ผ่านไปหนึ่งวัน ผลการผ่าตัดของผู้จัดการเถียนออกมาแล้ว ผลออกมาแย่อย่างที่คิดไว้
ในหนังสือรายงานเขียนอย่างชัดเจนว่า ระหว่างการผ่าตัดเกิดข้อผิดพลาดขึ้นสองครั้ง ตัดสินว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์ เริ่มแรกจากอุบัติเหตุด้านการรักษา
เดิมที่ทางด้านตระกูลเถียนไม่เห็นด้วยกับการตกลงนอกชั้นศาล ยื่นหนังสือร้องเรียนเพียงครั้งเดียวก็ทำให้หลินโม่ป่ายขึ้นศาลแล้ว เขาในฐานะศัลยแพทย์มีความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวงมาก
แต่ทางด้านซูย้าว ตระกูลเถียนยังตั้งใจฟ้องเธอในข้อหาจงใจทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตำรวจได้ตรวจสอบอย่างง่ายๆ หาหลักฐานและพยานที่มีประโยชน์ต่อซูย้าวไม่ได้ สถานการณ์ก็ไม่อำนวยต่อเธอเช่นกัน
ด้านสื่อก็กำลังติดตามข่าว ทันทีที่ออกข่าว รอบๆ โรงแรมก็มีคนเฝ้าอยู่เต็มไปหมด รอโอกาสสัมภาษณ์ สร้างประเด็นร้อนอีกครั้ง เพื่อเพิ่มอัตราการเข้าชม
เพื่อรักษาสถานการณ์ หลินเวยให้เธอไม่ไปที่บริษัทชั่วคราว และไม่ให้ออกมานอกโรงแรม เพื่อรักษาความปลอดภัยของตัวเองและพักผ่อนในเวลาเดียวกัน เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ถึงแม้ซูย้าวจะรู้ว่าผลที่ออกมาอาจจะตามาด้วยเรื่องไม่ดี แต่คิดไม่ถึงว่าจะร้ายแรงย่ำแย่ขนาดนี้
แม้ว่าสถานการณ์ทางด้านหลินโม่ป่ายไม่น่ายินดีเท่าไหร่นัก แต่เขาก็พยายามติดต่อเธอทางโทรศัพท์โดยหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญ แต่ซูย้าวคิดไว้แล้ว เขาต้องโดนญาติในกรุ๊ปหลินและผู้ถือหุ้นโจมตี ขึ้นหน้าข่าวทุกสำนัก ต้องตกอยู่ภายใต้ความอดดัน
และอุบัติเหตุจากการรักษานี้ ผลการจัดการจะมากจะน้อย ถ้าทำได้ไม่ดี มีโอกาสติดคุกสูงมาก
ซูย้าวอารมณ์เสียอยู่ไม่กี่นาที จากนั้น พยายามสงบสติอารมณ์ลง นั่งอยู่หน้าคอม มองอีเมลที่หลินเวยส่งมา วิเคราะห์เหตุการณ์กับเรื่องราวที่ตัวเองเข้าใจ ตอนนี้ตำรวจระบุว่าตัวเองเป็นผู้ต้องสงสัยข้อหาเจตนาทำร้ายร่างกาย สถานการณ์ก็ไม่อำนวยให้เธอเช่นกัน ถูกโจมตีรอบด้าน เธอไม่สามารถไว้ใจใครได้ง่ายๆ
โทรศัพท์ดังขึ้น ในเวลานั้น
เธอกวาดสายตาดูหน้าจอ เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก็ขมวดคิ้ว “jock”
“ได้ยินว่าคุณถูกฟ้อง รุนแรงไหม?” เสียงต่ำของผู้ชายดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์ สงบนิ่ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกมากนัก
เธอพูด “เรื่องราวพัฒนาขึ้นแล้ว เกินความคาดหมายของฉันไปจริงๆ น่าจะส่งผลกระทบกับงานบ้าง แต่ฉันจะจัดการให้ดี”
“ต้องการให้ฉันช่วยไหม?”
เธอไม่รีบตอบกลับ แค่ยิ้มน้อยๆ “ที่นี่เมืองA ไม่ใช่เมืองเฟ่ยเฉิง ไม่รบกวนให้คุณลำบากใจดีกว่า”
“งั้นก็ได้ แต่ผู้รับผิดชอบหลักของภาคประเทศจีนได้รับการยืนยันมาแล้ว เขาจะเดินทางถึงเมืองAในเร็วๆ นี้ หลังจากนี้ คุณรับผิดชอบประสานงานกับเขาก็โอเคแล้ว จะได้ช่วยลดความกดดันของคุณด้วย บางที่อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับคุณ!”
ซูย้าวตกใจ ตอบอย่างไม่สนใจว่า “แน่นอน แต่ผู้รับผิดชอบเป็นใคร? ฉันจะได้เตรียมรับ…”
“รอเขาไปถึงคุณก็รู้ เขาบอกว่าคุณเป็นคนรู้จักเก่า!”
Jockหัวเราะและวางสายไป
ซูย้าวถือโทรศัพท์อย่างง คนรู้จักเก่า? ใครกัน?
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างนี้ จู้สือกลับเปลี่ยนผู้รับผิดชอบของภาคประเทศจีน ลดอำนาจของเธอ ไม่น่าจะเพราะข่าวอื้อฉาวนี้ ต้องมีเหตุผลอื่นแน่นๆ แต่เพราะอะไรกันแน่?
……
คฤหาสน์เก่าตระกูลลี่
เจี่ยงเวินอี๋สั่งอาหารมากมายด้วยตัวเอง ทั้งสามคนนั่งทานข้าว เธอยุ่งกับการคีบอาหารให้ลูกชายและลูกสะใภ้ มองพวกเขาสองคน ยิ้มจนปากหุบไม่ลง
“พวกคุณหมั้นกันกี่วันแล้ว เฉินซีช่วงนี้มีต้องเดินทางไปออสเตรเลียหรืออเมริกาบ้างไหม?” เจี่ยงเวินอี๋ถามขึ้นมากะทันหัน
ลี่เฉินซีสนใจแต่ก้มหน้ากินข้าว ได้ยินที่แม่ถามถึงจะเงยหน้าขึ้นมา สายตาเย็นชา “ไม่มี มีอะไร?”
“ไม่มีอะไร ฉันคิดว่าถ้าต้องไปทำงานนอกสถานที่ก็จะให้พาฉ่ายหลิงไปด้วยกัน แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร!ยังไงรอให้พวกคุณแต่งงานกันเรียบร้อยแล้วค่อยไปฮันนีมูนก็ได้” เจี่ยงเวินอี๋พูดพลางส่งสายไปให้เลขาหลี่ครั้งหนึ่ง
เลขาหลี่เข้าใจความหมาย รีบส่งเอกสารภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ของสถานที่ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ทั่วโลกส่งไปให้ เจี่ยงเวินอี๋รับมาวางไว้ด้านข้างมือหานฉ่ายหลิง และพูดว่า “หาเวลาว่างดูเอาน่ะ เลือกสักที่เป็นที่ฮันนีมูนของพวกคุณ”
หานฉ่ายหลิงมีความสุขมาก คิดไม่ถึงว่าแม่สามีท่านนี้จะวางแผนไว้หมดแล้ว ช่างลดความวุ่นวายให้เฮได้เยอะ
“ขอบคุณค่ะแม่ ฉันจะเลือกให้ดีๆ” เธอพูด
ลี่เฉินซีมองภาพถ่ายด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง พลางตักกับข้าวและพูดว่า “คุยเรื่องฮันนีมูนตอนนี้ เร็วไปมั้ง!”
เจี่ยงเวินอี๋ “เร็วอะไร? เดือนหน้าก็เรียบร้อยแล้ว…”
“เดือนหน้า?” เขาขมวดคิ้ว หยุดตักอาหารในทันที
หานฉ่ายหลิงสังเกตเห็นรายละเอียดการเคลื่อนไหวของเขา และสายตาหยุดชะงัก ตัดสินใจส่งเสียงเรียกเบาๆ “เฉินซี…”
“ฉันคิดว่าพวกคุณเลือกวันกันแล้ว เดือนหน้าวันที่28 เป็นวันดีทั้งทางจันทรคติและสุริยคติ เหมาสำหรับงานใหญ่ ก่อนจะถึงช่วงนี้ พวกคุณหาเวลาว่างไปจดทะเบียนสมรสกันเถอะ!” เจี่ยงเวินอี๋พูดเหมือนสั่ง จากนั้นยกจานอาหารขึ้นมากินข้าว
“วันที่28เดือนหน้า?”
ลี่เฉินซีพูดทวนคำเสียงเบาๆ ตักเนื้อปลาวางลงในจานอาหาร ค่อยๆ เอาก้างปลาออก และส่งไปที่จานข้าวของหานฉ่ายหลิง
เธอตื่นเต้นเพราะการกระทำที่อ่อนโยนครั้งนี้ มองเขาอย่างชื่นชม ขณะที่แววตาหลงใหล มือน้อยก็โดนเขาจับไว้
“เวลากะทันหันเกินไป งานหมั้นครั้งนี้เร่งรีบเกินไป งานเลี้ยงแต่งงานครั้งหน้า ฉันอยากเตรียมงานอย่างละเอียด ไม่อยากทำให้คุณลำบากอีกแล้ว!” เขามองหานฉ่ายหลิง แววตาอ่อนโยน ชุ่มฉ่ำเหมือนสายน้ำ
หัวใจหานฉ่ายหลิงหยุดเต้นกะทันหัน หน้าค่อยๆ แดงขึ้นเรื่อยๆ ลดสายตาลงอย่างเขินอาย “ฉันไม่ลำบาก ได้แต่งงานกับคุณก็ดีแล้ว!สำหรับเรื่องอื่น ฉันฟังคุณทั้งนั้น…”
ยากที่เจี่ยงเวินอี๋จะเห็นลูกชายปฏิบัติต่อหานฉ่ายหลิงอย่างนี้ ดีใจจนไม่เป็นตัวเองรีบพูดว่า “ได้!ก็เร่งรีบไปจริงๆ งั้นก็เริ่มเตรียมตั้งแต่ตอนนี้เลย ค่อยๆ ทำ จะล่าช้าออกไปอีกเดือนสองเดือน ต้องจัดงานแต่งงานออกมาอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษแน่นอน!”
ได้ยินอย่างนี้ในใจหานฉ่ายหลิงมีความสุข รอยยิ้มบนใบหน้าหวานยิ่งขึ้น และตักหมูสามชั้นราดซอสน้ำแดงใส่ในจานข้าวของลี่เฉินซี “คุณก็กินมากๆ หน่อย!”
“คุณควรจะกินเนื้อให้มากหน่อย ผอมไปแล้ว ไม่ต้องลดน้ำหนักแล้ว ฉันชอบคุณที่เป็นธรรมชาติ” นำเสียงอบอุ่นของเขา สายตาห่วงใยและความอ่อนโยนที่เหมือนแสงอาทิตย์ของเขา ทำให้หานฉ่ายหลิงรู้สึกอบอุ่นขึ้นอีกเท่าตัว
เธอพยักหน้างึกๆ แม้แต่เจี่ยงเวินอี๋ยังพูด “ใช่ ฉ่ายหลิงหลังจากนี้ไม่ต้องลดน้ำหนักแล้ว กินเยอะๆ หน่อย จะได้มีหลานชายหลานสาวเพิ่มให้ฉันอีกหลายคน!”
หานฉ่ายหลิงก้มหน้าอย่างเขินอาย และใต้โต๊ะ ลี่เฉินซีจับมือเธอไว้แน่น ทั้งสิบนิ้วประสานกัน ความรู้สึกอย่างนี้ทำให้เธอคิดถึงตอนนั้น
ตอนที่พวกเขาทั้งสองคนเคยคบกัน เขาก็เป็นอย่างนี้ ห่วงใยและรักใครเธอ รักเธอราวของล้ำค่า…
เป็นภาพลวงตาหรือ?
ความสุขมาเร็วมาก กลับทำให้รู้สึกทนไม่ได้เล็กน้อย มักจะรู้สึกเหมือนเป็นความฝัน
เธออยากแค่ความหวานเล็กน้อย แต่กลับให้ความหวานกับเธอมากมาย อยู่ในภวังค์น้ำผึ้งหวานแวว แต่กลับรู้สึกไม่ใช่ความจริงเล็กน้อย
หลังจากกินข้าวเสร็จ ลี่เฉินซีเดินเล่นในสวนด้านหลังเป็นเพื่อนสักพัก ถึงหน้าหนาวแล้ว แต่อากาศในเมืองAยังอบอุ่นอยู่ ต่อให้ถึงหน้าหนาวก็ไม่หนาวเป็นพิเศษ
สวนหลังบ้านปลุกต้นไทรที่เขียวชอุ่มตลอดทั้งปีไว้มากมาย หอคอยตรงนั้นดูเหมือนป้อมทหารที่คอยปกป้องคฤหาสน์หลังงาม ดูน่าเกรงขามไม่กล้ารุกราน
ระหว่างที่หานฉ่ายหลิงกำลังเดินชมสวนด้านหลังอย่างช้าๆ หันมองเขา “เฉินซี ฉันนึกว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน คิดไม่ถึง…”
เธอลากเสียงยาว ต่อให้มาถึงตอนนี้แล้ว เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อ เขาจะแต่งงานกับตัวเองจริงๆ หรือ? เธอเป็นว่าที่ภรรยาของของเขาแล้วจริงๆ หรือ?!
ชายหนุ่มมองเธอ นัยน์ตาสีดำขลับที่ซับซ้อนหายไป ในที่สุดก็ได้สัมผัสกับความอบอุ่น ยิ้มที่อ่อนโยน “คนโง่ หมั้นกันแล้วนะ จะมีเหตุที่ไม่แต่งงานได้ยังไง? คิดมากอีกแล้วสินะ!”