บทที่ 314 ตอนนี้เลยแล้วกัน
สัญญา?
จิตใจของซูย้าวหยุดนิ่งไปชั่วขณะ พยายามที่จะขุดคุ้ยความทรงจำของเธอออกมา ราวกับว่าเธอจำได้คร่าวๆว่าเมื่อเธอได้หมดหวังบนเรือประมงนั้น เธอได้สัญญากับเขาอย่างไร้สาระไป
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้พูดอะไร ดวงตาที่บึ้งตึงของลี่เฉินซีก็ดูซับซ้อนขึ้น บีบคางของเธอเบาๆด้วยมือข้างเดียวและเล่นเบาๆด้วยแรงอันน้อยนิด นิ้วเรียวลูบผิวบอบบางของเธอ ความรู้สึกนั้นมันช่างคันเหลือเกิน
“ทำไมไม่พูดล่ะ?สัญญากันตอนไหน?” ดวงตาที่ชั่วร้ายของเขาเต็มไปด้วยความก้าวร้าว ริมฝีปากของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อยขึ้นและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
ความหลงใหลที่แข็งแกร่งนี้ ทำให้หัวใจของซูย้าวนั้นเต้นอย่างแรง ทันใดนั้นใบหน้าก็แดงระเรื่อ
“ห๊ะ?ไม่พูด งั้นก็ตอนนี้เลยแล้วกัน?”เขายกคางของเธอ จ้องไปที่ใบหน้าที่มีขนาดพอดี ใบหน้าที่บอบบางนี้และริมฝีปากสีแดงจาง ๆ อยากจะจูบเสียจริง!
เขาอยู่ใกล้เกินไป ลมหายใจพรั่งพรูเข้าจมูกของเธอ กลิ่นที่คุ้นเคยกลิ่นนี้ ทำให้หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้น
ในไม่ช้า เส้นขนทั่วตัวหดลง รูม่านตาของเธอเองก็เช่นกัน ขนตาที่ยุ่งเหยิงของเธอสั่นระริกเธอยกมือขึ้นแนบอกของเขาด้วยความตื่นตระหนกและพูดว่า “ไม่ใช่แล้ว!ฉันสัญญากับนาย แต่แค่นายต้องช่วยชีวิตฉันไว้เท่านั้น”
“ตอนนี้ก็พ้นอันตรายแล้วนี่หน่า?” เขาถามกลับไป
เธอส่ายหัว “แต่คนที่ช่วยพวกเราไว้ ไม่ใช่นาย แต่เป็นตำรวจต่างหาก!”
“……….”
ใบหน้าของลี่เฉินซีนั้นดูแข็งกระด้าง เขามองไปที่เธอด้วยสายตาที่น่าเกรงขาม ผู้หญิงคนนี้ฉลาดแค่ไหน ใจเขารู้ดี เธอเชื่อจริงๆเหรอว่ามีตำรวจมาช่วยน่ะ?อีกอย่าง ถ้าบนเรือโดยสารไม่มีเขาล่ะก็ เธอจะมีชีวิตอย่างสงบได้ในสองสามวันรอการช่วยเหลืองั้นเหรอ?
เธอรู้ดีทุกอย่าง แต่ตอนนี้เธอจงใจที่จะแกล้งโง่ใส่เขา
โอเค
ลี่เฉินซีเองก็มองผ่าน‘เล่ห์เหลี่ยม’ของเธอ และขมวดคิ้ว “ไม่รู้ไม่สน ตอนนั้นเธอบอกแค่ว่าถ้าเรารอด ก็จะปล่อยให้ผมนอนไปเลยคืนหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกว่าใครช่วยใคร ดังนั้นสัญญานี้ก็ถือว่ายังใช้ได้!”
“ฉันไม่ได้พูดเหรอ?”ซูย้าวพยายามอย่างหนักเพื่อรื้อฟื้นความรงจำของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เข้มงวดกับสิ่งที่เธอทำไปเสียแล้ว!
ลี่เฉินซีพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ไม่ได้พูด เพราะฉะนั้น จะได้รับเกียรตินี้เมื่อไหร่กันดี?”
เมื่อเขาพูด เขาก็เอนตัวลงไป ทันใดนั้นก็มีความครอบงำเข้ามา ซูย้าวพอจะรู้ว่าเขาจะทำอะไร จึงรีบหันศีรษะไปอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของเขาแตะกับอากาศเกิดความรู้สึกที่ไม่อยากไล่ตามอีกครั้ง เธอขัดขืนและดิ้นรนพร้อมกับแตะหน้าอกของเขาที่อยู่ไม่ไกลมากด้านซ้ายมือ
ลี่เฉินซีแข็งทื่อด้วยความเจ็บปวดในทันทีและใบหน้าของเขาก็ซีดลง
ไม่ว่ายังไง กระดูกที่หักมันจะหายเป็นปกติได้อย่างไรในไม่กี่วัน
เมื่อเห็นเขานิ่งไป ซูย้าวก็รู้ว่าได้ทำผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจและขอโทษ
“นายเป็นอะไรไหม?มันตรงกระดูกที่หักใช่ไหม เจ็บมากไหม?”
เขาอมงไปที่เธอ “เธอสนใจฉันด้วยงั้นเหรอ?”
“……….”
“แล้วที่สัญญากับผมล่ะ?” เขายังคงยืนกรานที่จะไล่ตามติดๆ
ซูย้าวหายใจเข้าลึกๆอย่างทำอะไรไม่ถูก “เอาล่ะ ฉันสัญญากับนายว่าจะไม่ถอยกลับ แต่สิ่งที่ต้องมีเลยก็คือ การบาดเจ็บของนายจะต้องหายดีก่อน!”
“ผมไม่ได้บาดเจ็บอะไรสักหน่อย!”เขาลุกขึ้นเถียงทันที
ซูย้าวมองเขาด้วยสายตารังเกียจ “อย่าเอะอะโวยวาย กระดูกซี่โครงก็หักอยู่ พักผ่อนเยอะๆไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมันก็เป็นร้ายแรงขึ้นหรอก!”
“เธอยังเป็นห่วงไง” เขายืดตัวขึ้นน้ำเสียงของเขาเบา แต่มีความสุขเล็กน้อยปนอยู่
ซูย้าวดึงริมฝีปากของเธอและยิ้มด้วยรู้สึกว่าหลังจากนั้นไม่กี่วันเท่านั้น ลี่เฉินซีมีบางมุมที่เหมือนกับเด็ก สันนิษฐานว่าคงจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับเมืองและคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก จากมุมมองของเธอ เขาค่อนข้างเข้าถึงได้ง่าย
บางทีมันอาจจะเป็นแค่มุมมองของเธอคนเดียว!
อาการบาดเจ็บของลี่เฉินซีนั้นยังไม่ดีขึ้น นอกจากนั้น ตัวเขาเองก็ไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองก้าวหน้าไปอย่างเร็วเท่าไหร่
ในตอนเริ่มต้น เป็นเพราะไม่มีการเตรียมตัวใดๆ จู่ๆก็ได้แต่งงานและกลายเป็นสามีภรรยากัน ซึ่งนั่นทำให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนนั้นอึดอัด ตอนสุดท้ายแม้กระทั้งตอนหย่าร้าง คำพูดที่ต้องการจะยื้อเอาไว้นั้น เขาก็พูดมันไม่ออก
ความทรงจำที่เหลือทนแบบนั้น เขาไม่อยากได้มันอีกแล้ว
ครั้งนี้ เขาอยากจะเริ่มต้นใหม่
ค่อยๆก้าวไปทีละก้าว
สิ่งที่ควรจะเกิดก็ต้องเกิด
ไม่รีบร้อนอะไร
เขานั่งพิงบนโซฟาหยิบแอปเปิลจากจานผลไม้ หยิบมีดผลไม้มาหั่นทีละน้อยเป็นวงกลมหมุนไปตามข้อต่อที่แข็งแรงของเขา เมื่อดูฉากนี้ ซูย้าวก็ยังคงทำลายความสวยงามนี้ก่อนเวลาอันควร
“นายไม่มีอะไรทำเหรอ?”
ลี่เฉินซีเงยหน้ามองไปที่เธอ และยิ้มอย่างแผ่วเบา “เธอต้องการให้ฉันมีอะไรทำงั้นเหรอ?”
“ถ้าไม่มีอะไร ก็ไปอยู่กับแฟนของนายไป!จะได้ลดความขี้หึงของเธอสักหน่อย”เสียงของเธอนั้นไม่เบาและไม่ดังจนเกินไป พูดให้ได้ยินอยู่ข้างหู ความขี้หึงนี้มากมายเหลือเกิน
ลี่เฉินซีมองไปที่เธอและวางแอปเปิลที่ปอกแล้วไว้ในมือของเธอ “ผมไม่มีแฟน”
“แล้วหานฉ่ายหลิงนี่เรียกว่าอะไร” เธอถึงกับผงะ
“เธอเป็นเพื่อน ห้าปีนี้ ฉันกับเธอไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกัน ยังจะมาพูดว่าเป็นแฟนอีกเหรอ?” เขาอธิบาย ดวงตาที่ชัดเจนของเขาสงบและเขาไม่ต้องการโกหก
ซูย้าวนั้นไม่รู้อะไรเลย ถ้าเขาไม่ได้โกหก งั้นก็แปลว่าห้าปีนี้เขาไม่ได้คบแฟนเลยล่ะสิ?
เมื่อเห็นสีหน้าลอยๆของเธอเขาจึงถามอีกครั้ง “เป็นอะไร?เธอดูสงสัยมากนะ ?”
“เปล่า ฉันก็แค่อยากถามว่าเรื่องนี้มันยังไงกันแน่ ก็ถามไปงั้นๆแหละ!” เธออธิบาย พลางมองแอปเปิ้ลในมือแล้วกัดหนึ่งคำ
ขณะที่มองเธอกินอยู่นั้น ลี่เฉินซีก็จ้องมองอย่างลึกซึ้ง ไม่กะพริบตา
มีคนเคยพูดว่า หากชอบใครสักคนหนึ่ง สายตาจะสามารถบอกทุกๆสิ่งได้
หากประโยคนี้นั้นเป็นความจริง หากความรู้สึกของซูย้าวนั้นไม่ผิดพลาดล่ะก็ ในตอนนี้สายตาของลี่เฉินซีนั้น เธอมองออกว่า…
มันเต็มไปด้วยความรัก!
ขณะที่อึ้งไปอยู่พักหนึ่ง นั่นทำให้เธอเคี้ยวแอปเปิลอย่างไม่ละเอียดนัก จากนั้นก็กลืนมันลงไป ทำให้เกิดการสำลักขึ้นอย่างเล็กน้อย
เขารีบรินน้ำแล้วยื่นให้กับเธอ พร้อมกับพูดเบาๆว่า “ค่อยๆกิน เดี๋ยวผมจะปอกให้อีกหนึ่งลูก”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ ฉันไม่ได้หิวอะไร จะกินแอปเปิลมากมายขนาดนั้นไปทำไมกัน?” ซูย้าวพูดอย่างไม่ไยดี การกระทำและอารมณ์ของเธอนั้นค่อนข้างซับซ้อน จากนั้นก็พูดอีกว่า “ถ้านายไม่มีอะไรแล้ว ก็เชิญกลับไปก่อนได้!”
ลี่เฉินซีไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย พร้อมกับนั่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่ลึกล้ำของเธอเหมือนน้ำทะเลเผยให้เห็นความซับซ้อนที่เธออ่านไม่ออก จากนั้นก็ฟังเขาพูดว่า “ถ้ากลับจีนแล้ว ผมขอไปเจอลูกสาวได้ไหม?”
“….อืม!” เธอก้มหัวลง มันไม่มีเหตุที่จะไม่ให้พ่อและลูกเจอกัน
แต่พอคิดแล้วคิดอีก เธอก็เติมประโยคเพิ่มลงไปว่า “นายกับซีซีไม่ได้อยู่ด้วยกันมาห้าปีแล้ว ถ้าไปบอกว่านายเป็นพ่อในทันที เธอคงจะรับไม่ได้…”
ยังไม่ทันได้พูดจบ ก็เห็นลี่เฉินซีส่ายหัวไปมา “ไม่เป็นไร ผมแค่อยากได้เจอหน้าลูก เรื่องตัวจน เธอจะสร้างตัวตนอะไรก็ได้ตามต้องการ!”
“อ่อ งั้นได้!” เธอตกลง
“ถ้าอย่างงั้น ผมขอตั้งชื่อลูกเราได้ไหม?อีกสองปีซีซีก็จะได้เข้าเรียนประถมแล้ว” เขาพูด
ซูย้าวคิดชั่วขณะ “งั้นก็ได้!”
“งั้นชื่อลี่เจินก็แล้วกัน!”
เธอผงะไปชั่วครู่ “อะไระนะ?”
“ลี่เจิน เจินเอ๋อ ดอกท้อที่สดใสและสวยงามและยกย่องซึ่งนำบรรยากาศใหม่แห่งความสุขและความสามัคคีมาสู่ครอบครัวใหม่ ในชื่อของเด็กผู้หญิงมีคำนี้อยู่ เธอจะมีชีวิตชีวา น่ารักมีจิตใจที่กระตือรือร้นอ่อนโยนและฉลาดเหมือนคุณ”
ซูย้าวมองเขา “นี่นายคิดมาก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหม?แค่มาที่นี่เพื่อบอกฉันเท่านั้นเองใช่ไหม”
“……….”
ลี่เฉินซียิ้มอย่างมีความสุข ทันทีที่เขายืนขึ้น เขาก็ได้ยินเธอพูดว่า “โอเค นายรีบกลับไปได้แล้ว!เรื่องของลูก รอกลับจีนก่อนแล้วค่อยคุยกัน!”
“โอเค!” เขาพยักหน้า จากนั้นกลับหลังหันไปที่ประตูเดินตรงออกไป แต่ไม่ทันไร ก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างออกขึ้นมา จึงหันหลังกลับมาอีกแล้วพูดว่า “งั้นผมขอเชิญหมอจิตแพทย์ให้กับลูกสาวเราได้ไหม?”
“ห๊ะ?”ซูย้าวตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากการตอบรับนี้ ใบหน้าของเธอก็ดูมืดคล้ำทันที “ลี่เฉินซี ฉันสงสัยจริงๆว่าคุณรู้จักคำว่า‘ได้คืบจะเอาศอก’ไหม?”
เขายิ้มออกมา “โอเค งั้นเราค่อยคุยกันวันหลัง เธอพักผ่อนเถอะ เจอกันตอนกลับจีน!”
“………”
เมื่อเห็นร่างสูงนี้เดินออกไป ซูย้าวก็หายใจเข้าลึกๆ แต่ในสมองก็คิดทวนประโยคของเขา‘เถาจือยาวยาว ชี้เย่เจินเจิน’(หมายความว่าดอกท้อสวยน่ารัก ใบต้นเขียวชะอุ่ม)ลี่เจิน มันก็ไม่เลวเลยนะ
อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาด้วยความพอใจ