“ยังเป็นไข้อยู่มั้ยคะ?ฉันว่าตัวคุณยังร้อนอยู่เลยนะคะ……”
หานฉ่ายหลิงจับแขนของเขาอย่างเป็นห่วง มือที่เรียวยาวก้มข้อมือของเขาไว้ มองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง
ลี่เฉินซีพูดขึ้นมาแค่คำเดียวอย่างเรียบเฉย“ผมไม่เป็นไร”
หลังจากนั้น ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นหลินโม่ป่ายกับซูย้าวที่เดินลงจากลิฟต์พอดี ลี่เฉินซีหยุดเดินลงทันที หานฉ่ายหลิงรีบเดินไปข้างหน้าแล้วพูด“บังเอิญจังเลยนะคะ!ซูย้าวกับคุณหลินก็อยู่ที่นี่ด้วยหรอคะ นี่พวกคุณคือ……”
“เรากำลังจะออกไปครับ”หลิงโม่ป่ายตอบอย่างเรียบง่าย
หานฉ่ายหลิงมองหน้าทั้งสองคนแล้วหันไปมองท้องฟ้ามืดข้างนอกแล้วพูด“นี่มันก็ดึกมากแล้วนะคะ!”
เธอยังอยากจะพูดต่อ จู่ๆลี่เฉินซีก็จับมือเธอแล้วพูด“คุณหิวแล้วไม่ใช่หรอ?เราไปทานข้าวกันเถอะครับ!”
หานฉ่ายหลิงเงยหน้าขึ้นมามองลี่เฉินซี เห็นว่าสายตาของผู้ชายดูเงียบขรึม สีหน้าดูเหมือนไม่ค่อยปกติเลยไม่กล้าพูดอะไรต่อ พยักหน้าตามที่เขาพูด“ค่ะ เราไปทานข้าวกันเถอะค่ะ!”
เข้าไปถึงข้างใน ทั้งสองคนได้สั่งอาหารเสร็จ หานฉ่ายหลิงถึงพูด“เฉินซี คุณเป็นอะไรไปคะ?ฉันรู้สึกว่าวันสองวันนี้คุณดูแปลกๆนะคะ!”
เขานั่งขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาดูเย็นชาไร้ความรู้สึก“แปลกยังไง?”
“เมื่อคืนเรานัดไปทานข้าวพร้อมกัน แต่จู่ๆฝนก็ตกหนัก ตอนที่คุณกลับถึงบ้านเปียกฝนมั้ยคะ?”หานฉ่ายหลิงถามเขา
อันที่จริง เธออยากรู้ว่าเขาทำไมถึงเปียกฝนมากกว่า
เธอได้ยินหวางอี้พูดถึงโดยบังเอิญ ว่าเมื่อคืนลี่เฉินซีกลับมาที่บริษัทตัวเปียกไปหมด อย่างกับตากฝนมาเป็นหลายชั่วโมง
หลังจากนั้น วันนี้เขาเลยเป็นไข้
ตัวร้อนตลอด
ยังฝืนทำงานต่อ รวมถึงที่มาทานข้าวตอนนี้ เขาก็ฝืนทนออกมาทานเป็นเพื่อนเธอ ถึงหานฉ่ายหลิงจะซาบซึ้งในใจมาก แต่เธอก็รู้สึกเขาแปลกๆ หรือว่าที่เขาตากฝนจะเกี่ยวข้องกับซูย้าว?
ลี่เฉินซีดูเหมือนจะไม่อยากคุยเรื่องพวกนี้ มือเรียวยาวจับแก้วชาที่อยู่ตรงหน้าเล่นแล้วพูดอย่างเรียบเฉย“จะดื่มเครื่องดื่ม?หรือว่าไวน์แดงดี?”
“เฉินซี ฉันได้ยินพ่อบ้านที่บ้านใหญ่บอกว่าคุณไม่ได้กลับไปเป็นเดือนกว่าแล้ว ช่วงนี้คุณอยู่ที่บริษัทตลอด มีบ้านทำไมไม่กลับไปนอนคะ?คุณนอนแต่บริษัทแบบนี้ มันมีความหมายอะไรคะ?ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ร่างกายไม่ไหวจะทำยังไงคะ?”เธอบ่นกับเขา
สายตาที่ลี่เฉินซีมองเธอดูเรียบสงบ มุมปากยกขึ้นคล้ายจะยิ้มไม่ยิ้ม“ฉ่ายหลิง คุณไม่หิวเลยหรอ?ผมหิวมากแล้ว”
“คะ นั้นเราทานข้าวกันก่อนเถอะค่ะ!”
……
ตอนที่ซูย้าวกับหลินโม่ป่ายมาถึงที่KTV ห้องVIPดูโล่งๆมีคนเหลือไม่กี่คน เวลานี้เธออยากพบหน้าเจียงจี้เซิงมากที่สุด แต่ก็ไม่เจอ
เห็นแต่โจวลี่ตงเลขาของเจียงจี้เซิง เขานั่งดื่มเหล้าร้องเพลงกับคนอื่นๆ เห็นซูย้าวและหลินโม่ป่ายเคาะประตูเข้ามาแล้วรู้ฐานะของพวกเขาในทันที แล้วได้ส่งสายตาให้คนปิดเสียงเพลง
“ประธานซูกับคุณหลิน พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไงครับ?”โจวลี่ตงนั่งอยู่ น้ำเสียงฟังดูเรียบเฉยและแววตาสอดด้วยความไม่ชอบใจเสี้ยวหนึ่ง
ซูย้าวพูดออกมาโดยตรง“ฉันอยากพบประธานเจียงหน่อย ได้ยินว่าเขาอยู่ที่นี่ แต่ดูเหมือนเราจะพลาดกับเขาแล้ว!”
“ถูกต้องครับ ประธานเจียงเพิ่งไปได้ไม่นาน ท่านกลับไปเมืองBแล้วครับ!ประธานซูมาช้าไปหน่อย”โจวลี่ตงยิ้มบางๆ มองซูย้าวด้วยสายตาแปลกๆ
หลินโม่ป่ายไม่ชอบสายตาและน้ำเสียงของผู้ชายคนนี้เอาเลย จับมือของซูย้าวไว้“ในเมื่อประธานเจียงไม่อยู่แล้ว พวกเราก็ไปก่อนเถอะ!”
เธอพยักหน้า
ยังไม่ทันจะไป โจวลี่ตงก็พูดขึ้นอีก“ประธานเจียงของเรารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะมีคนมาหาเขา และเขาได้ฝากข้อความไว้ ให้ผมช่วยส่งถึงคุณ——”
ผู้ชายตั้งใจหยุดไป สายตาที่มีอารมณ์สนใจจ้องมองหลังของซูย้าว
เธอหันมา“ขอถามเลขาโจวหน่อยนะคะ ประธานเจียงเขาฝากข้อความอะไรไว้คะ?”
“ประธานซูอยากรู้หรอครับ?”โจวลี่ตงหัวเราะ ลุกขึ้นมาหยิบเหล้าวิสกี้ขวดใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ มืออีกข้างก็หยิบเหล้าวอดก้ามาขวดหนึ่ง
เทเหล้าทั้งสองลงไปผสมในแก้วใหญ่ใบหนึ่ง ใช้มือดันไปข้างหน้า หยุดลงที่หน้าของซูย้าวโจวลี่ตงพูด“ดื่มเหล้าแก้วนี้ก่อน!”
แววตาของหลินโม่ป่ายเย็นเยือก“เลขาโจว นี่คุณทำอะไร?”
“ได้ยินมาว่าคุณหลินเป็นคนที่อ่อนโยนใจดีมาก แต่กลับเป็นห่วงเป็นใยเรื่องของคนคนหนึ่งมาก วันนี้ได้เห็น ไม่ผิดอย่างว่าจริงๆนะครับ!”โจวลี่ตงไม่กลัวอะไรเลย พูดประชดประชันความสัมพันธ์ของทั้งสองอย่างเปิดเผย
ดวงตาที่สดใสของหลินโม่ป่ายมืดลงอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงที่พูดออกมาอีกครั้งกลับเย็นเฉียบ“ผมจะดีกับใครหรือว่าเป็นห่วงใคร ไม่ต้องรบกวนเลขาโจวมาเสียเวลาเป็นห่วงหรอกนะครับ ถ้าคุณไม่อยากจะพูดก็ไม่เป็นไร ไว้หาเวลา ผมไปขอพบประธานเจียงเองก็ได้!”
โจวลี่ตงหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่โกรธไม่อารมณ์เสียอีก“ก็ดีครับ !แต่ว่า คุณหลินถึงพยายามคิดหาวิธีเท่าไหร่ ก็คงไม่ได้เจอประธานเจียง!”
หลินโม่ป่ายยักคิ้ว“คุณหมายความว่าไง?”
“คนที่รู้จักกับประธานเจียงของเราต่างก็รู้ดี ในทุกๆปีจะมีหนึ่งเดือนที่เขาไม่ทำงานเลย”โจวลี่ตงนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วเอียงหัวมองสองคนที่อยู่ตรงหน้า
ซูย้าวตกใจนิดๆ แต่จำได้ว่าเหมือนที่โจวลี่ตงพูดเป็นความจริง……
“และในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ รวมถึงผมที่เป็นเลขาและผู้ช่วยคนอื่นๆก็ไม่สามารถติดต่อประธานเจียงได้เลย เขาไปไหน ทำอะไร แทบจะไม่มีใครรู้”โจวลี่ตงอธิบาย น้ำเสียงที่เรียบเฉยแสดงถึงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกันตัวเองเลย
แววตาที่ซูย้าวมองเขาดูสั่นคลอน“หรือว่า ตอนนี้ก็คือเวลาหนึ่งเดือนของปีนี้?”
โจวลี่ตงพยักหน้า“ประธานซูฉลาดจริงๆครับ หลังจากเสร็จธุระในฝั่งเมืองAแล้ว หลังจากประธานเจียงจากไปแล้ว เขากลับไปที่เมืองBหรือว่าไปที่อื่น พวกเราต่างก็ไม่รู้”
“……”
นี่ก็คือจุดลึกลับที่สุดของเจียงจี้เซิง ในทุกๆปีจะหายสาบสูญเป็นเวลาหนึ่งเดือน ไม่ติดต่อกับโลกภายนอก ทุกคนก็ติดต่อเขาไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตอะไร เวลาหนึ่งเดือนที่ กำหนดไว้ กฎนี้ไม่เคยถูกทำลาย
เหมือนตอนที่เขาเพิ่งเข้ามารับช่วงบริษัทต่อ ในนามประธานบริษัทก็มีพฤติกรรมแปลกๆนี้แล้ว กับเรื่องนี้ ผู้คนภายนอกต่างเอาไปลือกันต่างๆนานา
ซูย้าวคิดในใจคร่าวๆ ถ้าหนึ่งเดือนติดต่อกับเจียงจี้เซิงไม่ได้ละก็ นั้นรอเขาปรากฏตัวแล้วก็ใกล้จะถึงวันขึ้นศาลพอดี นั้นทั้งหมดนี้ ก็สายไปแล้วน่ะสิ?
“แล้วประธานเจียงเขาฝากข้อความอะไรไว้กันแน่?”ซูย้าวถาม
โจวลี่ตงยกมือจับที่หัว สายตากลับจ้องเหล้าที่เต็มแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะ“คือเรื่องนี้……”
เห็นชัดว่าเขาตั้งใจอยากจะแกล้งคน
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกๆทีหนึ่ง เวลานี้ขี้เกียจจะมาถือสากับคนอย่างเขา เธอกำลังจะยื่นมือไปยกแก้วขึ้นมา คนข้างกายกลับเร็วกว่าเธอก้าวหนึ่ง หลินโม่ป่ายยกแก้วขึ้นมาแล้วเงยหน้าซดเข้าไปจนหมด
ของเหลวที่รสชาติทั้งเผ็ดและแสบ ลื่นผ่านหลอดอาหารทิ้งร่องรอยที่แสบร้อนเหมือนถูกเผาไหม้ น่าจะนึกภาพความรู้สึกนั้นออก
ซูย้าวตื่นตกใจจนตาหด รีบพยุงแขนเขาไว้“โม่ป่าย คุณ……”
“ผมไม่เป็นไร!”หลินโม่ป่ายยิ้มบางๆแล้ววางแก้วเปล่าที่อยู่ในมือลง จากนั้นก็หันไปมองโจวลี่ตงอย่างเย็นช้า“ตอนนี้ เลขาโจวบอกได้ยังครับ?”
โจวลี่ตงยิ้มมุมปาก ปรบมือด้วยความนับถือ“คุณหลินคอแข็งจริงๆนะครับ และช่างเป็นสุภาพบุรุษมาก สมกับเป็นคนที่จะรับช่วงต่อในตำแหน่งประธานของกรุ๊ปหลินในอนาคตจริงๆ กิริยาท่าทางดูสง่าไม่เหมือนใครดี!”
หลีกเลี่ยงคำพูดยกย่องสรรเสริญพวกนี้ หลินโม่ป่ายถามซ้ำอีกรอบ“ประธานเจียงก่อนไปได้ฝากบอกอะไรไว้?”
โจวลี่ตงหัวเราะ ลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างกายหลินโม่ป่าย แล้วตั้งใจกดเสียงให้เบา
พูดจบ ตาของหลินโม่ป่ายหดลงทันที หันไปจับมือของซูย้าวแล้วออกจากห้องไปเลย
เมื่อกี้เสียงของโจวลี่ตงเบามาก ซูย้าวแทบไม่ได้ยินที่เขาพูด พอขึ้นไปถึงรถ เธอยังสับสนอยู่ มองเขาด้วยสายตามึนงง“เจียงจี้เซิงบอกอะไรไว้กันแน่?”
“ซูย้าว เรื่องนี้ ปล่อยให้ผมจัดการเองเถอะนะ!คุณอย่ายุ่งเลย!”หลินโม่ป่ายสตาร์ทรถ น้ำเสียงที่หนักแน่นดูเงียบสงบผิดปกติ
ในหัวกำลังนึกย้อนคำพูดสุดท้ายที่โจวลี่ตงพูด และเป็นคำที่เจียงจี้เซิงฝากเอาไว้ให้พวกเขา
——คนที่ให้ร้ายและทำลายชื่อเสียงของเจียงหย่วน มีสองทางเลือกให้เลือก หนึ่งคือคุกและอีกหนึ่งก็คือนรก
ซูย้าว คุณอยากเลือกข้อไหนล่ะ?