เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 400 ยิ่งอยู่ยิ่งใจกล้าแล้ว

สังเกตเห็นสายตาของผู้หญิงอ่อนโยนลงเยอะ ลี่เฉินซีก็ถอนหายใจแล้วค่อยพูดว่า “ผมเชื่อมาโดยตลอด แล้วทำไมคุณถึงไม่เชื่อผมล่ะ?”

“คุณเชื่อฉันงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของซูย้าวแฝงด้วยความน่าขัน

ถ้าเขาเชื่อเธอ งั้นตอนที่เธอถูกชี้ตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการลักพาตัวหานฉ่ายหลิง ทำไมเขาถึงไม่ออกมาช่วยตัวเองแก้ตัวสักคำ?

กลับกัน เขาจัดการอย่างเย็นชากับเรื่องที่เธอถูกจับเข้าสถานกักกัน

ยังมีอีก ถ้าเขาเชื่อเธอ งั้นตอนที่เธอช่วยบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปกำหนดโปรเจ็คCCUอย่างลำบากลำบน ทำไมเขาถึงได้ต่อต้านขนาดนั้น?

ถึงขั้นยังเคยตักเตือนเธอโดยตรง……

ภาพของตอนนั้น ยังคงปรากฏอยู่ในหัวอย่างชัดเจนอีกเช่นเคย ก็เหมือนรอยแผลเล็กๆแผลหนึ่ง พอกพูนอยู่ในใจของเธอ รอยแผลยังคงอยู่ จะพูดว่าเชื่ออะไรอีก!

“คดีลักพาตัวของตอนนั้น ทุกอย่างก็ชี้ตัวมาที่คุณ ไม่มีหลักฐานใดๆที่เอื้ออำนวยกับคุณเลย ไม่ใช่เหรอ?” ลี่เฉินซีพูด

ซูย้าวยกมุมปากขึ้นมาอย่างเย็นชา ถ้าเขาไม่พูดถึง เธอเกือบจะลืมความทรงจำที่ไม่ย่ำแย่ของตอนนั้นแล้ว

ลี่เฉินซีมองหน้าเธอ ถ้าตัวเองสงสัยเธอจริงๆ นึกว่าเธอก็คือคนบงการจริงๆล่ะก็ งั้นภัยพิบัติของการติดคุกในหลายปีก่อน ซูย้าวจะมีทางหลบหนีพ้นเหรอ? สุดท้ายจะมีทางถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดแล้วปล่อยตัวออกมาเหรอ? !

เขามีวิธีมากมายที่จะสามารถทำให้เธอตายทั้งเป็น

ถ้าเขานึกว่าเธอเป็นคนทำจริงๆ

แต่แค่ช่วงนั้น บนตัวเธอเกิดเรื่องเยอะเกินไป ทำให้เธอไม่มีเวลามาคิดเรื่องเล็กน้อยพวกนี้

“เอาล่ะ ไม่คุยเรื่องนี้ เรายังสามารถทานข้าวมื้อนี้ดีๆ” ซูย้าวมองเขาอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงเย็นชา

“……”

ลี่เฉินซีพูดไม่ออก รู้สึกที่เธอพูดมันก็มีเหตุผล จึงได้พยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ “โอเคๆ ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว!”

พนักงานกำลังทยอยเอาอาหารมาเสิร์ฟจนครบพอดี อาหารอร่อย สีสวยน่ารับประทาน

ถึงแม้ซูย้าวอารมณ์ไม่ดี แต่ทนไม่ไหวแล้วที่ท้องว่าง โดยเฉพาะตอนที่เห็นอาหารเลิศรสพวกนี้ ยิ่งรู้สึกหิวเข้าไปใหญ่

เธอหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบกะหล่ำดอกเข้าไปในปากก่อน สมกับเป็นแหล่งรวมอาหารชั้นเลิศทั้งโลกจริงๆ รู้สึกไม่เหมือนใครจริงๆ

เธอกำลังพิจารณาอยู่ ของที่อร่อยขนาดนี้ ต่อไปต้องให้ซีซีกับเตียวเตียวได้ลิ้มลองดูถึงจะได้

ในขณะที่กำลังคิดอยู่ ในถ้วยก็มีหมูสามชั้นราดน้ำแดงเพิ่มมาชิ้นหนึ่ง

ลี่เฉินซีมองหน้าเธอ “ทานเนื้อเยอะๆหน่อย ดูคุณซิผอมมากเลย!”

“……”

ซูย้าวไม่พูดจา แต่กลับคีบหมูที่อยู่ในถ้วยเข้าปาก เคี้ยวไปครู่หนึ่ง ไม่เหมือนที่อื่นจริงๆด้วย มันแต่ไม่เลี่ยน นุ่มละมุนลิ้น ที่สำคัญที่สุดคือ กลิ่นหอมทั้งหมดเอ่อล้นอยู่ในช่องปาก ความรู้สึกแบบนี้ ราวกับที่ปลายลิ้นได้เปิดฉลองงานที่อลังการ ทำให้คนมีความสุขที่ได้ลิ้มรส

“เด็กผู้หญิงอย่าผอมเกินดีกว่า คุณไม่ใช่ดารานางแบบสักหน่อย จะผอมขนาดนั้นทำไม? ทานเยอะๆหน่อย!” ลี่เฉินซีพูดไปด้วยและคีบอาหารให้เธอไปด้วย

ซูย้าวไม่ได้สังเกตแค่ครู่เดียว ในถ้วยตัวเองก็มีอาหารเพิ่มขึ้นหลายอย่างแล้ว

เธอถอนหายใจอย่างห้ามใจไม่ได้ จากนั้นได้พูดแก้ไขให้ถูกต้องว่า “ขอร้องล่ะ ฉันอายุเท่าไหร่แล้ว ยังเด็กผู้หญิง?”

“งั้นคุณคือ……ผู้หญิง?” เขายิ้มย่างร้ายๆ ในแววตาลึกๆมีความต้องการที่จะไม่ชัดเจน

ซูย้าวรู้แล้วเชียวว่าเขาไม่หวังดี ไม่ว่าพูดอะไรก็มักจะอ้อมไปอ้อมมา อ้อมไปที่ประเด็นกุ๊กกิ๊กกระหนุงกระหนิงแบบนั้น

ลี่เฉินซีมองเธอที่อยู่ตรงหน้า เด็กผู้หญิงที่เขาปั้นขึ้นมาเองกับมือ จากเด็กผู้หญิงที่ใสบริสุทธิ์ผุดผ่อง กลายมาเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่และมีความเป็นผู้ใหญ่ ในหัวนึกถึงตอนที่เธอนอนอยู่ใต้ร่างตัวเอง……

“คุณเอาแต่มองฉันทำไมคะ?”

ความคิดล่องลอยถูกคำพูดเดียวของเธอขัดจังหวะ ลี่เฉินซีดึงสติกลับมา “อื๊ม?”

ซูย้าวเห็นเขาเหม่อลอย เธอก็ไม่ได้สนใจเขาอีก ยังคงตั้งใจก้มหน้าทานข้าวต่อ

“ซูย้าว——”

จู่ๆเขาเปิดปากเรียกเธอ

เป็นทางการขนาดนี้ แถมยังเรียกชื่อเต็มด้วย

ซูย้าวเงยหน้ามองเขาด้วยจิตใต้สำนึก “มีอะไรคะ?”

“คุณกับหลินโม่ป่าย พวกคุณกำลังคบหาดูใจกันอยู่เหรอ?” ลี่เฉินซีวางตะเกียบลง หน้าตาจริงจัง แตกต่างกับหน้าตาของก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

พูดถึงแบบนี้ปุ๊บ ซูย้าวก็กลืนอาหารในปากลงอย่างเป็นธรรมชาติ ถึงพูดว่า “ทำไมถึงนึกถามเรื่องนี้ล่ะคะ?”

“อยากรู้ หรือไม่ก็เป็นห่วงมั้ง”

ซูย้าวคิดๆแล้ว อยากรู้น่ะเธอสามารถเข้าใจได้ แต่เป็นห่วง?

เหมือนดูความสงสัยของเธอออก ลี่เฉินซีอธิบายทันทีว่า “ยังไงซะ คุณก็เป็นแม่ของลูกผม สิทธิ์เลี้ยงดูของลูกสาวผมยังอยู่ในมือคุณ ถ้าคุณจะมีความรัก ก็จะเกี่ยวพันถึงปัญหาแต่งงานอีกครั้ง ผมในฐานะสามีเก่า เป็นห่วงหน่อยไม่ได้รึไง?”

“……”

ซูย้าวค่อนข้างหมดคำพูดกับเขา

เป็นห่วงก็เป็นห่วงสิ ยังมาอธิบายเยอะแยะขนาดนี้อีก

ทนเขาไม่ไหวจริงๆ เธอรีบโต้แย้งคำหนึ่งว่า “งั้นในเมื่อแบบนี้ คุณก็ยังเป็นพ่อของลูกฉันเลย สิทธิเลี้ยงดูเจิ้งเอ๋อก็อยู่ในมือของคุณ ตอนที่คุณหมั้นกับหายฉ่ายหลิง ก็ไม่เคยถามฉันเลยนี่คะ?”

“……”

ลี่เฉินซีเงียบกริบ

เขารู้แล้วเชียวว่าขอแค่ซูย้าวคนนี้ไม่ได้เป็นใบ้แล้ว เขาโต้แย้งสู้ปากเล็กๆของเธอไม่ได้เลยสักนิด!

“เห็นแก่ที่คุณอธิบายมาเยอะขนาดนี้ ฉันพูดตามตรงกับบุญก็ได้!” ซูย้าวเปลี่ยนประเด็นทันที มองเขาอย่างใจกว้าง ต่อมาก็ได้พูดอีกว่า “ฉันกับโม่ป่ายยังไม่ได้คบกัน พูดอย่างแน่ชัดกว่าคือ ตอนนี้ยังไม่ได้คอนเฟิร์มความสัมพันธ์ค่ะ”

ลี่เฉินซีอึ้ง คำพูดหนึ่งหลุดออกจากปากทันที “คอนเฟิร์มความสัมพันธ์อะไรครับ?”

“ความสัมพันธ์เป็นแฟนกันยังไงล่ะ ไม่งั้นคุณนึกว่าอะไรล่ะ?” ซูย้าวดูความผิดปกติของใบหน้าเขาออก

เขาถึงโล่งอกเหมือนวางใจลงเสียที รู้แล้วเชียวว่าผู้หญิงที่เขาชอบใจไม่มั่วกับผู้ชายไปเรื่อยเปื่อยหรอก ยิ่งไปกว่านั้น เธอคือซูย้าวนะ! นอกจากตัวเองแล้ว เธอจะให้คนอื่นแตะต้องง่ายดายได้ยังไง

“เมื่อกี๊คุณบอกว่า‘ตอนนี้ยัง’ไม่ได้คอนเฟิร์ม งั้นก็แสดงว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงพิจารณา?” ลี่เฉินซีถามอีก

ซูย้าวพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบผักกิน สีสันอาหารของที่นี่ไม่เลว รสชาติเอร็ดอร่อย ทำให้คนอยากอาหารอย่างห้ามใจไม่ได้

ลี่เฉินซีก็คีบอาหารให้เธอ ในขณะเดียวกันคิดๆแล้วก็ได้พูดอีกว่า “ผมรู้สึกเขาไม่เหมาะสมกับคุณเลย”

“ไม่เหมาะ?”

สายตาประหลาดใจของซูย้าวเซื่องซึมเล็กน้อย คนที่เคยเห็นเธอกับหลินโม่ป่าย ล้วนบอกว่าพวกเขาคือคนรักหรือไม่ก็สามีภรรยา บอกว่าหน้าตาดีกันทั้งคู่ สวรรค์ส่งมาให้เกิดเป็นคู่กันชัดๆ

คำว่าไม่เหมาะสม เธอเพิ่งจะเคยได้ยินคนพูดเป็นครั้งแรก

“ไม่เหมาะสมจริงๆ ธุรกิจของครอบครัวเขากับธุรกิจครอบครัวของคุณ มันคนละแวดวงกันชัดๆ พวกคุณแค่เข้ากันได้แค่ชั่วคราว รู้สึกยังไม่เลว พอแต่งงานปุ๊บตอนที่กลายเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ ถึงจะเห็นภายนอกสนิทสนม แต่ความจริงเข้ากันไม่ได้ของในนั้น” ลี่เฉินซีพูด

ซูย้าวดื่มเครื่องดื่มคำหนึ่ง “งั้นฟังคุณพูดแบบนี้ เหมือนคุณจะเข้าใจฉันกับโม่ป่ายมาก?”

“ไม่ถึงกับเข้าใจหรอก ผมแค่พูดตามความจริงเฉยๆ”

เธอยิ้มอย่างเย็นชา “ครอบครัวเขากับครอบครัวฉัน ไม่เหมาะสมมากเลยเหรอคะ?”

พูดแบบนี้ปุ๊บ ลี่เฉินซีก็หัวเราะเลย

สายตาลุ่มลึกไม่เคยเคลื่อนย้ายจากเธอเลย ริมฝีปากบางมีรอยยิ้มอ่อนๆ น้ำเสียงเรียบเฉย ในความทุ้มต่ำแฝงด้วยแรงดึงดูด “กรุ๊ปหลิน ตระกูลที่ทำงานทางด้านแพทย์ที่มีชื่อเสียงในประเทศ โรงพยาบาลในเครือครอบคลุมอยู่ทั่วเมืองใหญ่และเมืองเล็กๆในประเทศ คนของตระกูลหลิน มากกว่า90%ล้วนทำงานเกี่ยวกับแพทย์ สำหรับกรุ๊ปหลินแล้ว หาเงินคือเรื่องรองลงมา ช่วยชีวิตคนถึงจะสำคัญที่สุด นี่เป็นคำสั่งสอนของตระกูลที่สืบทอดกันมาเป็นร้อยปีของพวกเขา และเป็นต้นตอที่สามารถมีตำแหน่งมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้”

หยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็ได้พูดอีก “แต่คุณ เป็นลูกสาวคนรองของตระกูลซู ยังไม่พูดถึงฐานะที่คุณเป็นลูกนอกสมรส แค่พูดถึงคุณใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวที่ทำมาค้าขาย คุณเปิดบริษัทเอง หาเงินเป็น แต่สืบสาวราวเรื่องจนถึงแก่นแท้แล้วคุณก็คือนักธุรกิจคนหนึ่ง ไม่ใช่คนที่เดินบนเส้นทางเดียวกับหลินโม่ป่ายเลย!”

ราวกับคำพูดยังก้องอยู่ในหู พอดีเลยซูย้าวก็รู้สึกอิ่มท้องแล้ว เธอวางตะเกียบลง รอยยิ้มที่เรียบเฉยยังคงประดับอยู่ที่มุมปาก หลังจากเธอหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปากเสร็จถึงพูดว่า “วิเคราะห์ได้ดีมากค่ะ ก็คงจะเหมือนที่คุณพูดจริงๆมั้งคะ! ฉันกับโม่ป่ายไม่ใช่คนบนเส้นทางเดียวกัน……”

“เขาเป็นหมอ รักษาและช่วยชีวิตคน ฉันเป็นธุรกิจ แค่อยากหาเงินให้ครอบครัวร่ำรวย เขาเข้มแข็งมีเกียรติและหยิ่งในศักดิ์ศรี แต่ตัวฉันเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของเงิน แต่ลี่เฉินซี คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ? ก็คือลูกนอกสมรสที่ในหัวคิดแต่จะหาเงินคนนี้แหละที่แต่งงานกับคุณในตอนนั้น กลายเป็นภรรยาเก่าคุณ?”

พูดถึงตอนท้าย น้ำเสียงของเธอค่อนข้างแรง สายตาเยือกเย็นที่ไม่หนาวแต่ทำให้คนตัวสั่น ไม่นึกเลยว่าเขาจะพูดอย่างเปิดเผยว่าเธอคือลูกนอกสมรส ลี่เฉินซีนี่ยิ่งอยู่ยิ่งใจกล้าแล้วจริงๆ!

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset