อยู่ด้วยกันมานาน เจี่ยงเวินอี๋เข้าใจนิสัยของลูกชายอย่างถ่องแท้ แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เธอก็รู้ดี ว่าลี่เฉินซีกตัญญูขนาดไหน ถ้าไม่ได้มีเหตุผลอะไร เขาไม่มีทางที่จะไม่เชื่อฟังตนเองเด็ดขาด
เห็นหน้าตาที่เย็นชาของลี่เฉินซีในตอนนี้ ขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกอย่างชัดเจน ทำให้เจี่ยงเวินอี๋รับมือไม่ถูกจริงๆ ทั้งโมโห ทั้งสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน แต่ที่ยิ่งกว่านั้น ยังมีความเกลียดชังที่อยู่ในใจอย่างไม่ขาดสาย
คนที่ทำให้ลี่เฉินซีเปลี่ยนไปเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่ซูย้าว จะเป็นใครได้อีก!
หวางอี้อึดอัดใจเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น มองท่านประธาน แล้วก็มองนายหญิง ยังมีหานฉ่ายหลิงที่ยืนน้ำตาร่วงอยู่เงียบๆอีกคน คนนอกอย่างเขา ยิ่งไม่รู้เลยว่าจะรับมืออย่างไร
“ไม่เข้าใจว่าฉันพูดอะไรหรือไง?” เสียงเย็นชาของลี่เฉินซีดังขึ้น
หวางอี้รีบส่ายหน้า แล้วก็พยักหน้าทันที ตอบแค่ ‘ครับ’ แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องทำงานที่ใหญ่โต ลี่เฉินซีเหลือบตามองหานฉ่ายหลิงที่กำลังร้องไห้อยู่ด้านข้าง เอ่ยปากขึ้น “ผมเข้าใจเจตนาของคุณ แต่ฉ่ายหลิง นอกจากเรื่องความรู้สึกกับการแต่งงาน ทุกอย่างที่คุณต้องการ ถ้าผมให้ได้ผมจะให้ คุณยังคงเป็นคนที่สำคัญที่สุดของผม แต่ขอโทษด้วย คนคนนั้นที่คุณต้องการจะเป็น ถึงยังไงก็ไม่ใช่คุณ”
หานฉ่ายหลิงมองเขาอย่างตกตะลึง ไม่ได้ตอบ ไม่ได้เอ่ยปาก
เธอราวกับสูญเสียความสามารถในการพูดไปในทันที แค่สายตาที่หยุดอยู่บนร่างของเขา หัวใจก็เจ็บปวดเหมือนกับโดนอะไรฉีกเป็นชิ้นๆ
ตอนที่เจี่ยงเวินอี๋พาเธอออกมา เธอควบคุมน้ำตาไม่ให้ไหลได้แล้ว อันที่จริงที่นี่เป็นบริษัท แล้วเธอก็เป็นประธานของบริษัท HS จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์
“เธอวางใจเถอะ ฉ่ายหลิง เรื่องนี้ป้าจะไม่ยอมให้เธอได้รับความไม่เป็นธรรม!” เจี่ยงเวินอี๋ตัดสินใจแล้ว ท่าทางชัดเจน
เธอตะลึงงัน ตามเจี่ยงเวินอี๋เข้าไปในลิฟต์ “คุณป้าคะ เฉินซีพูดขนาดนี้แล้ว เราอย่าไปทำให้เขาลำบากใจเลยค่ะ!”
“เด็กโง่ เธอช่วยป้ากับเจิ้งเอ๋อตั้งมากมาย ป้าจะไม่ยอมให้เธอลำบาก เชื่อใจป้าเถอะ!”
เจี่ยงเวินอี๋ให้เธอกลับไปก่อน ตอนที่ตนเองออกไปขึ้นรถกับเลขาหลี่ จึงกำชับขึ้น “เธอไปติดต่อสื่อนะ บอกว่าเร็วๆนี้ลี่เฉินซีประธานบริษัทลี่ซื่อจะหมั้นกับหานฉ่ายหลิงประธานบริษัท HS เพื่อยืนยันว่าข่าวซุบซิบกี่ปีมานี้เป็นเรื่องจริง ทั้งสองคนกำลังคบกัน ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง”
เลขาหลี่มองเธอ “นายท่านคะ ทำอย่างนี้กลัวว่าประธานลี่ด้านนั้น……จะไม่ให้ความร่วมมือน่ะสิคะ!”
“สนใจอะไรมากมาย! ไปทำตามที่ฉันสั่ง!” สายตาแน่วแน่ของเจี่ยงเวินอี๋ เรื่องที่เธอคิดจะทำ ไม่เคยไม่สำเร็จ
เพียงแค่ส่งข่าวออกไป ต่อให้ลี่เฉินซีอยากจะแก้ไขสถานการณ์ ก็เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น
“เธอไปจัดการด้วย อีกสามวัน จะจัดงานหมั้นของเฉินซีกับฉ่ายหลิง เชิญคนวงในทุกคนที่เชิญได้ สื่อทางด้านนั้นก็แจ้งด้วย โรงแรมก็จองตึกหรูหราของบริษัท LG แล้วกัน!” เจี่ยงเวินอี๋พูดต่อ
เลขาหลี่ฟังอยู่เงียบๆ ตั้งใจจดจำแต่ละคำสั่ง
เจี่ยงเวินอี๋สั่งงานมากมาย ล้วนแต่เป็นรายละเอียดต่างๆของงานหมั้น เลขาหลี่จดจำเอาไว้ทั้งหมด เพียงแต่ในตอนท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาเบาๆ “เอ่อ นายท่านคะ กะทันหันขนาดนี้ กลัวว่าประธานลี่ด้านนั้น……”
“เธอวางใจเถอะ ฉันมีวิธีทำให้เขายินยอมอยู่แล้ว” อันที่จริง เธอในฐานะแม่ จะไม่มีความมั่นใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน?
……
ในเวลาเดียวกัน ในห้องทำงานด้านบน ลี่เฉินซีเรียกหวางอี้เข้ามา
“คดีไฟไหม้ก่อนหน้านี้ นายตรวจสอบได้อะไรบ้าง? มีผลสรุปหรือยัง?” ลี่เฉินซีนั่งพิงอยู่ในนั้น ในมือคีบบุหรี่มวนหนึ่ง ควันจางๆ เคลือบคลุมใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา
หวางอี้พูด “ผมส่งคนไปแล้วครับ ตรวจสอบสถานการณ์ที่โรงพยาบาลอย่างละเอียด ไม่เจอคนที่เป็นไปได้และน่าสงสัยเลยครับ แต่มีคนหนึ่ง เหมือนกับมีอะไรแปลกๆ”
ลี่เฉินซีเลิกคิ้ว “ใคร?”
“กัวหลินครับ” หวางอี้พูด ในเวลาเดียวกันก็หยิบมือถือออกมา ส่งข้อมูลที่ลูกน้องของตนเองค้นหามาได้ ไปในอีเมลของบอส
เห็นลี่เฉินซีเปิดหน้าอีเมล หวางอี้ที่อยู่ด้านข้างจึงอธิบายต่อ “กัวหลินเป็นเลขาของประธานหานครับ เข้าออกโรงพยาบาลก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ ตอนที่ไฟไหม้ กล้องวงจรปิดที่มุมบันไดบังเอิญถ่ายติดเธอ ก่อนและหลังไฟไหม้ เธอทั้งเข้าและออกห้องคนไข้ชั้นบนสุด”
ฟังแล้ว ลี่เฉินซีกำลังดูภาพหน้าจอที่กล้องวงจรปิดบันทึกเอาไว้ ยืนยันว่าเป็นกัวหลินอย่างแน่ชัด
แล้วดูจากลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหวของเธอ เหมือนกับทำเรื่องผิดบาปอะไรเอาไว้ มองดูรอบๆตัว แต่กลับเพิกเฉยต่อกล้องวงจรปิดที่ซ่อนเอาไว้
“ผมก็ค้นหาข้อมูลส่วนตัวของกัวหลินมาแล้วครับ เธอมาที่บริษัท HS เมื่อสามปีก่อน ก่อนหน้านั้น พ่อของเธอกัวเจียงเหอเคยเป็นผู้รับผิดชอบคนหนึ่งของโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้บริษัท HS แต่โครงการนั้นเกิดปัญหา พนักงานเอาเงินบริจาคหลบหนีไป กัวเจียงเหอจึงกลายเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด โดนกรรมกรชาวบ้านรุมล้อม แบกรับความกดดันไม่ไหวจึงกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แม่ของเธอเลือดคั่งในสมองเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ต้องการเงินก้อนใหญ่เป็นค่าผ่าตัดอย่างเร่งด่วน และประธานหานเป็นคนจ่ายให้ก่อน”
หวางอี้ค่อยๆพูด ในหัวของลี่เฉินซีแสดงภาพของกัวหลินออกมา เขาเคยเจอมาหลายครั้งแล้ว เป็นคนที่ทำงานละเอียดรอบคอบ เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถโดดเด่น
“ตั้งแต่นั้นมา เพื่อตอบแทนบุญคุณ จึงมาเป็นเลขาอยู่ข้างกายประธานหาน เดิมทีเธอเรียนจบด้านวิศวะเคมี เคยเป็นครูสอนวิชาเคมีอยู่ที่โรงเรียนมัธยมเมือง S ครับ” หวางอี้พูด
ครูสอนวิชาเคมี?
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “นอกจากเรื่องพวกนี้ ยังมีอย่างอื่นอีกไหม?”
“ไม่มีแล้วครับ คาดว่าตอนนี้ตำรวจก็คงตรวจสอบมาถึงตรงนี้ เป็นไปได้ว่าอาจจะเรียกกัวหลินมาสอบปากคำ!”
เขาพยักหน้า “นายส่งคนไปอีก จับตาดูผู้หญิงคนนี้อย่างใกล้ชิด แต่ระมัดระวังด้วย อย่าให้โดนจับได้”
“ครับ!”
ออกมาจากห้องทำงาน หวางอี้หยิบมือถือเตรียมจะโทรศัพท์ มองออกเลยว่า ประธานลี่สงสัยหานฉ่ายหลิงแล้ว
ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น หลังจากเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นมา หานฉ่ายหลิงเหมือนจะเป็นคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุด เป็นเป้าหมายที่ถูกโจมตี ทำให้คนสงสัยก็หลีกเลี่ยงได้ยาก
หวางอี้กำลังจะลุกขึ้น แต่กลับโดนข่าวที่เด้งขึ้นมาจากหน้าเว็บเพจในจอคอมพิวเตอร์ดึงดูดความสนใจเอาไว้ จึงนั่งลงไปอีกครั้งแล้วเปิดหน้าที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง จึงตะลึงงันไปในทันที
รีบลุกขึ้นเข้าไปในห้องทำงาน
“ประธานลี่ครับ เมื่อครู่คุณเห็นข่าว……”
หวางอี้ยังพูดไม่ทันจบ ก็สังเกตเห็นใบหน้าของลี่เฉินซีที่มีความอึมครึมปกคลุมไปทั่ว จิตสำนึกบอกเขาว่า ประธานลี่คงได้เห็นข่าวแล้ว
“คิดว่า คงไม่ต้องแถลงข่าวแล้วนะครับ นายหญิงทางด้านนั้นประกาศข่าวไปก่อนแล้ว……”
หวางอี้พูดเบาๆ ไม่คิดเลยว่าเจี่ยงเวินอี๋ที่ให้ลี่เฉินซีตัดสินใจด้วยตนเองมาโดยตลอด ในครั้งนี้ จะไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเขาเลยสักนิด ประกาศความสัมพันธ์ของทั้งสองคนในทันที
ข่าวบนหน้าจอ ‘ลี่เฉินซีประธานบริษัทลี่ซื่อคบหาดูใจกับแฟนสาวหานฉ่ายหลิงมาหลายปี วันนี้เปิดเผยและยืนยันความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ อีกสามวันจะหมั้น……’ ความคิดเห็นที่ด้านล่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องคิดเลยว่า เวยป๋อกับหัวข้อข่าวกี่วันนี้คงจะโดนข่าวนี้เข้ายึดครองอย่างแน่นอน
“ประธานลี่ครับ ตอนนี้คุณว่าเราควรทำ……” หวางอี้ยืนอยู่ตรงนั้น เอ่ยปากถาม
ลี่เฉินซีลูบๆกล่องบุหรี่ แล้วหยิบออกมาวางไว้ที่ข้างปาก ในตอนที่จุดไฟ ก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ไม่ต้องทำอะไรเลย นายออกไปก่อนเถอะ!”
“……ครับ!”
เจี่ยงเวินอี๋จงใจ ‘ทำไปก่อนบอกทีหลัง’ อยากจะใช้ประโยชน์จากคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนภายนอก มาบีบบังคับให้เขายินยอม
ถ้าตอนนี้เขาแก้ไขสถานการณ์ที่ยุ่งยากของตนเอง และประกาศว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อบริษัทลี่ซื่อและชื่อเสียงของตนเอง ยังทำให้โคลนบ่อนี้ ยิ่งกวนยิ่งเปื้อน สุดท้ายแล้ว ก็จะแย่ไปกันใหญ่
ในทางกลับกัน ถ้าตอนนี้เขาอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลย ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว แล้วรอดูการเปลี่ยนแปลงเงียบๆ!
เขาไม่เชื่อหรอก เพียงแค่ตนเองยืนหยัด งานหมั้นในอีกสามวัน ถ้าเขาที่เป็นว่าที่เจ้าบ่าวไม่ปรากฏตัว ดูสิว่าละครฉากนี้ จะแสดงต่อไปอย่างไร!
ลี่เฉินซีลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง ร่างสูงโปร่งยืนอยู่ข้างๆหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศส ดวงตาดำขลับไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่