บทที่ 306 ผู้หญิงที่ตัวเองเลือก
อุณหภูมิในห้องนั้นอบอุ่นดุจฤดูใบไม้ผลิ แต่ว่าซูหยวนกลับถูกเจี่ยงหลินบังคับให้ไปสู่ดินแดนแห่งหิมะ ดวงตาสีแอปริคอตที่สับสน มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความตกใจค้าง เธอลืมได้อย่างไรว่าผู้ชายคนนี้มีอำนาจมากมายเพียงใด…..
แม้แต่เรื่องระเบิดก็สามารถสืบมาได้ คนที่ถูกว่าจ้างเหล่านั้นเกรงว่าคงสารภาพออกมาหมดแล้ว
อย่างนั้นเวลานี้เขาก็คงรู้เรื่องหมดแล้ว
ฉับพลัน ซูหยวนก็ปล่อยวางทุกอย่าง ไม่อยากเล่นลิ้น ไม่อยากแก้ตัว ยิ่งไม่อยากแก้ต่างอะไรให้ตัวเองอีก หลังจากตกใจไปชั่วครู่แล้ว สิ่งที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า ก็ไม่มีอะไรนอกจากรอยยิ้มที่โล่งอก จากนั้นก้มหน้าลง
“ในเมื่อคุณรู้แล้ว ทำไมยังต้องถามอีก”
เธอพูดเบาๆ เสียงต่ำๆ ราวกับนักโทษที่ยอมจำนน ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงทรุดลงกับพื้น “สุดท้ายแล้ว ซูย้าวก็เป็นผู้ชนะ!”
“เธอกับคุณเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่คุณกลับใส่ใจเธอเป็นพิเศษ ส่วนฉันกับคุณคบกันมานานขนาดนี้ ความรู้สึกที่สั่งสมมายังไม่สามารถเทียบกับเสน่ห์ของเธอได้…..”
ซูหยวนหลับตาลงอย่างหมดแรง น้ำตาแห่งความเจ็บปวดค่อยๆไหลออกมา “ตั้งแต่เล็กจนโต ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอไม่เคยดี ตอนเด็กๆก่อนที่เธอจะปรากฏตัว คุณพ่อชอบฉัน รักฉันมาก พวกเราสามคนครอบครัวรักใคร่มีความสุขกันมาก ตั้งแต่เมื่อเธอปรากฏตัวขึ้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!”
ก่อนอื่นผู้หญิงคนนั้นแย่งความรักจากพ่อไป หลังจากนั้นก็มาหลงรักผู้ชายคนเดียวกันกับเธออีก
แต่ดันบังเอิญที่นายหญิงใหญ่ลี่ก่อนเสียชีวิตได้เขียนคำสั่งลงในพินัยกรรมไว้ว่า ให้ซูย้าวแต่งงานกับลี่เฉินซี
ดังนั้น ต่อให้เธอเป็นคนใบ้ที่ต้อยต่ำไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ก็สามารถแต่งเข้าตระกูลลี่ได้อย่างเฉิดฉายและออกหน้าออกตา รักใคร่ปรองดองกับชายหนุ่มที่เธอรัก เป็นสามีภรรยากัน จนมีลูกด้วยกัน
สิ่งที่หลงเหลือไว้กับเธอก็คือ การเฝ้ามองอยู่ห่างๆ กับความปรารถนาที่ไม่สามารถอาจเอื้อมได้
จนในที่สุดผู้หญิงคนนั้นได้จากไป กลายเป็นหญิงม่ายจากการหย่าร้าง อีกทั้งยังถูกฟ้องร้องคดี จนชื่อเสียงป่นปี้ พ่ายแพ้อย่างราบคาบ ซูหยวนถึงได้เบาใจโล่งอก หลายปีมานี้เธอโยกย้ายไปหลายต่อหลายเมือง เพียงเพื่อต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่
และแล้ว ท่ามกลางฝูงชนที่มากมาย เธอก็ได้พบกับเจี่ยงหลิน ชายหนุ่มที่ไม่ว่าจะด้านไหนก็ไม่ได้แพ้ให้กับลี่เฉินซี ทำให้เธอตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ และสาบานว่าจะทำให้เขาขอตัวเองแต่งงานให้ได้
ในขณะที่ซูหยวนได้ทำการเตรียมพร้อมไว้ทุกอย่าง เตรียมการอย่างรอบคอบ และเตรียมตัวเริ่มต้นการมีชีวิตใหม่ แต่ซูย้าวกลับดันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
หรือว่านี่เป็นกงกรรมกงเกวียนระหว่างพวกเธอสองพี่น้อง
คงน่าจะเป็นเช่นนั้นสินะ!
หรืออาจจะเป็นการลงโทษเธอจากสวรรค์ ลงโทษที่เธอเคยทำเรื่องไม่ดีไว้ในตอนแรก ลงโทษเธอให้ได้เห็นความสุขที่ดีที่สุด แต่กลับไม่สามารถได้สัมผัส
การกระทำครั้งนี้เป็นการวางแผนครั้งสุดท้ายของซูหยวน ถ้าหากว่าสำเร็จ เธอก็สามารถ สลัดความครอบงำของซูย้าวไปได้ตลอดกาล และมีชีวิตใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าหากว่าเธอล้มเหลว เธอก็จะไม่สรรหาคำแก้ตัวใดๆให้กับตัวเองอีก
“หลิน คุณรู้เรื่องหมดแล้ว แจ้งความเถอะ! ฉันจะรอตำรวจอยู่ที่นี่” เธอนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่สงบ ราวกับไม่มีความรู้สึกกลัวใดๆ
ซูหยวนตั้งเล็กจนโตนั้นเธอต้องเสแสร้งแสดงละครมาโดยตลอด เพื่อเรียกร้องความรักจากผู้เป็นพ่อ เธอต้องเก็บซ่อนนิสัยที่ซนและเกเร เป็นผู้หญิงที่เชื่อฟังว่านอนสอนง่าย เพื่อเอาอกเอาใจคุณแม่กับลุงเซียว เธอต้องเป็นหญิงใจดำที่เจ้าเล่ห์ คอยเป็นจอมวางแผนให้กับพวกเขาตลอดเวลา เพื่อให้ได้ความรักความสนใจจากชายหนุ่มอันเป็นที่รัก เธอต้องสร้างโอกาสให้กับตัวเองอยู่ตลอด ไม่ว่าใช้ใครเป็นสะพานก็ตาม…..
ตลอดเส้นทางที่เดินมา เธอแทบจะลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นคนเช่นไรในตอนแรก
ว่ากันว่าโดยกำเนิดของมนุษย์นั้น พื้นฐานคือคนดี
คิดว่าวินาทีที่เธอถือกำเนิดนั้น พื้นฐานก็น่าจะเป็นคนดีอยู่! แต่น่าเสียดายที่วันเวลาหลายปีที่ผ่านไป ได้ชะล้างออกไปจนหมด และถูกแทรกซึมจากสิ่งรอบข้าง จนในที่สุดถึงได้กลายมาเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
เจี่ยงหลินไม่พูดไม่จา ยืนเงียบๆอยู่ตรงนั้น มองดูหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นที่กระเซอะกระเซิง แล้วทอดถอนใจ “คุณผิดอยู่สองที่ คือประเมินคนอื่นสูงเกินไปกับประเมินตัวเองต่ำเกินไป!”
ซูหยวนชะงักงัน เงยหน้าขึ้น สิ่งที่เห็นคือแผ่นหลังของชายหนุ่มที่จากไปอย่างเย็นชา
ประเมินคนอื่นสูงเกินไปกับประเมินตัวเองต่ำเกินไป?
หมายถึงเธอประเมินซูย้าวสูงเกินไปอย่างนั้นหรือ
แต่ ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัว เจี่ยงหลินก็เปลี่ยนไปทุกอย่าง ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาต้องมีใจให้กับผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่น เพียงแต่ว่าตัวเองลงมือเร็วไปหน่อย และรีบร้อนไปหน่อยก็เท่านั้น…..
เจี่ยงหลินไม่ได้แจ้งความกับตำรวจ และก็ไม่ได้แจ้งรายงานความผิดของซูหยวน
ไม่ใช่ว่าเขาให้อภัยกับการกระทำของเธอ ส่วนคนที่ซูหยวนว่าจ้างเหล่านั้น ทนกับการถูกทรมานต่อไปไม่ไหว จึงได้พูดสารภาพความจริงออกมาในท้ายที่สุด
ทำให้ซูย้าวสลบหมดสติ และทำร้ายลี่เฉินซี จากนั้นนำทั้งสองโยนลงเรือประมง ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องระเบิดนั้นเป็นเรื่องเท็จ
เพราะว่าคนเหล่านั้นไม่สามารถทำระเบิดออกมาได้ แต่ด้วยความโลภอยากได้เงินทอง จึงได้โกหกไปว่าได้วางระเบิดไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ในความเป็นจริงๆก็เป็นเพียงแค่กลอุบายไว้ใช้หลอกซูย้าวเท่านั้น!
ยิ่งไปกว่าเจี่ยงหลินได้ตรวจสอบมาแล้วว่า นอกจากซูหยวนแล้ว ยังมีอีกคนที่ข้องเกี่ยวด้วย
ถ้าหากบอกว่าซูย้าวมีความผิด อย่างนั้นคนนั้นเล่า ก็มีความผิดด้วยกันมิใช่หรือ ดังนั้นก่อนที่เรื่องราวทุกอย่างยังไม่กระจ่าง เขาไม่มีทางมอบตัวผู้ของตัวเองออกไปโดยเด็ดขาด
“ประธานเจี่ยง ตอนนี้จะจัดการอย่างไรกับคุณซูหยวนดีครับ” ผู้ช่วยถามขึ้น
เจี่ยงหลินนั่งอยู่ในรถ ทั้งวันมานี้แทบจะไม่ได้ละมือไปจากบุหรี่ สูบมวนแล้วมวนเล่า สายตาจ้องไปยังสุดขอบฟ้าที่ประกายแสงสีแดงยามพระอาทิตย์ตกดิน หว่างคิ้วหดขึ้น “เฝ้าเธอไว้ อย่าให้ออกไปข้างนอก”
ผู้ช่วยชะงัก “แค่นี้หรือครับ”
ได้ยินดังนั้นเจี่ยงหลินขมวดคิ้วขึ้นทันใดแล้วมองไปยังผู้ช่วย
“ถ้าไม่เช่นนี้จะให้เช่นไร”
“แต่ว่าคุณซูหยวนวันนี้จิตใจเหี้ยมโหดปฏิบัติต่อน้องสาวแท้ๆของตัวเองเช่นนี้ แล้วถ้าหากวันหนึ่งเกิดคิดไม่ดีกับท่านขึ้นมา อย่างนั้น…..”
ก็เหมือนกับเป็นการเลี้ยงเสือเลี้ยงจระเข้
เจี่ยงหลินยกริมฝีปากล่าง ที่มุมปากราวกับจะยิ้มไม่ยิ้ม ยกมือขึ้นตบบ่าผู้ช่วยหนึ่งที “ผู้ชายบางทีก็ต้องยอมรับและให้อภัยการกระทำของผู้หญิง ผู้ชายที่ดีไม่ทะเลาะกับผู้หญิง ยิ่งไปกว่านั้น ——”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ “ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นผู้หญิงของตัวเองอีก ให้มันเป็นแบบนี้แล้วกัน!”
ไม่ว่าซูหยวนจะดีหรือเลว ก็เป็นผู้หญิงที่เขาเลือกแล้วในตอนนั้น
แม้ว่าเธอจะตัดสินใจผิดพลาดไปชั่วขณะ ก่อนที่เรื่องจะหายนะลุกลามใหญ่โต เขานั้นสามารถอภัยให้เธอได้ แต่ถ้าเรื่องราวลุกลามใหญ่โตไปแล้ว เขาก็จะคิดหาอีกทีชดเชย เหมือนเฉกเช่นตอนนี้
“ ในเมื่อเรื่องระเบิดเป็นเรื่องปลอม อย่างนั้นก็ไม่ได้มีเวลาเป็นตัวกำหนด แต่การค้นหาก็ยังต้องรีบเร่ง ให้ขยายพื้นที่ในการค้นหา และจัดคนเยอะๆหน่อยในการออกไปตามค้นหา!” เจี่ยงหลิน กล่าวกำชับ
ผู้ช่วยพยักหน้า “ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
…..
ในยามกลางคืนที่ท้องทะเลเต็มไปด้วยคลื่นลมกระโชกและฝนตกกระหน่ำรุนแรง
เรือลำเล็กๆที่ขนาดไม่ใหญ่นัก ลอยพลิ้วไปกับลมทะเล เรือทั้งลำส่ายโคลงเคลงไปมา จนสั่นสะเทือนไปถึงกระเพาะของซูย้าว ทำโรคกระเพาะให้กำเริบ เจ็บปวดทรมาน
เดิมทีก็ไม่ได้ทานอะไรมาสองคืนสองวันเต็ม ไม่มีอะไรตกไปถึงกระเพาะ แต่เมื่อท้องไส้เกิดปั่นป่วน ก็อาเจียนออกมาสองสามครั้ง และที่สิ่งที่อาเจียนออกมานั้นก็ล้วนเป็นน้ำย่อยในกระเพาะ
ร่างกายทรมานจนทำให้ยิ่งอ่อนแอ นอนหดตัวอยู่ตรงนั้นด้วยผ้าห่มผืนบางที่ไม่อาจป้องกันความหนาวเหน็บได้ จึงสั่นเทาไปทั่วทั้งตัว
ลี่เฉินซีคิดที่จะหาสิ่งของมากั้นประตูห้องโดยสารเรือ เพราะลมข้างนอกแรงเกินไป และฝนที่ตกอย่างหนัก ไม่รู้ว่าจะตกอยู่ในสภาพอากาศที่เลวร้ายแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
เมื่อหันหลังไป ก็เห็นร่างของหญิงสาวนอนขดอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าซีดเซียว และตัวสั่นด้วยความหนาว
เขาจึงเดินเข้าไปหา ดึงมือของเธอขึ้น มือนั้นเย็นมากจนไม่รู้จะสาธยายอย่างไร ลี่เฉินซีขมวดคิ้วแล้วเอามือแตะเข้าที่หน้าผากของเธอ ยังไม่ถึงขั้นมีไข้ขึ้น แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็น่าจะมีไข้ขึ้นได้ในไม่ช้า
“ หนาวเหรอ” เขามองเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ซูย้าวไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะตอบคำถามเขา เพียงแต่ร่างกายที่สั่นเทาอยู่ตลอดเวลานั้น เธอไม่สามารถควบคุมให้หยุดได้
เขาครุ่นคิด แล้วก็ลุกขึ้นปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกทีละเม็ดๆ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็เผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เป็นมัดๆของเขาได้อย่างชัดเจน
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปแล้วดึงผ้าห่มบางๆบนร่างกายของเธอออก แล้วใช้มือถอดเสื้อผ้าของเธอ สีหน้าที่สับสนของซูย้าวตึงเครียดขึ้น เธอใช้มือทั้งสองข้างปกป้องร่างของตัวเองไว้ “ลี่เฉินซี นี่คุณหื่นขนาดนี้เลยเหรอ สถานการณ์แบบนี้ยังจะมาบ้ากามอีก!”