“หมายความว่าถ้าอยากจะพบคุณอาน ก็จำเป็นต้องได้รับการตรวจทั่วร่างกายจากผู้ช่วยอย่างคุณ ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแบบนี้ถูกมั้ยคะ?”ซูย้าวย้ำคำพูดของผู้ชายชัดถ้อยชัดคำ
ผู้ช่วยรู้สึกรำคาญ“ถูกต้องย่ะ เธอนี่มันน่ารำคาญจริงๆ!ก็บอกเธอกี่ครั้งแล้ว เธอฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่อง?หรือว่าไม่รู้ควรทำงานยังไง?”
“คุณอานซินเออร์ที่ภายนอกดูอ่อนโยนเป็นคนเงียบๆ แสดงละครมาตั้งมากมาย ยังเคยได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะป่วยเป็นโรคmysophodieพิลึกแบบนี้เลยนะคะ?”เธอพูดอย่างเรียบเฉย
ท่าทีของผู้ชายยิ่งดูรำคาญขึ้นมา“เธอนี่มันบ้าหรือเปล่า!รีบไปซะ!ถึงตอนนี้เธอจะถอดเสื้อผ้าให้ฉันช่วยฆ่าเชื้อให้ฉันก็เบื่อที่จะทำแล้ว!”
ในที่สุดซูย้าวก็รู้แล้ว ว่าทำไมผู้ช่วยของเธอเสี่ยวจางถึงได้วิ่งร้องไห้ออกมาแบบนั้น คงถูกผู้ช่วยคนนี้กลั่นแกล้งสินะ
ผู้หญิงที่อายุเพิ่งจะยี่สิบกว่าๆ ยังไม่แต่งาน แม้แต่แฟนยังไม่มี จู่ๆจะให้เธอถอดเสื้อต่อหน้าผู้ชายคนหนึ่ง แล้วยอมให้ทำการตรวจร่างกายฆ่าเชื้อแบบนี้ ผู้หญิงคนไหนจะยอม?
นี่ไม่ใช่แค่ตั้งใจบีบคั้นคนทำในสิ่งที่ไม่ชอบอย่างเดียวแล้วนะ แต่มันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคนอื่นเลยนะ เอาผิดทางกฎหมายได้เลย
ซูย้าวมองหน้าเขาไว้ ถึงแม้ในใจจะโกรธมาก แต่ก็ยังเก็บอารมณ์ไว้แล้วฝืนยิ้มเบาๆ หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วแกว่งไปมาอยู่ตรงหน้าของเขา“คุณว่า ถ้าที่คุณพูดเมื่อกี้ ถูกเปิดเผยให้กับสำนักพิมพ์หรือสื่อแล้วละก็ ชื่อของอานซินเออร์บนเว็บไซต์เวย์ปั๋ว คุณว่ามันจะฮือฮาและถูกพูดถึงอย่างมากเลยหรือเปล่านะ?”
เธอเพิ่งจะถูกกระหน่ำโจมตีทางโซเชียล ความรู้สึกที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์บนโซเชียล ที่ถูกคนอื่นต่อว่าอย่างดุเดือด มันเจ็บปวดแค่ไหน ซูย้าวรู้ดีแก่ใจ
ผู้ช่วยได้ยินแบบนี้แล้ว ตกใจอึ้งในทันที
“นี่แก แกอัดเสียงงั้นหรอ?”
ซูย้าวพยักหน้า“อืม เริ่มตั้งแต่ตอนเข้ามาเลย ทำไม?ไม่ดีหรอคะ?หรือว่าพวกคุณมีกฎไม่ให้อัดเสียงด้วยอย่างนั้นหรอคะ?”
“แก แกมัน……”ผู้ชายโมโหโกรธมาก ลืมตาโตแล้วไฟโกรธจุดประกายขึ้นในดวงตา
ต่างจากความโมโหของผู้ชาย ซูย้าวอารมณ์เรียบเฉยเหมือนเดิม น้ำเสียงก็ฟังดูอ่อนโยน“รู้ว่าฉันอัดเสียงอยู่ คุณยังกล้าพูดคำหยาบอยู่อีกหรอคะ?เป็นถึงผู้ช่วยของอานซินเออร์ดาราชื่อดัง กิริยามารยาทมีแค่นี้หรอคะ?”
“นี่แกกล้าขู่ฉันหรอ?”
“ทำความเข้าใจให้ดีก่อนนะคะ นี่ไม่ใช่ขู่ ฉันแค่รักษาสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองคนหนึ่ง คุณรู้มั้ยคะ คุณให้คนคนหนึ่งถอดเสื้อออกจนหมด แล้วทำการตรวจร่างกายและฆ่าเชื้อแบบนี้ เข้าข่ายข้อหาหมิ่นประมาทเลยนะ ฉันสามารถฟ้องคุณได้เลยนะคะ!”ซูย้าวยิ้มอย่างเย็นชา อย่านึกว่าเป็นผู้ช่วยของดาราแล้วก็อยู่เหนือกว่าคนอื่น คิดว่าใครๆก็ไม่รู้กฎหมายหรือไง?
ผู้ชายโกรธจนกัดฟัน“เธอยังอยากจะได้ซินเออร์ของเราไปเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ใช่มั้ย ?บอกเธอไว้ก่อนเลยนะ ถ้าเธอกล้ามีเรื่องกับฉันแล้วละก็ เรื่องพรีเซนเตอร์ก็อย่าฝันไปเลย!”
“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ดารามีตั้งมากมาย ที่ดังๆและที่ตอนนี้รุ่งๆอยู่ก็มีเยอะแยะไป ไม่ใช่แค่มีอานซินเออร์คนเดียว ยิ่งดาราสาวแบบที่สวยแต่ภายนอกแต่ไม่มีความสามารถ มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทของเรา ถือว่าดูเมินผลิตภัณฑ์ของบริษัทเรามากกว่า!”
ซูย้าวยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ใช้คำพูดแบบนี้มาขู่เธองั้นหรอ?ใจกล้าจริงเน้อ!
อย่าว่าแต่ภารกิจครั้งนี้หลินหวั่นหญิงเป็นคนตั้งใจยัดเยียดให้เธอเลย ถึงเธอจะเปลี่ยนดารากลางทาง หลินหวั่นหญิงก็ทำอะไรไม่ได้
ถ้าเธอถูกบริษัทจู้สือไล่ออกเพราะเรื่องนี้ได้ละก็ ซูย้าวจะ
ขอบคุณมากเลย!
ผู้ชายเห็นว่าขู่ซูย้าวไม่สำเร็จ กลับได้ยินเธอตำหนิติเตียนอานซินเออร์ขึ้นมา ยิ่งรู้สึกโกรธ กัดฟันแล้วทำหน้าดุร้ายน่าเกลียดขึ้นมา“นี่พูดกับหล่อนดีๆไม่ชอบ อย่าจะมีเรื่องใช่มั้ย วันนี้ฉันจะสั่งสอนให้เธอรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร!กล้าฟ้องฉันงั้นหรอ?ฉันจะรอดูซิ……”
“พอได้แล้ว!”
เขายังไม่ทันพูดจบ จู่ๆก็ถูกเสียงอ่อนโยนของผู้หญิงขัดจังหวะ
อานซินเออร์เดินลงมาจากชั้นบน บนตัวคลุมเสื้อคลุมที่ทำจากขนแกะ ผมยาวสลวยปล่อยไว้ เหมือนเพิ่งจะนอนตื่น และดูทำท่าขี้เกียจ ไม่กี่ก้าวก็เดินมาถึงที่ประตู แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง“คาร์ส พอได้แล้ว!”
หลังจากนั้น ก็หันมามองซูย้าว“ฉันคุยกับพี่จิ้งในโทรศัพท์แล้วค่ะ คุณก็คือประธานซูฝ่ายขายของบริษัทจู้สือกรุ๊ปใช่มั้ยคะ?มาคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
อานซินเออร์มีมารยาทมาก เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน หน้าตาสวย เสียงเธอก็อ่อนโยนมาก กิริยาท่าทางของเธอดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ทำให้อารมณ์โกรธของคนหายไปในพริบตา
ผู้ชายยังไม่ยอม“ซินเออร์!จะปล่อยผ่านแบบนี้เลยหรอ?ไม่ฆ่าเชื้อแล้วหรอ?”
พอเอ่ยถึง‘ฆ่าเชื้อ’คำนี้ อานซินเออร์ก็อดไม่ได้หัวเราะออกมาทีหนึ่งแล้วหันมาพูด“ก็บอกแล้วไง อย่าเล่นบ้าอีก ประธานซูเป็นผู้หญิง จะฆ่าเชื้ออะไรกัน?คาร์ส คุณไปชงกาแฟมาให้เราหน่อย!”
ถึงคาร์สยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ แต่เห็นแก่หน้าของอานซินเออร์แล้ว ก็ฝืนใจตอบไปคำหนึ่งแล้วเดินเข้าไปในครัว
อานซินเออร์เชิญซูย้าวนั่งที่โซฟาห้องรับแขกแล้วอธิบาย“ต้องขอโทษทีนะคะ ก่อนหน้านี้ ฉันพักผ่อนอยู่บนห้องเลยไม่รู้ว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้น!”
ซูย้าวยิ้มอย่างอ่อนโยนทีหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณอานเป็นคนที่ชอบความสะอาด ฉันเองจะระวังตัวหน่อยค่ะ แต่ว่าจู่ๆจะให้ถอดเสื้อผ้าแบบนี้ เลยรับไม่ค่อยได้ค่ะ”
“ประธานซูพูดเกินไปแล้วค่ะ พี่จิ้งได้บอกฉันแล้วค่ะ เรื่องที่ว่าอยากจะให้ฉันไปเป็นพรีเซนเตอร์ แต่ฉันแปลกใจมากเลยนะคะ เรื่องแบบนี้ ตามหลักแล้ว ไม่ควรให้ผู้จัดการฝ่ายขายอย่างคุณมาเลยหนิคะ?”อานซินเออร์ถาม
และ‘พี่จิ้ง’คนที่เธอเอ่ยถึงก็คือผู้จัดการของเธอ
ซูย้าวพูด“ที่บริษัทเกิดเรื่องวุ่นวายหน่อย ภารกิจมาเชิญคุณอานครั้งนี้เลยมอบให้ฉันเป็นคนรับผิดชอบค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอานจะรับงานนี้มั้ยคะ?”
“ต้องขอโทษนะคะ ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉันไม่รับงานพรีเซนเตอร์ใดๆนะคะ”เธอพูด
“อืม ค่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ นั้นฉันก็ไม่อยากฝืนใจคุณแล้วค่ะ !”ซูย้าวลุกขึ้นทันที แล้วพูดต่อ“รบกวนแล้วนะคะ ฉันขอตัวก่อนค่ะ”
อานซินเออร์มองหน้าเธอแล้วอึ้งนิดๆ
ซูย้าวเดินไปที่ทางประตูแล้วคาร์สก็ยกกาแฟออกมาจากห้องครัวพอดี เห็นเธอกำลังจะไปแล้วก็อดอึ้งทีหนึ่งไม่ได้“ทำไมไปเร็วจัง?”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ——”
อานซินเออร์อดสงสัยไม่ได้รีบลุกตามเธอไป
ซูย้าวมองหน้าเธอ“คุณอานยังมีธุระอะไรหรอคะ?”
“ก็ไม่เชิงว่ามีธุระหรอกค่ะ แค่รู้สึกแปลกใจ โดยปกติแล้ว คุณควรจะโน้มน้าวฉันต่อไม่ใช่หรอคะ?”อานซินเออร์มองหน้าเธอ บริษัทที่อยากได้เธอไปเป็นพรีเซนเตอร์มีตั้งมากมาย ทุกๆเดือนแทบจะต้องปฏิเสธไปหลายเจ้า
แต่ทุกคนที่บริษัทส่งมา หลังจากเธอปฏิเสธไปแล้วยังตื้อเธอไม่หยุด และโน้มน้าวเธอหวังว่าเธอจะใจอ่อนยอมแหกกฎ
แต่ซูย้าวกลับต่างจากคนพวกนั้น แถมท่าทีก็ดูเย็นชาอานซินเออร์เลยไม่เข้าใจ หรือว่าเธอไม่ได้อยากเชิญตัวเอง?
อย่าว่าแต่อานซินเออร์สงสัยเลย แม้แต่คาร์สก็สงสัยไม่เข้าใจเหมือนกัน
ภายใต้สายตาของทั้งสอง ซูย้าวยิ้มเบาๆทีหนึ่ง จากนั้นก็อธิบาย“ก็คุณอานปฏิเสธฉันแล้วไม่ใช่หรอคะ?แล้วทำไมฉันยังต้องตื้อคุณอีกล่ะคะ?”
เธออยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่เด็ก ถึงเธอจะไม่ใช่ดารา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในนี้ แต่ว่างานเลี้ยงต่างๆน่าๆและกระทั่งดาราก็เจอมามากมาย
เหมือนเมื่อกี้ที่คาร์สจู่ๆก็ให้เธอถอดเสื้อผ้า แถมยังไปแกล้งผู้ช่วยของเธอ ทำเอาผู้ช่วยของเธอร้องไห้ พฤติกรรมแบบนี้ ซูย้าวยังพูดกับเขาอย่างใจเย็น ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว นี่ยังจะให้เธอง้อหล่อนงั้นหรอ?
ฝันไปหรือเปล่า!
“อ้อ ฉันลืมบอกไปค่ะ เมื่อกี้ที่ฉันพูดว่าได้อัดเสียงไว้ ที่จริงแล้วไม่มีหรอกค่ะ แค่พูดไปแบบนั้น พวกคุณก็อย่าเอาใส่ใจเลยนะคะ!”ซูย้าวแตะที่มือถือ ไม่ได้เปิดอะไรไว้ และไม่ได้อัดเสียงจริง
ระหว่างที่พูด เธอก็เปลี่ยนไปใส่รองเท้าส้นสูงของตัวเองแล้วเปิดประตูเดินออกจากวิลล่า
ทิ้งให้อานซินเออร์ยืนแข็งทื่ออยู่คนเดียว จ้องผู้หญิงที่เดินจากไปอย่างมึนงง
ซูย้าวกลับมาที่รถอีกครั้ง เสี่ยวจางมองหน้าเธอด้วยสีหน้าเป็นห่วง“ประธานซู พวกเขาสร้างความลำบากใจอะไรให้คุณหรือเปล่าคะ?”
“เปล่าหรอก แต่ว่าเมื่อกี้ลำบากเธอแล้วนะ ต่อจากนี้ไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้วนะ และไม่ต้องมาเชิญอานซินเออร์อะไรนี่อีก!”ซูย้าวพูด
เสี่ยวจางอึ้งนิ่งไป“แต่ว่า ทางรองประธานหลิน……”
“ไม่ต้องไปสนใจเธอหรอกนะ เดี๋ยวเปลี่ยนเป็นดาราคนอื่นก็ได้แล้ว”ซูย้าวนั่งพิงอยู่ที่เบาะนั่ง ใบหน้าเงียบสงบ เฉยเมยและไร้ความรู้สึก
เธอกำลังจะหาข้ออ้างปฏิเสธภารกิจนี้อยู่พอดี ไม่นึกเลยว่าอานซินเออร์กลับหาข้ออ้างให้เธอเอง นั้นก็ดีสิ ?