์ บริษัทจะมีคุณค่าอยู่ที่การบอกเล่าปากต่อปาก ดิฉันคิดว่าประธานเจี่ยงเป็นคนฉลาด คงไม่นำเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ มาทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก จะตัดสินใจเช่นไร ดิฉันคิดว่าท่านน่าจะรู้ดีกว่าดิฉัน
เมื่อพูดจบ ก็ทำการคารวะให้อย่างสุภาพพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วหันจากมุ่งเดินไปที่ทางออก
เจี่ยงหลินมองแผ่นหลังของหญิงสาวด้วยสายตาที่เคร่งขรึม
รอเธอจากไปแล้ว ซูหยวนจึงเดินออกมาจากห้องรับรอง ด้วยสีหน้าไม่พอใจเชิงตำหนิ “หลิน คุณรับปากกับฉันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะกลั่นแกล้งเธอ จะหาวิธีจัดการกับเธอไง! ทำไมถึงปล่อยเธอไปง่ายๆแบบนั้น”
เจี่ยงหลินเดินไปนั่งที่โซฟา มองดูซูหยวนแวบหนึ่ง แล้วกวักมือเรียกเธอ “น้องสาวคนนี้ของคุณ ไม่เหมือนกับคุณเลยสักนิดเดียว!”
เหมือนเป็นผู้หญิงคนละประเภทกันชัดๆ
นอกจากนิสัยใจคอแล้ว ยังมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ชวนหลงใหล ยิ่งไปกว่านั้นเสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้ที่แผ่ซ่านออกมานั้น ทำให้คนคลั่งไคล้จนเกินที่จะหักห้ามใจได้
ซูหยวนที่นั่งอยู่บนตักของเขา มองดูแววตาที่ซับซ้อนของชายหนุ่ม จึงใช้มือทุบเข้าที่ทรวงอกของเขาด้วยความโกรธ “คุณใจร้าย! หลงเสน่ห์เธอได้เร็วเพียงนี้!”
“ไม่ใช่สักหน่อย ผมแค่สงสัยเท่านั้นเอง!” เจี่ยงหลินรู้สึกได้ว่า ซูย้าวคนนี้ไม่ธรรมดา
ซูหยวนจ้องดวงตาของเขา กะพริบขึ้น “หลิน อย่าบอกนะว่าคุณ……”
“อย่าคิดมากน่ะ คุณมีความแค้นกับเธออยู่ไม่ใช่เหรอ ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการกับเธออย่างไรต่างหาก!” เขากล่าว
เป็นเช่นนั้นจริงเหรอ
ซูหยวนรู้สึกไม่แน่ใจ จึงหรี่ตาลงต่ำแล้วคิดในใจ เรื่องที่หวังให้ผู้ชายช่วยจัดการ นั้นไม่สามารถพึ่งพาได้จริงๆด้วย! ซูย้าวนังจิ้งจอกคนนี้ เต็มไปด้วยความแรด ไปถึงไหน ก็ยั่วผู้ชายถึงนั่น!
“อดีตผู้ชายของเธอคือลี่เฉินซี หลิน ถ้าคุณต้องการจัดการกับเธอ ลองเริ่มต้นจากความสัมพันธ์นี้ดูไหม” เธอให้คำแนะนำ
เจี่ยงหลินแววตาตะลึงงัน อดีตผู้หญิงของลี่เฉินซี จำได้ว่าเขาเคยอยู่กับคนใบ้คนหนึ่ง หรือว่าเธอก็คือ…..
ดูท่าแล้วเรื่องราวยิ่งอยู่ยิ่งน่าตื่นเต้น