เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 455 ชายหนุ่มผู้ผีเข้าผีออก

เมื่อสลัดเผือกร้อนอย่างบริษัทเจียงหย่วนออกไปได้แล้ว ซูย้าวก็รู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลาย โล่งใจ และไม่ต้องกังวลว่าจะมีคดีความอะไรติดตัวอีก ทั้งยังไม่ต้องครุ่นคิดถึงนิสัยแปลกประหลาดและตามหาตัวได้ยากของเจียงจี้เซิงอีก ความกดดันก็ลดน้อยลงไปเยอะมาก

นั่งยุ่งกับการทำงานอยู่ในห้องทำงานตลอดช่วงเช้า เรื่องที่ต้องจัดการก็จัดการไปได้พอสมควรแล้ว ส่วนที่เหลือก็ไปตรวจสอบดูสภาพการณ์ของตลาดค้าปลีกสักหน่อย แต่ตลาดในเมืองAนั้นมีมากมายเกือบทุกหนทุกแห่ง และก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถตระเวนตรวจให้เสร็จสิ้นได้ภายในครึ่งวันหรือวันหนึ่ง ทุกวันไปสองสถานที่ก็ต้องใช้เวลาสิบกว่าวัน

เธอระบุกำหนดการเหล่านี้ลงไปในตารางงาน แบ่งเวลาว่างช่วงบ่ายเตรียมตัวไปจัดการเรื่องที่เกี่ยวกับเตียวเตียว

ขณะที่รอลิฟต์เพื่อจะออกจากบริษัท ก็ได้พบกับโอวหยางเช่ออย่างไม่คาดฝัน

เขาเดินออกมาจากในลิฟต์ ส่วนเธอก็กำลังจะเดินเข้าไปในลิฟต์

เป็นการพบหน้ากันเช่นนี้

ซูย้าวจึงเอ่ยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ประธานโอว”

ชายหนุ่มผงกศีรษะ มองมาที่เธอ “ประธานซู เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเจียงหย่วนในคราวนี้รบกวนคุณแล้ว!”

เมื่อได้ยินแล้วเธอก็อดยิ้มไม่ได้ “ไม่ถึงกับรบกวนหรอกค่ะ ประธานโอวเกรงใจไปแล้ว เดิมก็เป็นส่วนหนึ่งของงานฉันเช่นกัน!”

“ไม่ ระหว่างคุณกับผมไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ยิ่งไปกว่านี้ผมก็รู้เช่นกันว่านี่ไม่ควรจะเป็นงานของคุณ…”

สายตาที่โอวหยางเช่อจ้องเธอนั้นหนักอึ้ง คล้ายกับว่าแฝงไปด้วยอะไรบางอย่าง ลุ่มลึกเสียจนทำให้เธอยากที่รับไหวอยู่บ้าง

“เรื่องทั้งหมดของที่นี่ผมทราบชัดเจนดี ช่วงเวลานี้ทำให้คุณลำบากใจแล้ว! ซูย้าว ผมรับประกันว่าหลังจากนี้จะไม่เป็นเช่นนี้อีกแล้ว!” โอวหยางเช่อเอ่ยต่อ

ซูย้าวมองเขา ฉีกยิ้มให้อย่างกระอักกระอ่วน “ไม่ถึงกับลำบากใจหรอกค่ะ ฉันเพียงแค่ทำตามกำลังของตัวเองเท่านั้นเอง!”

พูดคุยกันไปได้สองประโยค เลขาของโอวหยางเช่อก็มีธุระมาเรียกเขาไปพอดี เธอมองไปที่แผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินจากไป ก็รู้สึกว่าโล่งใจอย่างน่าประหลาด

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรในตอนที่เผชิญหน้ากับโอวหยางเช่อ มักจะรู้สึกว่าหัวใจคล้ายกับถูกอะไรกดทับอยู่ ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เธอ…ตื่นตระหนกมาก

ถูกต้อง มันก็คือความตื่นตระหนก

หวาดกลัวและกระสับกระส่าย

เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ใช่ไหม

แต่ยากที่เธอจะอารมณ์ดีและไม่คิดจะทำลายมัน จึงขี้เกียจที่จะไปคิดมากขนาดนั้น จึงกดลิฟต์และเฝ้ารออีกครั้ง แต่กลับได้พบกับหลินหวั่นหญิง

โลกนี้มันกลมจริงๆ

เพียงแต่ว่า คนสองคนอยู่ในบริษัทเดียวกัน ทั้งยังเป็นระดับสูงเหมือนกัน การได้พบกันก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน

“ประธานซู จะออกไปข้างนอกหรือคะ” หลินหวั่นหญิงเดินเข้ามา ถามอย่างตรงไปตรงมา

ซูย้าวผงกศีรษะ “ใช่ค่ะ ออกไปทำธุระนิดหน่อย”

“งานสบาย ประธานซูก็เป็นอิสระไม่มีข้อผูกมัดใดๆจริงๆนะคะ!” คำพูดของหลินหวั่นหญิงนั้นมีนัย เยาะเย้ยเสียดสี

เธอยิ้มบางๆอย่างไม่ใส่ใจ ทำเป็นไม่ได้ยิน อารมณ์ดีจนไม่อยากจะถูกทำลาย

“ประธานซูว่างขนาดนี้ ทำให้ผู้คนอิจฉาจริงๆ เพียงแต่ถ้าหากประธานซูว่างขนาดนี้แล้วล่ะก็ ไม่สู้ใส่ใจกับงานให้มากกว่านี้หน่อย ต้องรู้ว่าผลประกอบการในไตรมาสนี้ของฝ่ายขายนั้น…”

“ฝ่ายขายเริ่มอยู่ในความดูแลของรองประธานหลินตั้งแต่เมื่อไรหรือคะ? เป็นความคิดของประธานโอวหรือว่า Jock กันคะ”

หลินหวั่นหญิงยังเอ่ยไม่ทันจบ ก็ถูกซูย้าวตัดบทอย่างรวดเร็ว

ทำให้คำพูดที่ยังไม่ได้พูดออกมาของหลินหวั่นหญิงถูกหยุดเอาไว้ทันที จึงทำได้เพียงแค่มองผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความกระอักกระอ่วน เพลิงโทสะในใจเพิ่มขึ้น

“กลับกัน ถ้าหากว่ารองประธานหลินมีเวลาว่างมาพูดคุยกับฉันล่ะก็ ไม่สู้ไปครุ่นคิดดูว่าต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะได้รับความร่วมมือจากบริษัทเจียงหย่วนดีกว่ามั้งคะ ขออนุญาตเตือนสักหน่อยนะคะ ได้ยินมาว่าช่วงนี้ประธานเจียงอยู่ที่เมืองAพอดี สำหรับรองประธานหลินแล้วถือว่าเป็นโอกาสอันดีในการเสาะหาความร่วมมือใช่ไหมคะ”

คำพูดเอื่อยเฉื่อยของซูย้าว เป็นการโจมตีกลับในเวลาเดียวกันอย่างชาญฉลาด สร้างความกดดันอันไร้รูปลักษณ์ให้กับหลินหวั่นหญิง

มองใบหน้าของผู้หญิงที่ค่อยๆแดงขึ้นจากโทสะ ซูย้าวกลับยิ้มให้อย่างถ่อมตัวและอ่อนโยน เดินตรงเข้าไปในลิฟต์ จากไปอย่างสง่างาม

หลินหวั่นหญิงโมโหจนสองมือกำแน่น หญิงแพศยาที่น่ารังเกียจ ถึงคราวที่เธอจะปีนขึ้นมาเหยียบศีรษะตัวเองได้เมื่อไรกัน น่ารังเกียจจริงๆ!

ซูย้าวขับรถไปรอบเขตเมืองอยู่หลายรอบ โดยอ้างอิงจากที่อยู่ในเอกสารของสถานสงเคราะห์ก่อนหน้านี้ สุดท้ายก็ถามไปหลายคนถึงได้หาชุมชนแห่งหนึ่งเจอได้อย่างไม่ง่ายดาย

แต่หมายเลขยูนิตของตึกที่เขียนไว้บนที่อยู่ เมื่อเดินขึ้นไปบนตึกแล้วกลับพบว่าทั้งสามหลังคาเรือนล้วนว่างเปล่า

จากชั้นล่างสามารถมองเห็นว่าบริเวณชั้นหกนี้มีกำแพงสีดำมืด คล้ายกับว่าถูกอะไรบางอย่างเผามาก่อน ตอนนี้มองดูแล้วก็เป็นแค่ทิวทัศน์ซากปรักหักพังเท่านั้นเอง

เธอเดินลงไปที่ชั้นล่างด้วยความกลุ้มใจ ขณะที่ไม่เข้าใจก็เห็นคุณลุงคุณน้าผู้สูงวัยหลายคนที่นั่งอยู่ใต้ตึกไม่ไกลนัก ซูย้าวจึงเดินเข้าไปสอบถาม

“แม่หนู หนูมาหาครอบครัวที่พักอาศัยอยู่ตึกหมายเลข 7 ยูนิตที่ 1 ห้อง 602 หรือ” คุณน้าถามซ้ำอีกรอบ

ซูย้าวผงกศีรษะ “ใช่ค่ะ หนูมาตามที่อยู่ แต่ว่า…” เธอลำบากใจอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นความสงสัยและไม่เข้าใจ

คุณน้าเอ่ยว่า “เกรงว่าหนูจะหาไม่พบแล้วล่ะ สองเดือนก่อนหน้านี้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ชั้น 6 เป็นห้อง 602 ที่ไฟไหม้ เพื่อนบ้านอีกสองครอบครัวก็ถูกเผาไปด้วย! ไฟไหม้รุนแรงมาก!”

“ไฟไหม้หรือคะ”

คุณน้าอีกสองคนที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยต่อ “ใช่แล้ว นี่ล้วนเป็นข่าวนะ! หนูไม่รู้หรือ ถ้าไม่รู้ล่ะก็ลองไปค้นในอินเทอร์เน็ตดูสิ คาดว่าจะยังสามารถค้นเจอได้อยู่นะ!”

“เพลิงไหม้เผาทั้งสามบ้านจนไม่เหลือสภาพ ชั้นบนและชั้นล่างล้วนได้รับความเดือดร้อนด้วยไม่น้อย ครอบครัวห้อง 602 ชดใช้เงินไม่ไหว ทั้งยังมีคดีความ สามีภรรยาคู่นั้นจึงแอบซ่อนตัว! เพียงแต่ช่วงนี้เหมือนจะได้ยินว่า คดีความจะประกาศผลออกมาแล้ว เป็นเพราะแผงวงจรสายไฟเก่าจึงก่อให้เกิดเหตุการณ์นี้ ดังนั้นส่วนกลางกับเจ้าของโครงการต้องชดเชยเงินเป็นจำนวนมาก 602 เพียงแค่ต้องรับผิดชอบด้วย แต่ก็ไม่ได้หนักขนาดนั้นแล้ว!”

“ใช่แล้ว ได้ยินมาว่าทุกบ้านล้วนชดเชยให้หลายล้านด้วยนะ! กลายเป็นคนรวยในชั่วพริบตา ทั้งยังจัดการเรื่องบ้านใหม่ให้ด้วย หากว่าหนูต้องการหาพวกเขาล่ะก็ ลองไปถามที่ส่วนกลางดูสิ! ไม่แน่ว่าจะสามารถหาที่อยู่ใหม่ได้…” มีคุณน้าผู้หวังดีเอ่ยเตือน

หลังจากซูย้าวเอ่ยขอบคุณแล้วก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังส่วนกลางของชุมชน

หลังจากได้รับที่อยู่ใหม่ที่ทั้งสามครอบครัวพักอยู่ และเข้าใจสาเหตุของอุบัติเหตุนี้แล้ว

แผงวงจรในกำแพงมีอายุการใช้งานนานแล้ว จึงทำให้ปุ่มเปิดปิดเกิดประกายไฟ ประจวบเหมาะกับภายในบ้านล้วนเป็นวัตถุไวไฟ และกำลังเปิดแก๊สทำอาหารอยู่ ดังนั้นไฟจึงลุกลามไปอย่างรวดเร็ว และมีการระเบิด โชคดีที่ทั้งสามครอบครัวล้วนบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

เมื่อทางตำรวจตรวจสอบ สืบสวนความรับผิดชอบก็มีผลลัพธ์ออกมาแล้ว ส่วนกลางและเจ้าของโครงการรวมไปถึงบริษัทประกันจะเป็นผู้ชดใช้และหาสถานที่พักแห่งใหม่ให้ เรื่องก็จบลงแบบค้างคา

เพียงแต่ตอนที่ซูย้าวขับรถจากมา ในใจกลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เพียงแค่บังเอิญพบแผงวงจรที่มีอายุการใช้งานมานานแล้ว อุบัติเหตุเรื่องนี้จะง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือ

สามีภรรยาคู่นี้เป็นครอบครัวที่สี่ที่รับเลี้ยงเตียวเตียว ก่อนหน้านี้ก็มีสองครอบครัว ก่อนที่จะทอดทิ้งเขาก็เกิดอุบัติเหตุที่ความรุนแรงต่างระดับกัน ครอบครัวหนึ่งเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ อีกครอบครัวหนึ่งถูกขโมยทำร้าย…

เธอจอดรถไว้ข้างทาง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาค้นหาข่าวที่เกี่ยวกับไฟไหม้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ในเวลาเดียวกันนั้นก็หยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋า ตรวจสอบที่อยู่ของหลายครอบครัวที่รับเลี้ยงเตียวเตียวก่อนหน้านี้

ถ้าหากเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดแค่หนึ่งครั้งล่ะก็ เช่นนั้น เมื่อนำเหตุไม่คาดฝันทั้งหมดมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันจะหมายถึงอะไรกันล่ะ

ซูย้าวที่จมอยู่ในความคิดของตัวเองแทบจะไม่ได้สังเกตเห็นถึงความเคลื่อนไหวด้านนอกเลยแม้แต่น้อย สำหรับกระจกรถที่ถูกคนเคาะอย่างกะทันหันก็มากพอที่จะทำให้เธอตกใจสะดุ้งแล้ว!

เธอหันหน้าไป เมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของลี่เฉินซีนอกบานหน้าต่าง หัวใจที่แทบจะกระเด็นหลุดออกมาถึงได้สงบลงเล็กน้อย

ทางด้านนี้ก็ไม่รอให้เลื่อนบานกระจกรถลง ทางด้านลี่เฉินซีก็เดินอ้อมมาเปิดประตูข้างคนขับและขึ้นมาบนรถแล้ว

“กำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้อยู่ในภวังค์เสียขนาดนี้” เขาถามขึ้นมากะทันหัน

ซูย้าวพลิกเอกสารอ่านไป พลางเอ่ยว่า “คุณรับคนกลับมาจากต่างประเทศแล้วหรือคะ”

“อืม เพิ่งจะกลับมา…”

เพิ่งจะเอ่ยจบ เขาก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที “คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมไปรับคนที่ต่างประเทศ”

ซูย้าวยิ้มเย็น ใช่แล้ว เธอรู้ได้อย่างไรกันนะ?

เฮ้อ ความชำนาญในการควบคุมและอ่านใจคนได้อย่างทะลุปรุโปร่งนั้นไม่ใช่ความสามารถที่ดีจริงๆ ถ้าหากว่าเธอไม่ได้เรียนจิตวิทยามาก็ดี ถ้าหากว่าไม่ได้เรียนจนละเอียดลึกซึ้งจะดียิ่งกว่า!

ลี่เฉินซีกลับหลบความซับซ้อนในสายตาเธอ เพียงแต่เคลื่อนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเข้ามาใกล้ “กำลังอ่านอะไรหรือ”

หลังจากเห็นเอกสารในมือของเธอแล้ว เขาก็เอ่ยว่า “คุณกำลังตรวจสอบเตียวเตียวหรือ เขาไม่ใช่เด็กที่คุณรับมาเลี้ยงหรือ”

“ใช่ค่ะ ไม่สามารถตรวจสอบได้หรือคะ” เธอตอบเสียงเรียบ ยังคงตั้งใจพลิกอ่านข่าวคราวและสภาพการณ์ของบิดามารดาหลายคนก่อนที่รับเลี้ยงเตียวเตียว ด้านบนมีการจดข้อมูลเอาไว้ไม่น้อย

ขณะเดียวกันนั้นปากก็เอ่ยว่า “เพราะว่าไม่ใช่เด็กที่ฉันให้กำเนิดเอง อะไรก็ไม่เข้าใจ เมื่อถึงเวลาจำเป็น ก็ต้องวิเคราะห์และสืบดูอย่างละเอียดสักหน่อย”

เมื่อเอ่ยเช่นนั้น สายตาของลี่เฉินซีที่มองมาทางเธอก็หนักอึ้งในเสี้ยวพริบตา

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset