เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 364 ผู้ชายที่ให้พลัง

โม่หว่านหว่านหมุนตัวเดินไปทางรถของตัวเอง พอเพิ่งเดินไปได้ก้าวหนึ่ง ที่ข้างหลังก็มีแรงแรงหนึ่งมาคว้าข้อมือของเธอไว้ และไม่รอเธอให้หันหลังกลับมา น้ำเสียงที่ขรึมต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมา “คำพูดของคุณหมายความว่ายังไง?”

“คุณไม่รู้เหรอ?” โม่หว่านหว่านยิ้มเย็นแล้วก็หมุนตัวกลับมา ตอนที่สบเข้ากับสายตาของเขานั้น ได้อึ้งไปครู่หนึ่ง

เพราะว่าเธอมองเห็นดวงตาที่ลึกซึ้งของชายหนุ่มมีความหนักหน่วงอยู่บ้าง ดูเหมือนสับสนไม่ชัดเจน แต่ความจริงแล้วกลับเหมือนกับว่ามองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งมานานแล้ว รวมทั้งความหมายทั้งหมดของคำพูดที่เธอเพิ่งพูดไปเมื่อกี้

แต่ความจริงคือ……เรื่องราวทั้งหมดที่ซูย้าวทำมาตลอดห้าปีนี้ เขาน่าจะไม่รู้เรื่องนี่!

โม่หว่านหว่านเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก อาจจะคือตัวเองดูผิดไป หรือว่าเกิดขึ้นเพราะว่าความรู้สึกผิดพลาดไป แล้วก็รีบพูดต่ออย่างวุ่นวายว่า “แน่นอนว่าคุณต้องไม่รู้อยู่แล้ว ยัยผู้หญิงโง่คนนั้น เพื่อคุณ และเพื่อลูกแล้ว เธอสามารถเสียสละได้ทุกอย่าง ลี่เฉินซี ฉันไม่ขอให้คุณสามารถเห็นแก่ความรู้สึกเก่า ๆ หรือว่าให้ดีกับเธอแค่ไหน แล้วก็ไม่ขอให้คุณสามารถสานสัมพันธ์เก่าต่อ แต่ฉันแค่หวังอย่างเดียว……”

เธอจ้องมองเขา บนใบหน้าเหมือนกับว่าจะเกิดความอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว “ก็คืออย่ามีรักใหม่แล้วก็ลืมรักเก่า และอย่าเพื่อหานฉ่ายหลิงแล้ว อะไรก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเจิ้งเอ๋อหรือว่าซีซี ต่างก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของซูย้าวทั้งนั้น เป็นลูกที่เธออุ้มท้องสิบเดือนคลอดออกมา ระหว่างคุณกับเธอสามารถไม่มีความรู้สึกต่อกันได้ แต่ว่าลูก คุณอย่ามาแย่งไปจากอกของเธอเลยนะ!”

เรื่องที่ต้องแยกจากกับเลือดเนื้อเชื้อไขนั้น โม่หว่านหว่านเห็นซูย้าวเผชิญมากับตาห้าปีแล้ว ห้าปีมานี้ ในฐานะที่เป็นเหมือนพี่น้องกัน เธอได้เป็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนตัวของซูย้าวมากับตา เพราะว่าตอนนั้นไม่ได้พาเจิ้งเอ๋อไปด้วย เพราะว่าต้องเอาลูกทิ้งไว้ในประเทศ ต้องคิดถึงทุกคืนวัน จนแทบจะกลายเป็นบ้า ความคิดถึงที่ฝังลึกเข้าไปในกระดูกแบบนั้น พอระยะเวลานานไป ก็กลายเป็นอาการป่วยอย่างหนึ่งแล้วจริง ๆ

เป็นอาการป่วยอย่างหนึ่งที่รักษาให้ขาดได้ยาก แล้วก็แทบจะสามารถเอาชีวิตคนได้ด้วย!

โม่หว่านหว่านไม่อยากให้ซูย้าวต้องมาเผชิญกับมันอีกแล้ว แล้วก็ยิ่งนึกภาพไม่ออก ว่าถ้าเกิดลี่เฉินซีมาแย่งซีซีไปอีกคนล่ะก็ ยัยผู้หญิงโง่นั่นจะทำเรื่องอะไรออกมาได้บ้าง

“ยังมีอีกอย่าง คุณก็รู้ว่า เมื่อห้าปีก่อนแม่ของซูย้าวได้เสียชีวิตไปแล้ว ญาติเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ของซูย้าวก็มีแต่ลี่เจิ้งกับซีซีแล้ว ลูกชายหญิงคู่นี้ เป็นพลังใจเพียงหนึ่งเดียวที่จะให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ จำสิ่งเหล่านี้ไว้ ก็พอแล้ว!”

พอพูดมาถึงตอนนี้ โม่หว่านหว่านรู้ ลี่เฉินซีเป็นคนฉลาดขนาดนั้น เขาไม่มีทางที่จะไม่เข้าใจ

ตอนนี้ลี่เจิ้งได้กลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว จะตื่นขึ้นมาตอนไหน หรือว่าจะสามารถตื่นได้หรือเปล่า ก็ไม่อาจรู้ได้

แต่ซีซี

ก็คือทั้งหมดทั้งมวลของซูย้าว

โม่หว่านหว่านไม่อยากให้มีวันนั้นเลยจริง ๆ ทางที่ดีที่สุดให้ทุกอย่างนี้เป็นเพียงแค่การคาดเดาที่คิดมากเกินไปของเธอก็พอ

จ้องมองภาพรถที่หญิงสาวขับรถพาเด็ก ๆ จากไป และมองตามอีกฝ่ายที่ยิ่งขับก็ยิ่งไปไกล หวางอี้นั่งอยู่ในรถสายตามองไปที่เขาผ่านกระจกมองหลัง แล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

เขาจ้องมองเจ้านายตัวเองที่ยืนอยู่แต่ตรงนั้น และไม่ขยับอะไรเลย

ดวงตาที่ลึกซึ้งดูร้ายกาจอย่างลึกล้ำ สำหรับกำลังคิดอะไรอยู่นั้น หวางอี้เดาไม่ออก

ผ่านไปสักพักลี่เฉินซีถึงจะก้าวเท้าขึ้นมาบนรถ แล้วก็ไม่พูดว่าจะไปไหน หลังจากขึ้นรถมาแล้วก็พิงเบาะรถไว้ แล้วหลับตาลง

ในหัวสมองเกิดภาพของหลายปีมานี้ภาพแล้วภาพเล่า ใครบางคนใช้ทุกช่องทางเอาเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเธอมารายงานให้เขารู้……

เพราะฉะนั้นเธอได้ทำอะไรไปบ้าง เสียสละอะไรไปบ้าง สูญเสียอะไรไปบ้าง ถึงโม่หว่านหว่านจะไม่พูด เขาก็รู้

‘ขอโทษ’แค่คำนี้ ดูเหมือนจะง่าย แต่กลับไม่มีทางแบกรับการกระทำทั้งหมดทั้งมวลของเธอได้ตลอดกาล และสิ่งที่เขาติดค้างไว้

หวางอี้ขับรถไปอย่างเงียบ ๆ เพราะว่าลี่เฉินซีไม่ได้สั่งไว้เป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยลองขับมุ่งหน้าไปทางบริษัท

ตลอดระยะทาง ก็ไม่เห็นลี่เฉินซีจะลืมตาขึ้นมา ตอนแรกเขาคิดว่าเจ้านายคงจะหลับไปเพราะว่าเหนื่อยล้าแล้ว แต่ช่วงที่ไม่ได้ตั้งใจนั้น กลับเห็นนิ้วมือเรียวยาวของเขากำลังเคาะเบา ๆ อยู่ผ่านกระจกมองหลัง ท่าทางดูสบาย ๆ ไม่มีสุ้มเสียงใด ๆ จนแทบจะสัมผัสไม่ถึง

แล้วในเวลานี้ หวางอี้ถึงจะเข้าใจว่า เจ้านายนั้นไม่ใช่เหนื่อย แต่คือมีความในใจชัด ๆ!

ระหว่างทางตอนที่ผ่านร้านจิวเวลรี่ในใจกลางเมืองนั้น ลี่เฉินซีก็ลืมตาขึ้นมาพอดี ดวงตาที่แหลมคมตกกระทบลงกับที่บางแห่งนอกหน้าต่างรถ แล้วก็เปิดปากพูดขึ้นอัตโนมัติว่า “จอดรถ”

หวางอี้รีบชิดข้างทางจอดรถลงทันที แล้วหันหน้ากลับมาถามว่า “ประธานลี่ คุณจะ……”

ไม่รอให้เขาถามจบ ลี่เฉินซีก็ได้เปิดประตูลงจากรถไปแล้ว แล้วก็เดินตรงเข้าร้านจิวเวลรี่ไปเลย

ประมาณสิบกว่านาที ตอนที่ออกมาอีกครั้งนั้น ในมือก็ได้ถือถุงสินค้าเล็ก ๆ ไว้

หลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว เขาก็วางถุงสินค้าไปอีกข้างหนึ่งอย่างลวก ๆ กล่องกำมะหยี่สีแดงสวยงามอันหนึ่งไหลออกมาจากถุง หวางอี้เหล่ตามองทีหนึ่ง และคาดเดาสิ่งของเล็ก ๆ นั่นอยู่ น่าจะมากพอกับเงินก้อนใหญ่แน่

ลี่เฉินซีเอาโทรศัพท์ออกมาโทรออกสายหนึ่ง แล้วแนบไว้ข้างหู น้ำเสียงที่ขรึมต่ำเริ่มพูดขึ้นว่า “ฉ่ายหลิง เดี๋ยวค่ำ ๆ หน่อยผมไปรับคุณที่บ้านใหญ่นะ และมีอะไรจะเซอร์ไพรส์คุณหน่อย อืม ประมาณห้าหกโมงนะ!”

พอวางสายแล้ว หวางอี้ก็ตั้งใจกวาดมองท่าทีของเจ้านายผ่านกระจกมองหลังทีหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ในโทรศัพท์นั้นแผ่ซ่านไปด้วยความอ่อนโยน แต่ดวงตาที่เย็นเฉียบยังคงเหมือนกับว่ามีน้ำแข็งบาง ๆ เกาะไว้ชั้นหนึ่ง

กลับยังมีความรู้สึกน่ากลัว……ที่ทำให้สั่นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้หนาวอย่างหนึ่งอยู่!

หวางอี้แค่ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ยังรู้สึกว่าเสียวสันหลังวาบ แล้วก็ส่ายหัวอัตโนมัติ สลัดความคิดในหัวสมองออกไป แล้วก็ตั้งใจขับรถต่อไป……

ตอนที่โม่หว่านหว่านพาเด็กทั้งสองคนกลับมาถึงโรงแรมนั้น ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว และพอเข้าประตูมา ก็เห็นได้ชัดว่าซีซีไม่ค่อยดีใจสักเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ได้แสดงออกอะไร ได้แต่หิ้วกระเป๋าเล็ก ๆ ของตัวเองไว้ แล้วก็เดินเข้าห้องไปเลย

ซูย้าวรู้สึกอึดอัด แล้วอยากจะถามเตียวเตียวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เจ้าตัวเล็กกลับโดนซีซีลากไปด้วย แล้วก็มีสีหน้าเบื่อหน่ายทั้งหน้าเหมือนกัน

และอย่างรวดเร็ว โม่หว่านหว่านก็นั่งลงบนโซฟา แล้วก็พูดอย่างทอดถอนใจว่า “เด็กทั้งสองคนตีกับคนอื่นที่โรงเรียนอนุบาล!”

“อะไรนะ?”

ซูย้าวอึ้งไป แล้วก็เป็นห่วงว่าเด็ก ๆ จะได้รับบาดเจ็บขึ้นมาทันที พอกำลังอยากจะไปเช็กดูและถามไถ่ที่ห้องนอน กลับโดนโม่หว่านหว่านเรียกตัวไว้ซะก่อน……

“วางใจเถอะ ลูกรักทั้งสองคนของเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ว่าพวกเขาตีคนอื่นบาดเจ็บเลย!”

พอพูดออกมาแบบนี้ ใจที่แกว่งอยู่ของซูย้าวก็วางลงได้สักที

แต่ว่าพอหันกลับมาคิดดู หัวคิ้วก็ขมวดขึ้นมาอีกแล้ว “พวกเขาตีคนอื่นเหรอ?”

“ใช่ ลูกรักทั้งสองคนของเธอ ตีเพื่อนตัวเล็กไปสี่คนเลย หนึ่งในนั้นยังมีคนหนึ่งที่อายุหกขวบ เป็นเด็กผู้ชายสามคนเด็กผู้หญิงอีกหนึ่งคน และมีเด็กผู้ชายสองคนที่ถูกตีจนหัวแตก!” โม่หว่านหว่านพูดพร่ำบ่นไป

ซูย้าวฟังไปแล้วก็อึ้งทึ่งไปด้วย “พวกเขา……ตีเด็กสี่คนเลยเหรอ?”

“ใช่ ส่วนสองคนทางด้านเธอนั้น! โดยเฉพาะเตียวเตียวคนนี้ เป็นเหมือนอย่างกับเสือตัวเล็กตัวหนึ่ง ยังมีลูกสาวที่เธอคลอดมาอีก คาดว่าก็คงจะไม่ใช่อะไรย่อย ๆ แน่!”

พอได้ยิน หัวคิ้วที่ขมวดกันอยู่แล้วของซูย้าวก็ยิ่งขมวดกันมากขึ้น แล้วก็เดินไปจ้องโม่หว่านหว่านไว้เขม็ง “หมายความว่าไง?”

“ไม่ได้หมายความว่าไง แค่โดนคุณครูว่ากล่าวมาไม่กี่คำ ต่อไปเธอก็ไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พวกผู้ปกครองพวกนั้นหน่อย! แล้วยังมีอีก ช่วงกลางเรื่องนั้นได้เกิดการโต้เถียงกันขึ้น ยังดีที่ลี่เฉินซีมาทันเวลาพอดี ไม่งั้นคาดว่าน่าจะรุนแรงกว่านี้แล้ว!”

ซูย้าวเหมือนว่าจะฟังไม่ค่อยเข้าใจ “พวกเด็ก ๆ ตีกัน แล้วเธอก็ไปรับเด็ก ๆ ทำไมต้องรุนแรงขึ้น? เธอเองก็เข้าร่วมด้วยแล้วใช่ไหม?”

พอโดนจี้โดนจุดสำคัญ โม่หว่านหว่านก็อดไม่ได้ที่จะดับกระหายขึ้นมาหน่อย แล้วก็เทน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่ง แล้วก็ดื่มน้ำไปด้วยอธิบายอย่างใจเย็นไปด้วย “ไม่ใช่ว่าฉันเข้าไปร่วมด้วย แต่ว่าในฐานะที่ฉันเป็นแม่บุญธรรมแล้วก็เป็นน้าของพวกเด็ก ๆ เวลาอยู่ข้างนอก ฉันก็จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของเด็กทั้งสองคนให้ดี! แน่นอนว่าก็จะต้องโต้เถียงพวกเขากลับอยู่แล้ว!”

“……”

ซูย้าวยังจะไม่รู้จักนิสัยของโม่หว่านหว่านอีกเหรอ? แค่จุดก็ติดไฟแล้ว พออารมณ์ร้อนขึ้นมา รั้งยังไงก็รั้งไม่อยู่

ถึงแม้ว่าตอนนั้นเธอจะไม่ได้เผชิญด้วยตัวเอง แต่ว่าถึงจะไม่ชัดเจนแต่ก็สามารถคิดออกได้ คาดว่าโม่หว่านหว่านน่าจะต้องเข้าร่วมด้วยแน่นอน

ซูย้าวมองดูเธออย่างเบื่อหน่าย “เธอทะเลาะกับพวกผู้ปกครองใช่ไหม?”

“ก็พวกเขาพูดว่าเด็ก ๆเป็นลูกนอกคอก คำพูดแบบนี้ไม่น่าฟังแค่ไหน? ฉันจะยอมให้พวกเขาทำตามใจชอบได้เหรอ?” โม่หว่านหว่านพูดขึ้น

และอย่างรวดเร็ว เธอก็พูดขึ้นอีกว่า “แต่ว่ายังดีที่ลี่เฉินซีมาทันเวลาพอดี แล้วก็มายืนยันว่าเขาเป็นพ่อของซีซี ยังพูดอีกว่าเตียวเตียวเป็นลูกที่เธอรับมาเลี้ยง เขาก็ยินดีเป็นพ่อของเด็กให้ด้วย แถมยังตักเตือนคนพวกนั้นไปแรง ๆ ด้วย มาช่วยได้มากจริง ๆ เลย!”

ตอนที่ลี่เฉินซีพูดคุยกับคุณครูและพวกผู้ปกครองนั้น โม่หว่านหว่านแอบฟังอยู่ที่หน้าประตูไปพอสมควร โดยเฉพาะคำพูดเมื่อตอนประโยคสุดท้าย พูดได้จนเธอยังรู้สึกนับถือเลย

จากเรื่องนี้ ความคิดที่โม่หว่านหว่านมีต่อลี่เฉินซีเหมือนกับว่าจะเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้ ในช่วงเวลาที่สำคัญยังจะสามารถช่วยได้มากขนาดนี้ จะต้องกดไลค์ให้เขาดี ๆ สักหน่อยแล้ว!

ซูย้าวกลับทอดถอนใจติด ๆ กัน สีหน้ามืดครึ้ม “เธอยังจะมาดีใจอยู่นั่นทำไมอีก พวกเด็ก ๆ ตีกัน เธอก็ยังจะเอากับเขาด้วยอีก!”

ยังจะมีลี่เฉินซีอีกคน จะแสดงสถานะให้ชัดเจนก็ได้ แต่ว่า เขาไม่มีเรื่องอะไรจะไปสั่งสอนพวกผู้ปกครองคนอื่นทำไม? ทั้ง ๆ ที่ลูกของตัวเองไปตีคนอื่นก่อนแท้ ๆ แล้วจะให้ผู้ปกครองบ้านอื่นคิดยังไงกันล่ะ

เคยคิดว่าเขาจะตามใจลูกสาว แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะโอ๋และเอาอกเอาใจขนาดนี้ ไม่กล้าคิดเลยว่า ซีซีในวันข้างหน้า จะโดนเขาตามใจจนกลายเป็นแบบไหน!

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset