บทที่ 320 เป็นศัตรูกับฉัน
วันรุ่งขึ้น ซูย้าวพาเด็กทั้งสองไปโรงเรียนอนุบาล
ซีซีนั้นมีนิสัยที่เย่อหยิ่ง ตอนอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลในต่างประเทศ ก็แทบแย่ ไม่รู้ว่าคราวนี้จะยอมรับโรงเรียนได้ไหม
ตลอดทาง เตียวเตียวที่นั่งอยู่บนรถ รู้สึกไม่ค่อยสงบ มองไปที่ซูย้าวที่กำลังขับรถอยู่ ลังเลอยู่หลายครั้งในการที่จะพูดคุยด้วย
เมื่อรถมาถึงโรงเรียนอนุบาล เธอปลดเข็มขัดนิรภัยและหันกลับไปปลดเข็มขัดให้เด็กทั้งสอง แล้วถามว่า “เตียวเตียว ดูเหมือนว่าหนูมีอะไรอยากจะพูดใช่ไหมจ๊ะ?”
“น้า…ผม” เด็กน้อยลังเล เหลือบตามองไปนอกหน้าต่าง เด็ก ๆ หลายคนกำลังเล่นในสนามเด็กเล่น ความไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวาควรจะเป็นสิ่งวัยนี้ควรมี
แต่บนใบหน้าของเตียวเตียวนั้น กลับไม่พบร่องรอยในวัยเด็กใดๆเลย
“ผมมาเรียนที่นี่ได้เหรอ?” เตียวเตียวรวบรวมความกล้าเป็นอย่างมาก ในขณะที่เขาถามก็ก้มศีรษะลงราวกับว่ามันจะเป็นเรื่องท่าทางที่ไม่แปลกเกินไป หากเขาถูกคัดค้าน
เมื่อเห็นเด็กขี้อายอย่างนี้ เธอก็ทนไม่ได้ต่อไป
ซูย้าวเอื้อมไปลูบหน้าเล็กๆของเด็กน้อย และพูดที่ด้วยเสียงที่เบาว่า “เด็กน้อย หนูต้องไปเรียนด้วยกันกับซีซีไงจ๊ะ ”
เตียวเตียวนั้นตกตะลึง เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จับมือของซูย้าวอย่างมีความสุขเขากล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว
เด็กแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกเปรี้ยวในใจ รับไม่ค่อยได้เท่าไหร่
หัวหน้าโรงเรียนอนุบาลและครูรับพวกเขาเป็นการส่วนตัว พาเด็กทั้งสองไปรอบ ๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ซูย้าวยังได้อธิบายให้ครูใหญ่ฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กทั้งสองคนนี้ชอบ
โดยเฉพาะเตียวเตียว พื้นหลังของเด็กคนนี้ค่อนข้างซับซ้อน เธออธิบายอย่างชัดเจนว่า “เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรมชั่วคราวของฉัน หวังการมาเรียนที่นี่จะไม่ให้ทำให้เขาถูกเด็กคนอื่นๆเลือกปฏิบัตินะ”
ครูใหญ่ของโรงเรียนอนุบาลและตอบรับ
แต่ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไง ซูย้าวเองก็ยังคงกังวลใจเล็กน้อย พูดไม่ได้ว่ามันเป็นเพราะอะไร
หลังจากเดินชมรอบๆแล้ว ท้ายสุดเธอก็เอนตัวถามซีซีว่า “ชอบที่นี่ไหมคะ?”
ซีซีกะพริบตาโตของเธอและมองไปที่ทุกสิ่งรอบ ๆ ตัวเธอ รวมทั้งรอยยิ้มที่เป็นมิตรของอาจารย์ หลังจากคิดเรื่องนี้ได้สักพัก ซีซีก็พยักหน้าเห็นด้วย
ซูย้าวปล่อยใจอันหนักหน่วงนี้ลง “งั้นต่อไปหนูกับพี่ชายก็จะมาเรียนที่นี่กันนะคะ หม่ามี๊จะมารับมาส่งพวกหนูทุกวันเลย โอเคไหมคะ?”
ซีซีพยักหน้าตอบรับอีกครั้ง
เธอยิ้ม จากนั้นลุกขึ้นให้คุณครูพาเด็กทั้งสองออกไปเล่น ก่อนจะพูดกับครูใหญ่ไปว่า “ซีซีนั้นจะไม่ค่อยชอบพูดนะคะ แทบจะไม่พูดสักคำเลย แต่ว่าด้านภาษานั้นถือว่าดีมากค่ะ พูดได้ แต่แค่ไม่ยอมพูดเท่านั้น ดังนั้น….”
ครูใหญ่เห็นความกังวลของเธอ จึงรีบพูดว่า “คุณผู้หญิงวางใจได้เลยค่ะเนื่องจากเด็กคนนี้ไม่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ฉันจะปฏิบัติต่อเขาอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อสมัครเข้าเรียนกับฉันและจะไม่เลือกปฏิบัติอย่างแน่นอน”
เธอพยกหน้า พร้อมกับมองเด็กชายตัวน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้าง จับมือของเขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป “เตียวเตียว จากนี้หนูจะมาเรียนที่นี่กับซีซีนะคะ ช่วยน้าดูแลน้องหน่อยได้ไหมจ๊ะ?”
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะไม่ให้ใครมาแกล้งซีซีได้เด็ดขาด!”เตียวเตียวตบที่หน้าอกของเขาเป็นการสัญญา
เธอยิ้มและคุกเข่าลงแล้วลูบใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็ก ไม่ต้องพูดเลยว่า รูปร่างหน้าตาของเด็กคนนี้ตัวเล็กมาก ดูคล้ายกับลี่เจิ้งตอนเด็ก ๆยิ่งนัก ซึ่งมันจึงน่าดึงดูดมาก
“ในอนาคต น้ากับซีซีก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันกับหนูแล้วนะ น้าไม่ได้คาดหวังว่าจะมาเป็นหม่ามี๊ของหนู เพียงแต่หวังว่าจะมาดูแลหนูแทนเธอได้นะ ดังนั้นไม่ว่าหนูมีเรื่องอะไร มีความสุข ทุกข์ หนูบอกฉันได้นะจ๊ะ ไม่ต้องซ่อนมันเอาไว้”
เตียวเตียวก้มศีรษะลง ขยับริมฝีปากล่างเล็กน้อย จากนั้นเหวี่ยงแขนเข้ากอดเธอแน่น “คุณน้า น้าดีกับผมจริงๆเลย!”
“เด็กดี”
ซูย้าวถอนหายใจ เธอดีกับเด็กคนนี้?
ก็อาจจะ!
แต่ยิ่งไปกว่านั้นเธอแค่นึกถึงลูกของเธอที่ถูกพรากไปตั้งแต่แรกเกิด ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน
หลังจากที่ตัดสินใจเรียบร้อย ขณะที่ซูย้าวกำลังจะออกจากโรงเรียนอนุบาล ก็พบกับคนรู้จัก
หานฉ่ายหลิงพาเด็กน้อยคนหนึ่งมา หลังจากลงจากรถและครูอนุบาลก็รีบเดินไปทักทายอย่างกระตือรือร้น
แต่สายตาของซูย้าวนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็อยู่แต่บนร่างเล็ก ๆ ข้างผู้หญิงเธอไม่เคยจากไป
เด็กคนนั้นดูเหมือนจะชื่อว่าชาร์ลี
ห้าขวบเหมือนกัน
หานฉ่ายหลิงเดินจูงมือเล็กๆของชาร์ลีไว้ ขณะที่เดินเข้าไปในโรงเรียนอนุบาล เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับคนตรงหน้า หานฉ่ายหลิงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “บังเอิญจริงๆคุณผู้หญิงซูทำไมมาอยู่ที่นี่ได้คะ?”
“คุณหานและคุณซูรู้จักกันด้วย!วันนี้คุณซูได้พาเด็กมาเรียนค่ะ” ครูใหญ่อธิบายอย่างเร่งรีบ
หานฉ่ายหลิงสะดุ้งเล็กน้อย “ห๊ะ?คุณส่งลูกมาเรียนที่นี่เหรอ?มันจะบังเอิญไปหน่อยแล้ว!”
รู้สึกได้ถึงคำพูดที่ดูจงใจของหานฉ่านหลิงแบบนี้ ซูย้าวจึงพูดอย่างเฉยเมยว่า “อืม ใช่ มันเป็นเรื่องบังเอิญ!”
ทันใดนั้น ก็ได้ลดสายตาลง มองไปที่ผู้ชายตัวเล็ก ๆ ข้างๆเธอ เขารูปร่างเล็กดวงตากลมโต มีผิวสีขาวนวลเหมือนกับลี่เฉินซีตอนที่เขายังเด็ก สวมสูทและเนกไทตัวเล็กที่ดูดี เหมือนสุภาพบุรุษตัวน้อยมากๆ
“หนูชื่อชาร์ลีเหรอจ๊ะ?” ซูย้าวถามเบาๆ
เด็กเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยดวงตากลมโต “คุณรู้จักผมเหรอครับ?”
ซูย้าวยิ้ม “ช่างมันเถอะ!ชาร์ลีแค่ดูดีน่ะจ่ะ โตขึ้นต้องหล่อมากแน่ๆเลย”
เมื่อได้ยินคำชมชาร์ลีก็ยิ้มเล็กน้อยและรีบพูดว่า “คุณน้าเองก็สวยมาก ต้องมีคนมาจีบเยอะแน่ๆเลย!”
เสียงเด็กนี้ ทั้งคมชัดและไพเราะ
สิ่งนี้ไปเข้าหูของหานฉ่ายหลิง เธอรีบดึงแขนเล็ก ๆ ของชาร์ลีออกแล้วกระซิบว่า “โอเค ชาร์ลี เข้าโรงเรียนไปกับครูได้แล้ว!”
“โอเคครับหม่ามี๊” ชาร์ลีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง หยิบกระเป๋าจากหานฉ่ายหลิงและเดินเข้าไปพร้อมครู
ขณะที่เดินก็หันศีรษะกลับมา โบกมือให้กับซูย้าว มีนัยว่าเป็นการกล่าวอำลา
ซูย้าวมองไปที่เด็กชายที่สุภาพคนนั้น และที่สำคัญก็คือรูปร่างหน้าตาของเขามันเกือบจะเหมือนกับลี่เจิ้งแต่ก่อนมากๆ!
ครูใหญ่ยังคงมีงานที่ต้องจัดการ จึงหาข้ออ้างที่จะออกไปทันเวลา
หานฉ่ายหลิงมองไปที่เธอด้วยสายตาที่เย็นชา “ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังเล่นอะไรอยู่ แต่ซูย้าว เธอต้องจำไว้ วันนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เดิมที่เธอเป็นคู่หู ฉันเป็นมือที่สาม แต่ตอนนี้ ฉันเป็นแฟนตัวจริงของเขา และเธอก็กลายเป็นเมียน้อยที่น่าเกลียด ไม่ว่าเธอจะคิดยังไง ฉันก็ไม่มีทางให้มันประสบความสำเร็จหรอก!”
คู่หู มือที่สาม
มุมของริมฝีปากที่เย็นชาของซูย้าวยกขึ้นเล็กน้อย เธอไม่เคยจินตนาการถึงแง่มุมนี้มาก่อนโดยไม่คาดคิดว่าสมองของหานฉ่ายหลิงจะสร้างมันขึ้นมาได้มากมายขนาดนี้ จำแนกแยกประเภททุกคน!
“งั้นก็ทำหน้าที่ของแฟนที่ดี ดูแลแฟนตัวเองให้ดี ให้สมกับเป็นมือที่สามหน่อย–”
ซูย้าวยืดเสียงของเธอเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน เธอก็ก้าวรองเท้าส้นสูงขึ้นไปเพิ่มความสมบูรณ์แบบนี้ “ฉันไม่สนใจหรอกนะ ว่าคุณจะคิดยังไง ท้ายที่สุดคำว่า‘มือที่สาม’ มันก็เป็นของคุณอยู่ดี”
“ซูย้าว!”
หานฉ่ายหลิงนั้นโดนทำให้โกรธเป็นอย่างมาก เปลวไฟลุกโชติออกมาในดวงตาของเธอ
ซูย้าวยังคงยืนหยุดๆนิ่งๆอย่างไม่เจ็บปวด ไม่ได้หันหลังกลับมา ได้แต่พูดเสียงที่แผ่วเบาออกมาว่า “ฉ่ายหลิง จำเอาไว้นะ เป็นศัตรูกับฉัน ไม่ข้อดีหรอก ถ้าไม่เชื่อก็รอดูได้เลย!”
“แก…”
ซูย้าวไม่ให้โอกาสหานฉ่ายหลิงได้เอ่ยปากพูด เธอไม่อยากจะฟังเธอพูดอะไรอีก จึงเดินเข้าไปในรถ
สำหรับหานฉ่ายหลิง เธอได้ให้ความขมขื่นแก่เธอเมื่อห้าปีก่อน มันอาจเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของลี่เจิ้ง ทำให้เธอเสียเด็กคนนั้นไป
ตอนแรกก็แค่สงสัยเท่านั้น
แต่ตั้งแต่ตอนที่เธอเห็นชาร์ลี เธอก็แทบจะตัดสินได้แล้วต้องเป็นหานฉ่ายหลิงแน่ๆที่ขโมยลูกของเธอไป และชาร์ลีคนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอเอง …