บทที่ 35 เป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ
ซูย้าวช็อกอยู่นาน คนตัวเล็กในอ้อมแขนของเธอก็ร้องขึ้น มือเล็กๆ หยิบผมยาวๆ ของเธอขึ้นมาเล่น แก้มสีชมพูถูไปถูมาที่คอของเธอ ท่าทีซนๆ ทำให้เธอดึงสติกลับมาได้
เธอกอดลูกที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอแน่น มีความรู้สึกเหมือนกับว่าได้ของที่หายไปกลับคืนมา แล้วมองไปทางหานฉ่ายหลิง เธอแทบไม่รู้เลยว่าจะแสดงความขอบคุณยังไงดี
แต่หลังจากความรู้สึกขอบคุณ ก็มีความรู้สึกที่ซับซ้อนเล็กน้อย จมอยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจ เธอปวดใจอย่างอดไม่ได้ เธอจึงรีบปัดหมอกดำที่ปกคลุมออกไปอย่างรวดเร็ว
ในฐานะที่เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลลี่ เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ยังจะต้องให้คนอื่นอุ้มกลับมาให้เธอ……
จู่ๆ ซูย้าวก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
หานฉ่ายหลิงกับเธอนั่งลงบนโซฟา แล้วหยอกล้อเจิ้งเอ๋อตัวน้อยๆ ผ่านไปสักพัก ก็นึกอะไรออก แล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว ครั้งก่อนที่พูดกับคุณซูเรื่องการประมูลบ้านใหญ่ตระกูลซู ช่วงนี้ การระดมทุนเป็นยังไงบ้าง? ”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ซูย้าวก็ร้อนใจ!
ระยะนี้มีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลี่เฉินซีก็ยังไม่สงบ ที่จริงไม่มีโอกาสที่จะคุยกับเขาเลย……
หานฉ่ายหลิงก็มองสีหน้าลำบากใจของเธอออก จึงยิ้มเห็นฝันเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสบายใจ “ไม่เป็นไร ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือน ยังพอมีเวลาอยู่ คุณซูลองหาโอกาสคุยกับเฉินซีดูนะ!”
ดวงตาคู่สวยของซูย้าวมองลง แล้วพยักหน้าเบาๆ
“พวกเธอเป็นสามีภรรยากัน อีกอย่างเงินก้อนนี้ สำหรับบริษัทลี่ซื่อแล้ว ก็ไม่เท่าไหร่ คุณซูจะต้องมีโอกาสคุยกับเขาแน่ๆ ไม่ต้องรีบร้อน ขอแค่มีฉันอยู่ บ้านใหญ่ตระกูลซู จะต้องรักษาไว้ได้แน่! “สายตาของหานฉ่ายหลิงดูมุ่งมั่น
เห็นเธอคิดเพื่อตนเอง ทำให้ซูย้าวไม่สบายใจ ไปชั่วขณะนึง
หลังจากคุณพ่อเสียไป ก็แทบจะไม่มีใครซื่อสัตย์และจริงใจต่อเธอเลย ความรู้สึกแบบนี้ ทันใดนั้น ภาพในหัวของเธอก็แว๊บขึ้นมาเป็นภาพคู่ของหานฉ่ายหลิงกับลี่เฉินซี และยังมีที่เขาเข้าไปดูหน้าFacebookของเธออีก
ราวกับมีมะนาวยัดเข้ามาในใจ มันแสบๆ รับไม่ค่อยไหว
“คุณซูไม่ต้องคิดมาก ที่ฉันช่วยไม่ได้มีจุดประสงค์อะไร แค่เห็นว่าเธอเป็นคนดี อีกอย่างฉันกับลี่เฉินซีก็เคยมีไมตรีต่อกัน!ไม่ว่ายังไง หวังว่าเธอจะไม่เข้าใจผิดนะ”
หานฉ่ายหลิงกังวลว่าเธอจะคิดมาก เลยอธิบายมากไปหลายประโยค
ซูย้าวเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ ขณะที่สบตากับเธอ ก็เห็นสายตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ความเจ็บปวดใจค่อยๆ มากขึ้น และก็ไม่รู้ว่านี่นับว่าเป็นการแคลงใจหรือเปล่า
“อีกอย่าง ขอแค่ทางฝั่งคุณซูไม่มีเรื่องอะไร เฉินซีถึงจะวางใจแล้วทำงาน ยุ่งกับงาน จริงมั้ย? ”
หานฉ่ายหลิงมีความโอนอ่อนสูง เข้าใจคนอื่น เกินกว่าที่ซูย้าวจินตนาการไว้
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง สงบและอ่อนโยน มีคุณธรรมและสง่างาม โดยเฉพาะจิตใจและการกระทำ ทำให้ซูย้าวถึงกับละอายใจ!
หานฉ่ายหลิงหยิบครีมขึ้นมาจากกระเป๋าสองขวด แล้วยื่นให้เธอ “นี่ช่วยรักษาอาการแพ้แบบปกติของผิวหนัง เพื่อนของฉันสั่งยาจกร้านยามาให้เป็นอย่างดี ได้ยินว่าเมื่อก่อนคุณซูมีอาการแพ้ ลองใช้ตัวนี้ทาดู ใช้ดีมากนะ! “
ซูย้าวรับไว้ แล้วก็พิมพ์ลงบนโทรศัพท์ “ขอบคุณนะ แต่ว่าตอนนี้ฉันหายจากอาการแพ้แล้วล่ะ! “
“หายแล้วก็ดี แต่ว่าถ้าหากเป็นอีก ก็ลองทาดูนะ ร่างกายพวกเราแพ้ง่าย ต้องระวังเป็นพิเศษ!”
หานฉ่ายหลิงจับมือเธออย่างเป็นมิตร ความรู้สึกอบอุ่นนี้ ราวกับทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกัน
เธอยังพูดอีกว่า “จากนี้เวลาคุณซูจะคุยกับฉัน ใช้ภาษามือเอาก็ได้ ฉันอ่านภาษามือกับภาษาปากออก แต่ก่อนเคยเรียนมา”
ซูย้าวอึ้ง เธออ่านภาษามือออก? !
ที่แท้ หานฉ่ายหลิงมีความรู้ และประสบการณ์มากมายเลย
จากสายตาคนอื่น เธอกับลี่เฉินซีเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก แต่ตัวเธอ เหมือนกับมือที่สามที่อยู่ในมุมมืด…..
หานฉ่ายหลิงนั่งอยู่ตรงนี้อยู่นาน คอยเล่นกับเจิ้งเอ๋อ จนเจ้าตัวเล็กง่วงนอน และก็ถึงเวลานอนกลางวันแล้ว เธอจึงกลับไป
ซูย้าวอุ้มลูกกลับเข้าไปในห้องนอนเด็ก ห่มผ้าห่มผืนน้อยๆ ให้ แล้วจูบไปที่แก้มเขาเบาๆ จากนั้นเสียงของแม่นมก็ดังขึ้น
“คุณผู้หญิง คุณเซียวมาแล้วค่ะ! “
เธอตกใจ จากนั้นก็ตามแม่นมลงไปข้างล่าง
จากที่ไกลๆ ก็สามารถมองเห็นเซียวควนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสง่าผ่าเผย ชุดสูทและรองเท้าหนังยังไม่สามารถซ่อนร่องรอยของกาลเวลาได้ ผู้ชายอายุราวห้าสิบ แต่ดูแลตัวเองดีมากๆ ภายนอกไม่ดูแก่เลย
เมื่อเห็นเธอ ก็ไม่ได้ลุกขึ้น เพียงแค่พูด “เจิ้งเอ๋อล่ะ? อุ้มมาให้ตาดูหน่อย! “
ตา
คำเรียกตรงไปตรงมาซ่ะจริง
ซูย้าวสีหน้านิ่งๆ ไร้อารมณ์ ทำแค่ท่าทางนอนหลับ
เซียวควนเข้าใจ แล้วพยักหน้า “งั้นไว้ครั้งหน้าแล้วกัน!ครั้งหน้าต้องให้ตาเจอเจิ้งเอ๋อนะ ได้ยินมาว่าหน้าตาคล้ายกับลี่เฉินซีนี่! “
เธอยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับไป
“ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เธอป่วยนี่ เป็นยังไงบ้าง? สุขภาพดีขึ้นบ้างหรือยัง? ”
จู่ๆ เซียวควนก็ถามอย่างอบอุ่น ความห่วงใยแบบนี้ ทำเอาซูย้าวไม่ค่อยชิน
“ปกติแล้วเจิ้งเอ๋อซนรึเปล่า? เชื่อฟังมั้ย? ” เซียวควนถามขึ้นอีก
ซูย้าวไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
เซียวควนถามคำถามอีกสองสามประโยคอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งหมดเกือบเป็นบทสนทนาที่น่าอึดอัดใจ ยังไงก็ตาม ระหว่างซูย้าวกับพ่อเลี้ยงคนนี้ ระยะห่างราวกับคนที่ไม่รู้จัก จู่ๆ มาเป็นห่วงเป็นใย จะไม่อึดอัดได้ยังไง
คุยอีกสักพัก เซียวควนก็เกือบจะเอาแบบฟอร์มการทักทายขึ้นมาพูดจนหมด ในที่สุด ก็ควรจะตัดเข้าประเด็นสักที เขาเงียบอยู่ครู่ จากนั้นจึงพูดขึ้น “เอ่ออ เรื่องเกี่ยวกับโครงการของCCM ย้าวย้าว เธอคุยกับเฉินซีรึยัง? ”
ซูย้าวจึงนึกขึ้นได้ จำได้ว่าครั้งก่อนที่เซียวควนมาหาเธอ ก็เพื่อโครงการของCCMนี่แหละ
ไม่มีเรื่องก็คงไม่โผล่หน้ามาจริงๆ นะเหนี่ย
ก็จริง ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อเลี้ยงและลูกติดที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด จะสามารถคาดหวังความรักแบบไหนได้?
เธอขมวดคิ้ว แล้วก็พิมพ์ลงบนโทรศัพท์ “ขอโทษด้วยลุงเซียว หนูไม่มีโอกาสได้คุยกับเขาเลย”
พอเห็นประโยคที่พิมพ์บนจอ ทันใดนั้นเซียวควนก็ทนไม่ไหว แล้วบ่นเธอ “ยัยเด็กคนนี้ ทำไมถึงไม่ใส่ใจ เรื่องของตระกูลซูเลยนะ? หรือต้องรอให้บริษัทซูซื่อล้มละลายก่อนใช่มั้ย เธอถึงจะพอใจ? ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายต่อว่า สายตาของซูย้าวก็ค่อยๆ ก้มต่ำลง
ไม่มีท่าทีจะแก้ตัว ก็แค่นั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ แล้วปล่อยให้เขาพูดไป
ผ่านมาสิบปี ตั้งแต่คุณพ่อเสียไป หลังจากแม่เลี้ยงแต่งงานกับเซียวควน ในตระกูลซู เธอก็กลายเป็นคนนอกไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะทำอะไร จะถูกหรือผิด สิ่งที่เธอได้รับคือคำประณามและความเกรี้ยวกราดเสมอ
“อย่าลืมล่ะ นี่เป็นธุรกิจของบริษัทซูซื่อ เธอก็หนึ่งในทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลซู ถ้าหากบริษัทซูซื่อล้มละลายและปิดตัวลง เธอก็จะไม่เหลืออะไรเหมือนกัน! “เซียวควนขู่เธอ
เขากะพริบตา จากนั้นก็พูดขึ้นอีก “ช่วงนี้เงินทุนในบริษัทซูซื่อหมุนไม่ทัน เพราะงั้นบ้านเก่าในเขตชานเมืองของบริษัทซูซื่อจะขายทิ้งในช่วงนี้! “
ข่าวนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูย้าวได้ยิน
แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเซียวควน มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จู่ๆ หัวใจของเธอสั่นรัว ขณะเดียวกัน เธอก็เงยหน้าขึ้น
จนเกือบจะสบตากับเขา ก็ได้ยินเซียวควนพูดขึ้น “อยากจะรักษาบ้านใหญ่ตระกูลซูไว้ งั้นก็เอาโครงการCCMมาแลก!ซูย้าว ลุงก็ไม่อยากจะบังคับเธอ แต่เป็นเพราะบริษัทซูซื่อมาถึงทางตันแล้วจริงๆ เธอก็ควรจะคิดหาวิธีบ้างนะ! “
ไม่รอให้ซูย้าวโต้ตอบอะไรทั้งนั้น หลังจากคำของเซียวควนหยุดลง ก็มีเสียงใสๆ ของผู้ชายดังตามมา ความเร็วในการพูดแทบจะบดขยี้ประโยคท้ายของเซียวควน
“โครงการCCM? ที่แท้ประธานเซียวก็สนใจโครงการนี้มาตลอดนี่เอง!”
ทั้งสองหันตามเสียงไป ก็เห็นลี่เฉินซีที่อยู่ๆ ก็โผล่มายืนอยู่ตรงหน้าประตู ใบหน้าอันหล่อเหลา ปกคลุมไปด้วยหมอกควัน