ตอนที่ซูย้าวเร่งรีบมาถึงที่ร้านขาย เป็นเวลาสี่โมงเย็นกว่าๆแล้ว เกือบจะถึงเวลาเปลี่ยนกะแล้ว โชดดีที่เธอไม่มีงานต้องจัดการเยอะ ไม่ถึงชั่วโมงก็จัดการเสร็จเรียบร้อย
ตอนที่เตรียมจะกลับบ้านนั้น ผู้ช่วยของเธอเสี่ยวจางก็มาหาเธอแล้วพูด“ประธานซู ฉันติดต่อกับผู้จัดการของอานซินเออร์แล้วนะคะ ได้ข่าวมาว่า เมื่อวานละครของเธอเพิ่งจะถ่ายจบ วันนี้เธอพักผ่อนทั้งวันไม่มีตารางงานอะไร หรือว่าตอนนี้เราไปเยี่ยมเยียนเธอจะดีมั้ยคะ?”
ซูย้าวดูเวลาทีหนึ่งแล้วพยักหน้าตลก“อืม ก็ดี!”
ระหว่างที่ขับรถไปที่พักของอานซินเออร์ ซูย้าวก็โทรหาโม่หว่านหว่านไปด้วย จะรบกวนเธอช่วยดูแลเด็กสองคนตอนกลางคืนหน่อย ตัวเองอาจจะกลับบ้านช้าหน่อย
แต่ที่ไหนได้ ตอนที่เธอโทรมา โม่หว่านหว่านกำลังพาเด็กสองคนเดินซื้อของอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตพอดี เธอเลยรับปากไปทันที
หลังจากวางสาย โม่หว่านหว่านก็มองหน้าสองตัวเล็กที่อยู่ข้างกายแล้วพูด“คืนนี้ คุณแม่ของพวกหนูมีธุระ อาจจะกลับมาดึกหน่อย พวกหนูสองคนมีอะไรอยากกินมั้ยจ้า?เดี๋ยวน้าพาพวกหนูไปกินกัน!”
เตียวเตียวคิดๆแล้วหันมามองหน้าซีซีหลังจากนั้นถึงพูด“กินซูชิครับ!ซีซีอยากกินซูชิ!”
โม่หว่านหว่านมองมาที่ซีซี“ซีซีอยากกินมั้ยจ้า?”
ซีซีไม่พูด แต่ก้มหน้าแสดงความเห็น
โม่หว่านหว่านทำหน้าตะลึง“อ้าว แสดงว่าเตียวเตียวรู้ใจซีซีมากเลยนะจ้า!”
เธอบ่นไปด้วยและระหว่างนั้นก็พาเด็กสองคนเลือกซื้อขนมพร้อมไปด้วย
……
อีกฟากฝั่งของเมือง คอมเพล็กซ์วิลล่าริมทะเลสุดหรู หนึ่งตึกในนั้น ก็คือที่พักของอานซินเออร์
สามารถเป็นถึงดาราไอดอลยอดนิยม อยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร
ก่อนหน้านี้เคยติดต่อกับผู้จัดการของเธอไว้แล้ว เพราะฉะนั้นครั้งนี้ที่มาเยี่ยมเยือนก็ถือว่าได้รับการอนุญาตก่อนแล้ว แต่หลังจากที่รถได้จอดลงที่หน้าประตูแล้ว เสี่ยวจางกลับพูด“ประธานซูคะ ให้ฉันเข้าไปคนเดียวเถอะนะคะ!”
“ฮะ?”ซูย้าวตกใจนิดหนึ่ง
เสี่ยวจางกลับพูดว่า“ประธานซูคะ ยังไงแล้ว คุณก็เป็นถึงผู้จัดการฝ่ายขาย เรื่องเล็กแบบนี้ ไม่ควรต้องให้คุณออกหน้าเองเลยจริงๆนะคะ ให้เกียรติเธอเกินไปแล้ว!ให้ฉันไปเองเถอะนะคะ!”
ซูย้าวเข้าใจความหมายของเสี่ยวจาง เธอกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ ถ้าเกิดซูย้าวออกโรงเอง นั้นก็คงเก้อเขินแย่เลย
น้อยครั้งนักที่เสี่ยวจางอุส่าคิดแทนเธอแบบนี้ เธอเลยไม่ได้คัดค้านอะไร
เธอเลยนั่งอยู่ในรถคนเดียว หยิบมือถือแล้วเปิดเวยป๋อออกมาดู เห็นคดีที่สะเทือนขวัญก่อนหน้านี้ เป็นเพราะตระกูลเถียนเป็นฝ่ายถอนฟ้อง คดีเลยถูกระงับไว้ก่อน แต่บนโซเชียล ทุกคนต่างคาดเดาต่างๆน่าๆ จนถึงตอนนี้ยังเป็นเรื่องที่เม้าท์มอยและขี้ปากของชาวบ้านเหมือนเคย
ซูย้าวฆ่าเวลาอยู่ในรถไม่ถึงยี่สิบนาที ก็เห็นเสี่ยวจางร้องไห้ระหว่างวิ่งกลับมา
พอขึ้นรถ เธอรีบยกมือเช็ดน้ำตาที่หน้าออก กลัวว่าซูย้าวจะรู้ว่าเธอร้องไห้
แต่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน และอีกอย่างเสี่ยวจางก็ทำงานเป็นผู้ช่วยเธอมาเป็นเวลาสี่ปีกว่าแล้ว มีหรอซูย้าวจะรู้ไม่ทันเธอ?
ซูย้าวรีบวางมือถือลงแล้วถามโดยตรง“เกิดอะไรขึ้น?ทำไมถึงร้องไห้มาด้วย?พวกเขาทำอะไรให้เธอลำบากใจงั้นหรอ?”
เสี่ยวจางส่ายหัว“ฉันไม่ดีเองคะ ประธานซู วันนี้เรากลับไปก่อนนะคะ!พรุ่งนี้ ฉันค่อยมาใหม่ ฉันรับปากกับคุณว่าจะเชิญอานซินเออร์ให้ได้แน่นอนค่ะ!”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?เธอพูดความจริงกับฉันมา!”ซูย้าวพูดด้วยน้ำเสียงสูง
เสี่ยวจางเห็นว่าเธอใจร้อนเป็นห่วงมากเลยไม่กล้าปิดบังต่อถึงพูด“เมื่อกี้ ฉันไม่ได้เจอหน้าอานซินเออร์เลยค่ะ เจอแต่ผู้ช่วยของเธอ ถูกเขากลั่นแกล้งมาหน่อย อาจจะเป็นเพราะจิตใจของฉันยังไม่เข้มแข็งพอด้วยค่ะ ไม่มีอะไรหรอกนะคะประธานซู พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่นะคะ……”
“เธอได้เจอแค่หน้าผู้ช่วยงั้นหรอ?”ซูย้าวอึ้งนิ่งไป
อารมณ์โกรธในใจก็พุ่งขึ้นมาทันที แค่ผู้ช่วยของดารา ถึงขั้นกล้าแกล้งจนเสี่ยวจางร้องไห้แบบนี้เลยหรอ จู่ๆเธอก็รู้สึกอยากรู้ขึ้นมา อยากเห็นหน้าผู้ช่วยหนุ่มคนนี้จัง ดูว่าเขาเก่งมาจากไหนกันแน่
นึกแบบนี้แล้ว ซูย้าวก็ปลอบใจเสี่ยวจางไปคำสองคำ แล้วเปิดประตูรถลงไปเลย
“ประธานซู……”
เสี่ยวจางอยากจะห้ามเธอไว้ แต่ซูย้าวได้ตัดสินใจตั้งนานแล้ว แล้วเดินเข้าไปในลานหน้าบ้าน
เธอเคาะประตู ผ่านไปสักครู่ ก็มีคนมาเปิดประตู
เป็นผู้ชายคนหนึ่ง
อายุบอกไม่ถูก การแต่งตัวดูทันสมัยใหม่ ผมลอนยาว ตั้งใจไว้เครายาวแล้วเปียไว้ กางเกงรัดรูปสีแดงเจิดจ้า ดูแล้ว……เหมือนคนบ้าๆบอๆ
“คุณคือ……”ผู้ชายมองหน้าเธอแล้วอึ้งนิดๆ รู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
ซูย้าวมองหน้าเขา แนะนำชื่อตัวเองและบริษัท
ผู้ชายรู้ทันที“อ้อ คุณก็คือซูย้าวนี่เอง!ฉันเคยได้ยินชื่อคุณบนข่าวหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ นี่คุณคงมาหาซินเออร์ของเราสินะ?มาเพื่องานพรีเซนเตอร์ของบริษัทเหมือนกัน……”
ภายใต้สายตาของผู้ชาย ซูย้าวยิ้มมุมปากขึ้นเบาๆ“ไม่ว่าฉันจะมาเพื่ออะไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้คุยกับผู้จัดการของคุณอานไว้แล้ว หรือว่านี้คือการต้อนรับแขกของพวกคุณงั้นหรอคะ ที่คุยธุระตรงหน้าประตูแบบนี้?”
คุณนี้อารมณ์ขำดีนะ!”ผู้ชายใช้มือปิดปากแล้วหัวเราะ จากนั้นก็หันไปยืนข้างๆ ยกมือทำท่า‘เชิญ’อย่างมีมารยาท
ซูย้าวเดินเข้าไป โดยที่ไม่ได้สนใจเขา
หลังจากที่ประตูใหญ่ปิดแล้ว ผู้ชายก็หันมาพูด“ซินเออร์ของเราเป็นคนที่ชอบความสะอาดมาก ที่บ้านถ้ามีแขกมา ต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน”
ชอบความสะอาดเป็นเรื่องปกติ ซูย้าวก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เห็นรองเท้าแตะสีชมพูที่เตรียมไว้บนพื้นแล้ว เลยถอดส้นสูงของตัวเองออกแล้วเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะนั้น
สุดท้าย ผู้ชายก็พูดต่อ“เฉพาะแค่เปลี่ยนรองเท้ายังไม่พอหรอกนะ ต้องถอดเสื้อด้วย ผ่านการฆ่าเชื้อทุกอย่างแล้วถึงจะเข้าไปได้”
“……”
ซูย้าวอึ้งไปเลย สงสัยว่าหูของตัวเองคงมีปัญหาหรือเปล่า มองผู้ชายด้วยสายตาประหลาด“คุณพูดว่าอะไรนะคะ?”
“ฉันพูดชัดเจนมากแล้วนะ!คุณฟังภาษาจีนไม่เข้าใจหรือไง?ฉันบอกให้คุณถอดเสื้อออกให้หมด แล้วยืนอยู่ตรงนี้ ฉันจะช่วยคุณฆ่าเชื้อ จากนั้นค่อยใส่เสื้อผ้าที่ใช้แล้วทิ้งเข้าไป……”
ระหว่างที่ผู้ชายกำลังพูด ก็หยิบเครื่องพ่นฆ่าเชื้อออกมาชุดหนึ่ง หน้าตาคล้ายอุปกรณ์ที่ชาวไร้เอาไว้พ้นยาต้นไม้ของสมัยเมื่อก่อน สะพายไว้ที่หลัง แล้วในมือก็จับด้ามยาวๆที่คล้ายฝักบัวอาบน้ำอยู่ จากนั้นก็ส่งสายตาให้ซูย้าว“ถอดสิ!”
ถอดเสื้อผ้า?!
คำคำนี้แทบจะทำให้ซูย้าวสงสัยมุมมองทั้งสามของตัวเองขึ้นมา
“เป็นอะไร?”ผู้ชายรออยู่ครู่หนึ่ง เห็นเธอไม่ขยับเลยเร่งเธอ“คุณจะมาพบซินเออร์ของเราไม่ใช่หรอ?นั้นก็ต้องทำการฆ่าเชื้อก่อน!”
ซูย้าวมองของที่อยู่ในมือผู้ชายแล้วตอบกลับอย่างเย็นชา“แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?หมายความว่าก็จะไม่ให้พบคุณหนูซินเออร์ใช่มั้ยคะ?”
“ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้เจอหรอกนะ แค่ไม่ใช่ที่นี่ ที่นี่เป็นบ้านของซินเออร์นะ!เธอสามารถไปเจอเธอที่กองถ่ายหรือว่าค่ายก็ได้ แต่ก็ต้องฆ่าเชื้อก่อนอยู่ดี ตอนที่พูดคุยต้องทิ้งระยะห่างห้าร้อยเมตรขึ้นไป……”ผู้ชายพูด
ซูย้าวพยักหน้าอย่างเข้าใจอย่างโจ่งแจ้ง ถึงว่าล่ะไม่มีใครอยากจะเชิญคุณอานคนนี้ไปออกงานเลย หรือแม้แต่งานพรีเซนเตอร์สินค้าก็เหมือนกัน ที่แท้ก็เพราะเจ้าตัวเรื่องมากขนาดนี้ นี่ไม่ใช่คำว่าสะอาดที่สามารถบรรยายพฤติกรรมแบบนี้แล้ว น่าจะป่วยเป็นโรคmysophobiaมากกว่า !
แถมเป็นขั้นสุดท้ายของโรคนี้เลยก็ว่าได้
“ถ้าเธอจะพบก็ถอดเสื้อตอนนี้ซะ แต่ถ้าไม่ก็ออกไปเลย!อย่าอยู่นี่นาน มันไม่ถูกสุขอนามัยเลย!”ผู้ชายใช้มือปิดจมูก ทำอย่างกับซูย้าวคลานออกมาจากคลองเน่าเสียอย่างไรอย่างนั้น ทำท่าทางรังเกียจแบบนั้น ทำให้คนรู้สึกอารมณ์ขึ้นมาทันที
เธอถือว่าอารมณ์ดีมากแล้ว ที่พยายามเก็บอารมณ์โมโหไว้ น้ำเสียงที่พูดออกมาก็ฟังดูนุ่มนวลเหมือนเดิม แถมยังพยายามฝืนยิ้มบางๆออกมาให้อีกฝ่าย“ฉันอยากพบคุณอาน แต่ไม่อยากถอดเสื้อ ยิ่งไม่อยากฆ่าเชื้อด้วย คุณว่าฉันควรทำยังไงคะ?”
“ทำยังไงงั้นหรอ?”ผู้ชายอดไม่ได้หัวเราะเย็นชาออกมา
ซูย้าวมองเขาด้วยสายตาเหมือนไม่แคร์
หลังจากที่ผู้ชายหัวเราะเสร็จ น้ำเสียงดุร้ายก็ตามมาด้วยทันที“ก็ไสหัวออกไปไง!จะทำอะไรได้อีก?เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?รู้หรือเปล่าว่าซินเออร์ของเราดังแค่ไหน?แค่บริษัทกระจอกอย่างพวกหล่อน ยังคิดอยากจะหาเธอเป็นพรีเซนเตอร์งั้นหรอ?ไม่รู้หรือไงว่าซินเออร์ไม่รับงานพรีเซนเตอร์ใดๆ?”
ผู้ชายพูดความในใจออกมาอย่างหมดเปลือก
เป็นความในใจของเขาและเป็นของอานซินเออร์ด้วย
ซูย้าวตั้งใจฟังเขาพูดและมองหน้าเขา“นั้นขอถามคำถามสุดท้ายนะคะ คุณคือผู้จัดการของอานซินเออร์หรอคะ?”
“ถูกต้อง ฉันเอง!”ผู้ชายจับหนวดเคราที่เปียไว้สุดเก๋ของตัวเอง รอยยิ้มที่เย็นชาทำท่าเหมือนอยู่เหนือกว่าทุกสิ่ง
ซูย้าวพยักหน้า“งั้นดีค่ะ ฉันรู้แล้วค่ะ”