ยุ่ง?
คำนี้พอเข้าหูของซูย้าวแล้ว กลับฟังเหมือนอีกความรู้สึกหนึ่ง
เธอมองหน้าผู้ชายตรงหน้าพูดอย่างชวนให้คิด“ที่ประธานลี่พูดว่าอย่าไป‘ยุ่ง’มันหมายความว่าไงคะ?ทำไมฉันถึงไม่เข้าใจคะ?”
สำหรับเจียงจี้เซิงคนคนนี้ ซูย้าวเคยเห็นเขาผ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารการเงินอยู่บ่อยครั้ง และก็เคยเห็นรายการสัมภาษณ์เขาผ่านๆ แต่ก็แค่ฟังไม่กี่คำก็เปลี่ยนช่องแล้ว ในความทรงจำเธอ เขาก็เป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อไม่แพ้ลี่เฉินซีคนหนึ่งเลย ดูถ่อมตนและสุภาพมาก ใส่แว่นและดูเหมือนสุภาพบุรุษแสนดีมากเลย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว บริษัทบริษัทเจียงหย่วนอยู่เมืองBมาโดยตลอด ซูย้าวเลยไม่เคยเจอเจียงจี้เซิงมาก่อน
กับคนที่ไม่เคยเจอหน้าเลยสักครั้ง ใช้คำว่าอย่าไปยุ่งด้วย เธอไม่เข้าใจจริงๆว่ามันหมายความว่ายังไงกันแน่
“ไม่เข้าใจใช่มั้ย?”ลี่เฉินซียิ้มเบาๆ จ้องตาที่คมสวยของเธอแล้วเกิดรู้สึกกังวล
ซูย้าวไม่ทันตั้งตัว รู้สึกว่าแขนถูกดึงอย่างแรงและระหว่างที่หมุนตัว หน้าหล่อของผู้ชายก็ก้มลงมา ริมฝีปากที่เย็นและบางของเขาจูบลงที่ริมฝีปากของเธอทันที
ท่าทีเปิดเผยและตรงไปตรงมา ทำอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่เกรงกลัวและลังเลใดๆ จูบเธออย่างบ้าคลั่งราวกับพายุฝนกระหน่ำไม่หยุด
ซูย้าวมึนงงไปชั่วขณะ เสี้ยววินาทีที่ได้สติกลับมา ลี่เฉินซีเองก็รู้สึกถึงการต่อต้านของเธอ แล้วรีบปล่อยเธอในวินาทีต่อมา แต่หน้าอกที่แข็งแรงยังคงกดทับหน้าอกนุ่มละไมของเธอไว้ ปล่อยให้เธอพิงกับกำแพง มองริมฝีปากที่มีเสน่ห์ร้ายกาจของผู้ชายและฟังเขาพูดว่า“ตอนนี้เข้าใจหรือยัง?”
“……”
ซูย้าวหน้าดำทันที นี่มันคืออะไร?
“คนอย่างเจียงจี้เซิง ไม่ได้ดูเป็นคนดีเหมือนภายนอก ผู้หญิงที่เข้าใกล้เขาไม่มีคนไหนที่มีจุดจบสวยเลย!”ลี่เฉินซีพูด
แม้กระทั่งแม่ของเจียงจี้เซิงก็รวมอยู่ด้วย ไม่ได้ไปสบายเหมือนกัน
ผู้ชายคนนั้นก็เหมือนตัวกาลกิณี ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้เขา ต่างก็ไม่จบสวย นี่ไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่คือเบื้องหลังมีแผนการสมคบคิดใหญ่มโหฬารซ่อนอยู่ ก็เหมือนเงาที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ไม่มีวันหายไป
ซูย้าวยกมือมาเช็ดปากของตัวเอง มองเขาด้วยสายตาเย็นชา“แล้วคุณล่ะ?คุณก็แสดงเก่งเหมือนกันหนิ?คนที่ไม่รู้จัก ก็เห็นว่าคุณเป็นผู้ชายสุภาพบุรุษแสนดีเหนือนกันไม่ใช่หรอ?ที่แท้ก็?”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วขึ้นมา“ที่แท้ก็ยังไง?”
เขาอยากได้ฟังจากปากของเธอมากว่าเธอประเมินเขายังไง
“ความจริงแล้วดูภายนอกเหมือนคนสุขุมเรียบร้อย แต่เป็นผู้ชายที่ปากไม่ตรงกับใจ คุณกับเจียงจี้เซิงคงเป็นพวกเดียวกันสินะ!คุณเลยเขาใจเขามากขนาดนี้ ถึงได้กลิ่นอีกฝ่ายที่เหมือนตัวเอง แล้วนี่มันอะไร?เตือนฉันงั้นหรอ?หรือว่า……”
ยังไม่รอให้เธอได้พูดจบ ผู้ชายก็คว้าหลังศีรษะของเธอกดไว้กับกำแพงอีกครั้งแล้วจูบเธออย่างดุเดือด
ซูย้าวขัดขืนสุดแรง แต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล ได้แต่ปล่อยให้เขาบ้าคลั่นเสร็จ ถึงค่อยๆปล่อยเธอ
“ลี่เฉินซี!”เธอกัดฟันด้วยความโมโห
เขากลับยิ้มร้ายๆ เหมือนกำลังรำลึกถึงจูบเมื่อกี้ รอยยิ้มที่แกล้งหยอกกลับดูหล่อเร้าใจคนสุดๆ
“ผมไม่เหมือนเขา ผมคือเพราะรัก แล้วเขาล่ะ?”จู่ๆเขาก็พูด
คำเดียวทำให้ซูย้าวรู้สึกประหลาดใจ
รัก?
เขาคือเพราะรัก?
หรือว่าเขา……เคยรักเธองั้นหรอ?
ซูย้าวไม่เคยกล้าคิดมาก่อน ว่าเขาจะเคยรักตัวเอง ถึงจะแค่นิดเดียวก็เหอะ……
ยังไม่ทันได้สติกลับมา ก็ถูกผู้ชายจับคางเอาไว้ ลี่เฉินซียิ้มมุมปากบางๆ“เหม่อลอยอะไรอยู่?ผมไม่ได้โกหกสักหน่อย ผมเป็นเพราะรักจริง คุณคิดว่าตอนนั้นที่คุณแต่งงานกับผม สามารถมีลูกกับผมได้ ผมจะไม่เคยรักคุณเลยงั้นหรอ?”
พูดอีกอย่าง ถ้าเขาไม่เคยรักเธอจริง นั้นเขาจะมีอะไรกับเธอครั้งแล้วครั้งเล่าทำไม แถมยอมให้เธอคลอดลูกของเขาออกมา
สำหรับผู้ชายหนึ่งคน มีวิธีตั้งมากมายที่ไม่ให้ผู้หญิงตั้งท้องลูกของตัวเองได้
แค่ใช้สมองหน่อย ยังไงก็คิดหาวิธีออก
ถูกมั้ย?
ซูย้าวกลับจู่ๆหายใจไม่ออก เสียสติอึ้งไปอยู่พักใหญ่ ถึงพูดขึ้นอย่างเรียบง่าย“คุณ……เคยรักฉันงั้นหรอคะ?”
“อืม พูดให้ตรงก็คือยังรักอยู่”ลี่เฉินซีพูดออกมาตรงๆไม่ปิดบัง
“……”
ซูย้าวไม่คิดไม่ฝันมาก่อน หลังจากหย่ากันมาห้าปี มีวันหนึ่ง ผู้ชายที่เธอเคยรักมากที่สุด อดีตสามีของเธอ จะอยู่ดีๆมาเล้าโลมตัวเอง แล้วระหว่างนั้นยังสารภาพว่ายังรักเธออยู่……
ถ้านี่เป็นเมื่อสิบปีก่อน เธอยังเป็นสาวที่อายุเพิ่งจะสิบเก้าละก็ คงต้องหน้าแดงใจเต้นแรงมากแน่ ตอนนั้นคงดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย ถ้าตอนนี้เป็นเมื่อห้าปีก่อน ได้ยินคำนี้แล้ว เธอจะต้องยกเลิกความคิดหย่าแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะยืนเคียงข้างเขาอย่างเด็ดเดี่ยวไม่จากไปไหน
แต่ว่า กลับเป็นตอนนี้
ในตอนที่เธอหมดหวังกับความรัก ไม่อย่าให้ใครเดินเข้ามาในชีวิตอีก เขากลับสารภาพพูดคำที่เธอรอคอยมานานออกมา
ความรู้สึกในใจสับสนอย่างบอกไม่ถูก!
เธอก้มหน้าลง กำหมัดไว้แน่นจนเล็บลึกเข้าไปในเนื้อ“เรื่องที่เราคุยกันตอนนี้ เหมือนจะไม่ใช่นี่นะคะ!”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วทีหนึ่ง“เออ ผมแค่ไม่อย่าให้คุณไม่ยุ่งกับผู้ชายคนนั้น”
หรือซูย้าวอาจจะพูดถูก เขากับเจียงจี้เซิงอาจเป็นคนประเภทเดียวกัน
เลยได้กลิ่นอายบนตัวของอีกฝ่ายเลย รู้สึกถึงอันตราย และรู้ถึงผลที่อาจจะตามมา หากว่าซูย้าวไปเข้าใกล้เขา
“ขอโทษนะคะ ความหวังดีที่ประธานลี่เตือน ฉันรู้แล้วค่ะ แต่นี่เป็นงานของฉัน จะทำต่อหรือไม่ก็อยู่ที่การตัดสินใจของฉัน แต่ก็ต้องขอบคุณนะคะ!”
ระหว่างที่พูด ซูย้าวก็เบียดออกจากข้างกายเขา ผลักประตูออกแล้วเดินจากไปโดยตรง
ลี่เฉินซีไม่ได้ขวางเธอ น้ำเสียงเธอพูดจาเกรงใจขนาดนี้ เห็นชัดว่าเธอยังไม่ยอมรับเขาและพยายามต่อต้านเขา ถ้าเขาเข้าไปใกล้อีก ก็มีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วแย่ลงอีก
แต่ว่าเธอไม่เข้าใจคนอย่างเจียงจี้เซิงคนนั้นเลย……
ตอนที่ซูย้าวกลับไปที่ห้องVIPต่อนั้น ระหว่างทางก็เจอคนรู้จักอย่างไม่ตั้งใจ เธอก็คือหานฉ่ายหลิงนั้นเอง
“ซูย้าวบังเอิญจังเลยนะ!”หานฉ่ายหลิงยิ้มแย้มเดินมาคุยกับเธอ
เธอก็ยิ้มตอบทีหนึ่ง“อืม ใช่ค่ะ บังเอิญจังนะคะ!”
“ฉันกับเฉินซีและหวั่นหญิงมาทานข้าวที่นี่ ยังพูดถึงเธอด้วย ได้ยินว่าเธอจะไปร่วมงานกับบริษัทเจียงหย่วนหรอ?”หานฉ่ายหลิงตั้งใจพูดขึ้นมา
ซูย้าวพยักหน้าเบาๆ“ก็มีความคิดแบบนี้อยู่ค่ะ!แต่จะเป็นยังไงยังไม่ได้คุยกับฝั่งบริษัทเจียงหย่วนเลยค่ะ!”
“ฉันรู้ความสามารถของเธอดี ขอแค่เป็นเรื่องที่เธออยากทำ ไม่มีคำว่าไม่สำเร็จแน่ ต้องร่วมงานได้แน่ และอีกอย่างบริษัทเจียงหย่วนเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งมาก แถมเจียงจี้เซิงคนนี้ก็มีความสามารถมาก อนาคตต้องมีผลดีต่องานของเธอแน่!”
ซูย้าวยิ้ม“ก็คงจะอย่างงั้นมั่งคะ!”
พูดทักทายกันง่ายๆ ทั้งสองคนก็แยกทางกันไป หานฉ่ายหลิงเดินไปข้างหน้าต่อ แล้วพบกับลี่เฉินซีที่กลับมาจากห้องน้ำพอดี
เธอรีบเข้าไปควงแขนของผู้ชายไว้“เฉินซีคุณทำไมไปนานจังคะ?ฉันรอจนเป็นห่วงแย่เลยค่ะ!”
“เป็นห่วงอะไรครับ?ผมก็มาแล้วนี่ไง?”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ราวกับรักและเอ็นดูเธอมาก
คำพูดที่นุ่มนวลถูกซูย้าวที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปได้ยินพอดี และได้ยินอย่างชัดเจน
เห็นมั้ยล่ะ คำพูดของผู้ชายเชื่อได้ที่ไหน
คนที่เพิ่งบอกรักเธอเมื่อกี้ ไม่ทันไรก็ไปดีกับผู้หญิงอีกคน!
ยังดีที่เธอไม่เชื่อ……
จบการคุยงานแล้วเวลาก็ผ่านไปเป็นชั่วโมงกว่าแล้ว ลูกค้าฝั่งของซูย้าวเมาหนักกันทุกคน ถูกฝ่ายประชาสัมพันธ์ส่งกลับบ้านแล้ว เหลือแต่ซูย้าวเป็นคนสุดท้าย เป็นเพราะเธอก็ดื่มเหล้าด้วย เลยต้องยืนรอที่หน้าประตู โทรศัพท์เรียกคนรับจ้างขับรถมาขับรถให้
ยังไม่รอให้ได้โทรศัพท์ ก็มีคนหลายคนเดินออกมาจากภัตตาคาร
เดินกันออกมาเป็นคู่ๆ หานฉ่ายหลิงควงแขนของลี่เฉินซีไว้ หลินหวั่นหญิงกับโอวหยางเช่อ ทั้งสี่คนจับกันเป็นคู่ๆ ทันทีที่เห็นซูย้าวยืนอยู่ตัวคนเดียว ยังรู้สึกเก้อเขินนิดๆ
“ซูย้าว เธอตัวคนเดียวหรอ?ต้องการให้เราไปส่งเธอมั้ย?”จู่ๆ หานฉ่ายหลิงก็ออกความเห็น
ไม่รอให้เธอตอบ โอวหยางเช่อก็ปล่อยมือของหลินหวั่นหญิงออกอย่างเรียบเฉยแล้วเดินไปหาซูย้าวโดยตรง แล้วพูดเบาๆ“ให้ผมส่งคุณกลับเถอะนะ!”
ลี่เฉินซีมองพวกเขาด้วยสายตาลุ่มลึก ใบหน้าที่หล่อเหลา แววตาดูซึม