เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 305 ยังครองโสด

บทที่ 305 ยังครองโสด

ซูย้าวก้มหลบสีหน้าที่กริ้วโกรธของเขา ซ่อนดวงตาแล้วพูดขึ้นเบาๆ “อย่างน้อยตอนนั้นสิ่งที่ฉันรู้สึกก็คือแบบนี้…..”

เขารักคนอื่น แคร์คนอื่น และการมีตัวตนของซูย้าวราวกับเหมือนเป็นก้างขวางคอ

เมื่อการแต่งงานมาถึงในจุดที่จืดชืด ต่อให้เสียดายมากแค่ไหนหากต้องทิ้งไป เธอก็ต้องเผชิญและจำเป็นที่จะต้องเลือก

ตอนนั้นเกิดเรื่องราวต่างๆมากมายขึ้น เรื่องเล็กๆน้อยๆได้สะสม จนสุดท้ายเรื่องคดีหานฉ่ายหลิงถูกลักพาตัว กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่วางอยู่บนหลังอูฐ ที่ทำให้ซูย้าวมองไม่เห็นความหวังกับการแต่งงานในครั้งนี้

เพื่อรักใครคนหนึ่งแล้ว เธอยอมสละทิ้งทุกอย่างมามากมายเกินพอ ดังนั้นศักดิ์ศรีที่ยังหลงเหลืออยู่น้อยนิดจะสละทิ้งไปอีกไม่ได้ แม้ว่าใจจะเจ็บมากแค่ไหน ก็ต้องฝืนใจจำทนแล้วจากที่นี่ไป

แต่ว่าผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ราวกับว่าโยนความคิดที่สับสนเหล่านั้นออกไปจากสมอง แล้วพิงอยู่อย่างนั้นด้วยสีหน้าที่เฉยเมย

“เพราะฉะนั้นคุณจึงมักเป็นเช่นนี้ไง ชอบคิดไปเอง ไม่เคยคิดถึงจิตใจคนอื่นว่ามีรู้สึกนึกคิดอย่างไร!” น้ำเสียงลี่เฉินซีทุ้มต่ำ ด้วยอารมณ์ที่สุดจะเหลืออด

เธอกวาดสายตามองเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วรู้สึกว่าช่างน่าขำ จึงได้พูดอีกประโยคขึ้น “หรือว่าฉันเดาผิดไป แต่ทำไมในตอนนั้นฉันถึงจำได้ว่า ใครบางคนนั้นติดพันกับใครอีกคนทุกวัน ทั้งคู่ต่างเปี่ยมไปด้วยความสุขล้น แทบจะกลายเป็นคนคนเดียวกันอยู่แล้ว!”

“…..”

ลี่เฉินซีย่อมเข้าใจในคำพูดที่บอกว่าใครบางคนกับใครอีกคนของเธอนั้น หมายถึงเขากับหานฉ่ายหลิง

เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนั้น….. “

ช่างเถอะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว อย่าไปพูดถึงดีกว่า!” ซูย้าวทำท่าทำทางราวกับผู้ใหญ่ไม่ถือสาเด็กน้อย ยักไหล่ขึ้น เหมือนกับว่าเรื่องราวที่เป็นอดีตนี้ไม่มีค่าพอให้กล่าวถึง

ยิ่งเป็นแบบนี้ ลี่เฉินซีก็ยิ่งโมโห “คุณพูดมาให้ชัดเจนนะ! อะไรคือทั้งคู่เปี่ยมด้วยความสุข อะไรคือแทบจะกลายเป็นคนคนเดียวกัน นอกจากคุณแล้วผมเคยแตะต้องใครที่ไหนกัน”

“ฉันบอกไปแล้วว่า เรื่องราวเหล่านี้ไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว ประธานลี่ ทำไมคุณถึงยังดื้อดึงกับอดีตที่ผ่านไปอีก”

น้ำเสียงของซูย้าวที่ราบเรียบ ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ

ลี่เฉินซีขมวดคิ้วแน่น “นี่ไม่ใช่เรื่องดื้อดึงหรือไม่ดื้อดึง แต่คุณต้องพูดให้ชัดเจน!”

“พอเถอะ จะพูดถึงเรื่องเหล่านี้อีกทำไม หรือที่ประธานลี่ลนลานแก้ต่างความบริสุทธิ์ให้กับตัวเองนั้น มันมีประโยชน์ต่อคุณ” เธอถามกลับ

ประโยชน์หรือ

ลี่เฉินซขมวดคิ้วขึ้น “ไม่ใช่ว่าเรื่องทุกเรื่องต้องมีประโยชน์แล้วถึงค่อยลงมือทำสักหน่อย ความจริงก็คือความจริง ไม่ว่าตอนนั้นจะเป็นอย่างไร ผมก็เคยแตะต้องผู้หญิงแค่คุณคนเดียวเท่านั้น!”

“ก็แค่ในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาห้าปีแล้ว…..” ซูย้าวเหมือนกับฉุกคิดอะไรขึ้น นัยน์ตาเป็นประกาย เกิดความไม่น่าเชื่อขึ้นในดวงตา “หรือว่าท่านประธานลี่ ห้าปีมานี้ยัง…..ครองตัวโสดมาโดยตลอด ไม่เคยมี…..”

“…..”

ลี่เฉินซีสีหน้าเคร่งเครียดดำทะมึนขึ้น

ซูย้าวยิ้มขึ้น รอยยิ้มผุดออกมาจากมุมปาก เป็นรอยยิ้มจางๆที่แฝงด้วยความรู้สึกพึงพอใจ

แต่เขากลับจ้องรอยยิ้มนั้นที่แยงเข้ามาในดวงตา ใบหน้ารูปงามดูเจื่อนๆอย่างเห็นได้ชัด “เรื่องที่หลายปีมานี้ผมมีหรือไม่มีผู้หญิงอยู่ข้างกาย คุณแปลกใจมากขนาดนั้นเลยหรือ แล้วตัวคุณล่ะ หลายปีมานี้มีชายอื่นบ้างหรือเปล่า”

เธอเลิกคิ้ว ไม่อยากจะตอบ จึงหันศีรษะไปพิงที่ผนังกำแพง

หลายปีมานี้ ในโลกของซูย้าวมีเพียงแต่ลูกสาวคนเดียวเท่านั้น เธอจะเอากะจิตกะใจที่ไหนไปมีความรัก แล้วจะมีชายอื่นให้กล่าวถึงได้อย่างไร

เพียงแต่แค่ไม่อยากจะอธิบายอะไรมากมายกับเขาก็เท่านั้น

เห็นท่าทีที่เงียบสงบของเธอ ก็เหมือนกับจะเดาคำตอบของเธอได้ สีหน้าที่มืดมนของลี่เฉินซีจึงเปลี่ยนเป็นสว่างขึ้นเล็กน้อย แผ่นหลังพิงอยู่กับผนังกำแพง ถอนหายใจแล้วพูดเบาๆ “นานขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีเรือผ่านมาสักที…..”

ทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล ไม่ง่ายเลยที่จะขอความช่วยเหลือ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซูย้าวที่พิงอยู่ตรงนั้น ถอนหายใจอย่างอ่อนแรง ไม่กล้าจะคิด ถ้าหากยังลอยลำอยู่อย่างนี้ต่อไป โดยที่ไม่ได้ดื่มได้กิน ต่อให้ไม่มีอะไรอย่างอื่นเกิดขึ้น ไม่นานทั้งคู่ก็ต้องหิวตายอยู่บนเรือ…..

ณ บ้านหลังหนึ่งที่ท่าเรือประมง

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังแสบเข้ามาในใบหู เสียงร้องครวญครางดั่งใจแทบแตกสลายกระแทกที่แก้วหู เจี่ยงหลินที่ยืนอยู่ด้านนอก ขาข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ ในมือคีบด้วยบุหรี่แล้วดูดขึ้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ใดๆบนใบหน้าที่ลุ่มลึกของเขา

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสียงกรีดร้องโหยหวนในห้องได้หยุดลง สักพักมีคนผลักประตูออกมา

ถือทิชชูเปียกเช็ดเลือดสดๆที่เปื้อนอยู่ในมืออย่างไม่หยุดหย่อน จากนั้นเดินเข้ามาหาเจี่ยงหลิน แล้วโน้มตัวลงอย่างสุภาพ “ประธานเจี่ยงพวกเขาได้สารภาพหมดแล้ว ว่าถูกว่าจ้างให้ทำงาน และได้นำตัวคุณซูที่หมดสติโยนลงบนเรือประมง พวกเขายังได้บอกคร่าวๆถึงทิศทางของเรือประมง ผมจะจัดคนออกไปตามหาเดี๋ยวนี้ครับ”

เจี่ยงหลินพยักหน้า ขยับนิ้วมือดีดเศษขี้เถ้าบุหรี่ออก แล้วมองชายหนุ่มที่หันหลังจากไป ทันใดนั้นก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้น ——

“เดี๋ยวก่อน”

ชายหนุ่มหยุดชะงักเท้า หันหลังกลับมาด้วยใบหน้าที่นอบน้อม “ประธานเจี่ยง ยังมีอะไรที่จะรับสั่งอีกหรือครับ”

“จัดคนไปหาเยอะหน่อย ไม่ว่าอย่างไร จะต้องหาเธอให้พบ! อย่าให้เกิดเรื่องเป็นอันขาด” เจี่ยงหลินกำชับ

ชายหนุ่มก้มศีรษะลง “ท่านจงโปรดวางใจครับ!”

“ยังมีอีก พวกเขาได้สารภาพหรือเปล่าว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง” เจี่ยงหลินถาม

ชายหนุ่มชะงัก มองดูเจ้านายแล้วก็หลบสายตา ราวกับไม่กล้าพูดออกมา

เจี่ยงหลินขมวดคิ้ว รู้ว่าคำตอบที่ได้ก็คงจะตรงกับสิ่งที่ตัวเองคาดเดา จึงไม่ได้ถามต่อไปอีก ยกมือขึ้นโบกบอกให้ชายหนุ่มนี้ออกไปได้แล้ว

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะหันหลังนั้น เหมือนกับฉุกคิดอะไรขึ้นได้ จึงเดินมาที่ข้างเจี่ยงหลินแล้วกระซิบประโยคลงที่ใบหูของเขา

เจี่ยงหลินชะงักงัน “นายแน่ใจนะ”

“ครับ คนพวกนั้นสารภาพมา ไม่น่าจะผิดพลาดครับ!”

ชายหนุ่มพูดจบ มองสีหน้าที่ไม่สามารถคาดเดาของเจ้านาย ตัวเขาเองจึงเกิดความไม่มั่นใจ “อย่างนั้นเรื่องนี้จะแจ้งให้ทางบริษัทลี่ซื่อทราบหรือไม่ครับ ผมได้ยินว่าทางคุณหานฉ่ายหลิงเองก็กำลังจัดคนออกไปตามหา!”

เจี่ยงหลินขมวดคิ้วขึ้นด้วยความหงุดหงิด โยนบุหรี่ทิ้งแล้วใช้เท้าบี้ขยี้ไฟดับ แล้วก็พูดขึ้นต่อ “ไม่ต้อง เธอกระทำเอง แต่กลับได้รับผลกระทบเอง โทษคนอื่นไม่ได้!”

“ครับ!”

เมื่อกำชับทุกอย่างเสร็จแล้ว เจี่ยงหลินก็ขับรถกลับเข้าไปในเมือง

ในบ้านสุดหรู เขาวางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไว้ทั้งด้านในและด้านนอก สวมชุดสูทสีดำและรองเท้าหนังเดินเพ่นพ่านไปทั่วบริเวณบ้าน ทำการเฝ้าอย่างรัดกุม

เมื่อเจี่ยงหลินเดินเข้ามา พี่เลี้ยงก็ได้วิ่งเข้ามาอย่างลนลานแล้วพูดขึ้น “คุณเจี่ยง ท่านกลับมาแล้ว คุณซูอยู่บนตึก อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

เขาพยักหน้า ไม่พูดไม่จา แค่เพียงส่งสายตาสื่อให้ทุกคนนั้นแยกย้าย

สักพัก บ้านหลังขนาดกว้างใหญ่ ก็ได้ว่างเปล่า

เหลือเพียงเขากับหญิงสาวที่อยู่ในห้องบนตึกเท่านั้น

ร่างสูงยาวยืนอยู่นอกประตูห้องนอน ได้ยินเสียงผู้หญิงข้างในร้องสะอึกสะอื้น ยังได้ยินเสียงโยนข้าวของแตกดังเพล้งๆไม่ต้องผลักประตูเข้าไป ก็พอจะเดาออกว่าภาพด้านในมีลักษณะอย่างไร

ซูหยวนยืนอยู่ข้างริมหน้าต่าง โกรธจนสั่นไปทั้งตัว

เธอเกลียดซูย้าว เกลียดเธอที่ดีเด่นเกินไป ไม่ว่าจะเป็นคนใบ้ในตอนนั้น หรือว่าในตอนนี้ เธอมักสามารถทำให้ผู้ชายชื่นชอบหลงใหลได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นผู้หญิงเหมือนกัน สิ่งที่ซูย้าวมี เธอก็มีเช่นกัน แถมยังดีกว่าด้วยซ้ำ แล้วสิ่งที่ต่างกันคืออะไร

หรือว่านิสัย

หรือว่ารูปร่างหน้าตา

ซูหยวนถามกับตัวเอง แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่เลิศเลออย่างซูย้าว แต่อย่างน้อยหน้าตาก็ดูดี งดงามเช่นกัน แต่ทำไม ทำไม๊ ผู้ชายที่เธอรักสุดท้ายมักจะถูกซูย้าวแย่งไป!

ตอนนั้นเป็นลี่เฉินซี ตอนนี้เป็นเจี่ยงหลิน

คนแล้วคนเล่า ที่ถูกผู้หญิงคนนี้ยั่วยวนให้หลงใหล!

เธออัดอั้นไปด้วยความโกรธ ขณะที่อารมณ์กำลังหงุดหงิด ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกในทันใด เธอคิดว่าเป็นพี่เลี้ยงที่เข้ามาส่งอาหารให้เธอ ไม่แม้แต่จะคิด ทำการหยิบหมอนที่ตกอยู่บนพื้นขว้างโยนไปทางประตู ——

“ออกไป! ฉันไม่ต้องการพบใครทั้งนั้น!”

เจี่ยงหลินรับหมอนที่โยนมาอย่างสง่างาม ใบหน้าขาวเนียนได้โยนหมอนลงพื้นอีกครั้ง แล้วมองมาทางเธออย่างเย็นชา “แม้แต่ผมก็ไม่อยากจะพบหรือ”

เสียงที่ทุ้มต่ำของชายหนุ่มทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง และเงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึง “อาๆหลิน……”

เจี่ยงหลินกวาดมองไปทั่วห้องที่รกและยุ่งเหยิงไปหมด เธอแทบจะทำลายทุกอย่างที่สามารถทำลายได้ แม้แต่ผ้าห่มหรือผ้าปูที่นอนก็ถูกเธอฉีกขาดออกมาเป็นชิ้นๆ

หลีกเลี่ยงภาพเหล่านี้แล้ว ดวงตาลุ่มลึกของเจี่ยงหลินมองมาทางเธออย่างเคร่งขรึม ยืนเย็นยะเยือกอยู่ตรงนั้นที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งตัว ขมวดคิ้วช้าๆแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา “คุณว่าจ้างคนเหล่านั้น แล้ววางระเบิดไว้บนเรือใช่ไหม”

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset