ห้องที่อบอุ่น กลับค่อยๆเย็นลงเพราะอารมณ์ของลี่เฉินซี
คำพูดที่ออกจากปากของเขาแต่ละคำ เธอได้ยินอย่างชัดเจนและทุกคำ และเข้าใจความหมายที่เขาพูด
แค่ในเวลาอันสั้น ซูย้าวยังไม่เข้าใจหัวใจที่แท้จริงของตัวเอง
ระหว่างที่เธอมึนอึ้งอยู่ ลี่เฉินซีมองหน้าของผู้หญิงที่ไม่มีแม้แต่ความรักและเยื่อใยอยู่เลย เม้มปากขึ้นอย่างช้าๆ ซูย้าวนึกว่าเขาคงโกรธ แล้วจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วในวินาทีต่อไป
กลับไม่คิดมาก่อน เขาแค่ยิ้มบางๆผิดกับการกระทำของผู้คนปกติ ราวกับปีศาจในยามดึก ดูดุร้ายและเร้าใจคน“ดึกมากแล้ว คุณรีบพักผ่อนเถอะ!”
“……”
ซูย้าวยืนอยู่กับที่อย่างมึนงง
นี่เขาหมายความว่ายังไง?
จู่ๆก็มาพูดเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องกับเธอเป็นชุด ตอนที่ทั้งสองคนกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ดุเดือดนั้น เขากลับเงียบไปซะงั้น……
“ตอนนี้ ถึงผมพูดอะไรกับคุณไป คุณก็ไม่ยอมรับผมอยู่ดี กลับกัน คุณอาจจะโทษผมก็ได้ และอาจจะทะเลาะกันได้ ซูย้าว ผมไม่อยากให้คุณอารมณ์ไม่ดี เพราะฉะนั้น อย่าคิดมากเลย ถือซะว่าผมไม่เลยพูดแล้วกัน!”เขายิ้มอย่างไม่แยแส ใบหน้าที่สดใส แอบซ่อนความรู้สึกมากมาย พริบตาเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
มองหลังผู้ชายที่กำลังจากไป เธอไม่ได้เอ่ยปากห้ามเขาไว้
กระทั่งเขาจากไปจนประตูปิด เธอยืนอยู่ที่เดิมอย่างซื่อๆ โดยไม่ขยับเลย
ลี่เฉินซีพูดถูก ถ้าขืนเขาพูดต่อ ทั้งสองคนต้องทะเลาะและเลิกรากันอย่างไม่ดีแน่
ไม่ว่าจะสารภาพหรือตามจีบ เธอก็ไม่มีทางยอมรับ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้เขาได้หมั่นกับคนอื่นแล้ว
เพราะฉะนั้น หยุดไว้แค่นี้ ถือว่าคิดถูกแล้ว
……
วันรุ่งขึ้น ข่าวร่วมมือของบริษัทจู้สือกับบริษัทเจียงหย่วนดึงดูดนักข่าวมามากมาย แออัดอยู่ที่หน้าบริษัท เสียงดังโวยวายไม่หยุด
พร้อมกันนั้น บริษัทเจียงหย่วนก็ขอให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของจู้สือให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลด้วย ไม่อย่างนั้น ขึ้นศาลถือเป็นเรื่องเล็ก ถ้าเจียงหย่วนออกมาชี้แจ้งทุกอย่างอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อถึงเวลานั้น ชื่อเสียงของบริษัทจู้สือก็จะเสื่อมเสียอย่างหนัก
นี่มันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเรื่องอื้อฉาวอีก
บริษัทจู้สือที่มีชื่อเสียง กลับใช้วิธีนี้ในการหาพันธมิตร แค่ข่าวนี้รั่วไหลออกไป คงต้องก่อให้เกิดความขัดแย้งในความคิดแน่นอน แถมยังจะทำให้หุ้นของบริษัทจู้สือกรุ๊ปผันผวนอย่างมาก
สรุปก็คือ ผลที่ตามมาต้องร้ายแรงอย่างคาดไม่ถึงแน่
ในห้องประธาน หลินหวั่นหญิงกลับมองซูย้าวด้วยหางตาที่หนึ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย พูดแค่ว่า“ประธานซู นี่เป็นการรับผิดชอบของคุณไม่ใช่หรอคะ?นักข่าวที่อยู่ข้างล่างก็บอกว่าจะหาคุณ!คุณยังจะนั่งอยู่ที่นี่ต่ออีกหรอคะ?”
ซูย้าวยักคิ้ว“ประธานโอวได้มอบหมายให้รองประธานหลินรับผิดชอบโครงการทั้งหมดนี้แล้วไม่ใช่หรอคะ?ในเมื่ออย่างนี้ ก็ควรมีรองประธานหลินออกหน้าถึงจะถูกสิคะ!”
“คนที่นักข่าวอยากจะเจอคือคุณนะ เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?ประธานซู ถ้าคุณไม่มีความสามารถที่จะจัดการก็บอกมาตรงๆเถอะค่ะ บางทีฉันอาจจะพิจารณาช่วยคุณครั้งนี้ก็ได้ แต่ถ้าคุณยังเป็นวางท่าแบบนี้ต่อ นั้นก็เลิกคิดได้เลย!”
หลินหวั่นหญิงยิ้มอย่างเยาะเย้ย บีบเอวบางของเธอลุกเดินออกไป
โอวหยางเช่อนั่งเงียบมาตลอด ฟังทั้งคู่เถียงกันอยู่นาน ใบหน้าที่เคร่งเครียดได้มืดมนในที่สุด จู่ๆพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา“รองประธานหลิน ผมบอกแล้วไงครับ เรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทเจียงหย่วน มอบให้คุณรับผิดชอบแล้ว!”
“ประธานโอวคะ——”
หลินหวั่นหญิงหันมามองหน้าผู้ชาย แววตาที่สดใส กลับเผยให้เห็นความมั่นใจที่จะชนะ“นี่มันคือธุรกิจ ไม่ใช่เกมนะคะ ก่อนหน้านี้ได้ตกลงกันแล้วว่าให้ประธานซูเป็นคนรับผิดชอบ ถึงคุณจะเปลี่ยนคนกะทันหัน แต่ควรจะต้องถามสถานการณ์ของฝั่งเจียงหย่วนก่อนมั้ยคะ!”
และอีกอย่าง ถึงหลินหวั่นหญิงจะรับงานยุ่งเหยิงนี้ไว้อย่างไม่เต็มใจ แต่ฝั่งของบริษัทเจียงหย่วนนอกจากจะยื่นฟ้องบริษัทจู้สือแล้ว แถมเจียงจี้เซิงยังยื่นฟ้องซูย้าวเป็นการส่วนตัว
ไม่ว่ายัง เรื่องครั้งนี้ ซูย้าวก็ยากจะหนีพ้นอยู่ดี
โอนหยางเช่อขมวดคิ้ว“ผมบอกว่ามีคุณมารับผิดชอบแทน คุณฟังไม่เข้าใจที่ผมพูด?หรือว่า……”
เขาลากเสียงยาว ถึงแม้ไม่ได้พูดจบ แต่แววตาดูเคร่งขรึมละเย็นชา น่ากลัวจนขนลุก หลินหวั่นหญิงรู้ดีแก่ใจว่ามันหมายถึงอะไร
ซูย้าวไม่อยากฟังพวกเขาถกเถียงกัน รีบลุกขึ้นแล้วพูด‘ฉันขอกลับก่อนนะคะ ถ้ามีเรื่องอะไร ประธานโอวค่อยเรียกฉันนะคะ!’แล้วก็ออกจากห้องประธาน
ที่จริงแล้ว ซูย้าวก็รู้ดี ถึงตอนนี้หลินหวั่นหญิงจะถูกดึงเข้ามา แต่ตัวเองยังไงก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย
การเผชิญหน้ากับเจียงจี้เซิงครั้งนี้ หนีไม่พ้นแน่
ยังไม่เคยได้พบหน้า ก็มีความประทับใจที่ไม่ดีแก่อีกฝ่ายแล้ว หลังจากเจอหน้าแล้ว สถานการณ์คงจะยิ่งแย่ลงแน่
ถูกกำหนดให้เป็น‘ศึกหนัก’แล้ว เธอต้องวางแผนทุกอย่างให้รอบคอบ ไม่อย่างนั้น เรื่องจะเป็นยังไงก็พูดยากเหมือนกัน
ในห้องประธาน หลินหวั่นหญิงจ้องผู้ชาย ริมฝีปากแดงยิ้มมุมปากด้วยการดูถูกละเย็นชา“โอวหยาง นานแค่ไหนแล้ว คุณยังหลงผู้หญิงคนนี้หัวปักหัวปำ!เธอมีดีอะไร?มันคุ้มหรอ?”
หลินหวั่นหญิงเองก็แปลกใจมาก เหมือนจะ‘เห็นใจและเข้าใจ’ความรู้สึกของหานฉ่ายหลิงในตอนนี้ การมีตัวตนของซูย้าว ก็เหมือนก้างปลาติดอยู่ที่ตัว ร่างกายเต็มไปด้วยหนาม ผู้หญิงคนนี้มีเวทมนตร์อะไรงั้นหรอ?ทำไมผู้ชายทุกคนถึงได้รักเธอและยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อเธอด้วย
หลินโม่ป่ายที่รักเธอหมดใจ ถ้าเป็นเพราะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก นี่ยังพอเข้าใจ
ลี่เฉินซี อดีตสามีเธออีกคน ทั้งๆที่หย่ากันมาห้าปี ก็ยังเห็นเธอเป็นความรับผิดชอบของตัวเอง คอยปกป้องออกหน้าแทนเธอได้ทุกเมื่อ
และนี่ยังมีโอวหยางเช่ออีกคน เพื่อผู้หญิงคนนี้แล้ว ยอมทิ้งอนาคตที่ดีของตัวเอง ซูย้าวเองคงไม่มีทางรู้ ว่าผู้ชายโง่คนนี้ เสียสละเพื่อเธออะไรไปบ้าง!
ถึงจะอย่างนี้ โอวหยางเช่อก็เต็มใจที่จะทำ
นึกถึงนี่แล้ว หลินหวั่นหญิงก็ยิ่งอารมณ์เสีย โกรธจนกำหมัดไว้แน่น
“หลินหวั่นหญิง ที่ผมมารับตำแหน่งนี้ มาที่เมืองA ทั้งหมดนี้ก็เพื่อซูย้าว และJockก็รู้ดี คุณก็น่าจะเข้าใจดีนะ!”
โอวหยางเช่อก้าวมาข้างหน้า แววตาที่เย็นชา เต็มไปด้วยเปลวเพลิง
“ฉันเข้าใจดี แต่คุณก็อย่าลืมนะ แก่นแท้และความตั้งใจเดิมที่เรามาที่นี่คืออะไร!ถ้าเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว มาทำลายงานทั้งหมดนี้ล้ม ไม่ว่าคุณหรือฉัน ใครก็รับผิดชอบไม่ไหวแน่!”
เพิ่งจะพูดจบ โอวหยางเช่อก็จับข้อมือของเธอขึ้นอย่างแรง แรงจนเหมือนจะบดขยี้กระดูกได้เลย“นี่คุณกำลังพูดจากับผมด้วยน้ำเสียงอะไร?ฮะ?”
ภายใต้สายตาของผู้ชาย สายตาของผู้หญิงแอบหลบนิดๆ รู้สึกผิดหวังกับท่าทีโมโหร้ายของเขา พยายามฝืนทนความไม่พอใจ ยักคิ้วแล้วยิ้มอย่างยั่วยุ“โอวหยาง ฉันแค่หวังว่าคุณจะไม่ลืมเป้าหมายที่เรามานี่!และอย่างลืมภารกิจที่Jockมอบให้เรา!”
“เรื่องนี้ผมรู้ว่าควรทำยังไง ไม่ต้องให้คุณมาสอนผมหรอกนะ?”สีหน้าของโอวหยางเช่อเรียบเฉย มือที่จับข้อมือของเธอไว้ก็แน่นขึ้น
หลินหวั่นหญิงเจ็บจนทนไม่ไหว แล้วได้ยินเขาพูดขึ้นที่ข้างหูของเธออีก“คุณกล้าดียังไง กล้าแตะต้องเธอ?”
โอวหยางเช่อรู้ดี ข่าวปลอมที่เกี่ยวกับกันเซ็นสัญญาร่วมมือของจู้สือกับเจียงหย่วน หลินหวั่นหญิงเป็นคนตั้งใจปล่อยข่าวออกไปเอง
เพื่อที่จะกดดันซูย้าวและสร้างความปั่นป่วน
ได้เห็นซูย้าวต้องค่อยกังวลทั้งปัญหาภายในและภายนอก เพื่อที่หลินหวั่นหญิงจะได้บรรลุเป้าหมายของตัวเองได้
“กล้าขัดคำสั่งของผม หลินหวั่นหญิง คุณยิ่งอยู่ยิ่งใจกล้ามากขึ้นทุกทีแล้วนะ!”ทันใดนั้น มือที่ใช้แรงของโอวหยางเช่อก็ปล่อยแล้วสะบัดมือเธอออก
ผู้หญิงยืนไม่นิ่งแล้วเซไปมาล้มลงกับพื้น
รองเท้าส้นสูงทำจนขาแพลง เจ็บจนหลินหวั่นหญิงได้แต่ฝืนทน แต่ก็ทนความอัดอั้นในใจไม่ไหว
“ผมข้อเตือนคุณครั้งสุดท้าย ควรทำยังไง มันคือการตัดสินใจของผม ถ้าคุณยังกล้าทำโดยพลการหรือกล้าทำอะไรเธออีกละก็ หลินหวั่นหญิง ผลมันจะเป็นยังไง ผมคงไม่ต้องพูดอีกแล้วนะ?”
เงยหน้ามองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทำท่าอยู่เหนือกว่า แววตาเย็นชาราวกับพระราชาเสด็จถึงหลินหวั่นหญิงจะไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ต้องทนเอาไว้ พยักหน้าอย่างช้าๆ เสียงที่พูดออกมาเบาอย่างกับเสียงของยุง ——
“ขอโทษค่ะ ต่อจากนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก!”
หลินหวั่นหญิงเจ็บใจจนกัดริมฝีปากไว้ แรงจนเหมือนเลือดจะออก เธอไม่อยากอ่อนข้อ ยิ่งไม่อยากเพราะซูย้าวแล้วปล่อยให้ผู้ชายคนหนึ่งมาข่มเหงตัวเองแบบนี้ แต่ว่าไม่อ่อนข้อก็ไม่ได้ ไม่งั้น……