ลี่เฉินซีพูดจบ เลยหันข้างเข้าห้องไป
รีบตรงไปในห้องครัวก่อน เอาผักต่างๆ ในมือจัดเข้าไปในตู้เย็นให้เรียบร้อย ผลไม้และของกินจุกจิกวาง ไว้ข้างๆ ต่างหาก หันกลับอย่างไม่ระวัง สายตาสังเกตเห็นเงาที่ยืนอยู่ข้างประตูห้องครัว เขาชะงักเล็กน้อย “คุณยุ่งไม่ใช่เหรอ? ทำไมเหรอ?”
“นี่คุณ……”
การกระทำของเขาทำให้ซูย้าวตะลึง จ้องมองเขาอย่างมึนงง คนที่อยู่ในความความทรงจำของเธอ เดิมที มีอำนาจเต็มตัว ประธานกรรมการที่จัดการทุกอย่างได้อย่างเด็ดขาด เดี๋ยวนี้วินาทีนี้ ถึงกับละทิ้งความน่า เกรงขามออกหมด ทำงานครัวอย่างสบายๆ เหมือนพ่อครัวที่ยุ่งเหยิงทั้งนอกทั้งใน
สถานการณ์แบบนี้ สำหรับซูย้าวแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ลี่เฉินซีก็ดูเหมือนจะดูออกถึงความประหลาดใจในแววตาเธอ ถอนหายใจเบาๆ “ผมก็บอกแล้ว วันนี้ผมว่าง ไม่มีธุระอะไร ก็เลยมาช่วยคุณดูแลลูกสองคนบ้าง คุณไปทำงานเถอะ!”
เธอครุ่นคิดสักครู่ ก็ยังคงไม่แน่ใจ ถามซ้ำอีกรอบ “คุณแน่ใจนะว่าไม่มีธุระอะไร? งานฉันยังต้องทำอีกนาน…”
“วางใจเถอะ ผมจะอยู่นี่รอจนกว่าคุณจะกลับมา” เขาพูดไปแล้วล้างผลไม้ไป
เตียวเตียวกับซีซีลุกจากเตียงนานแล้ว วิ่งมาล้อมรอบข้างๆ ลี่เฉินซี “คุณอาทำอาหารให้พวกเรากินใช่มั้ย ครับ?”
“อืม พวกเธออยากกินอะไร?” ลี่เฉินซีก้มลงพูดอย่างอารมณ์ดี ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เตียวเตียวคิดสักพัก แล้วมองซีซีที่อยู่ข้างๆ เด็กสองคนมองหน้ากันสักครู่ สุดท้ายก็รีบวิ่งไปอยู่ข้างๆ ซูย้าว
“น้าทำดีกว่า!”
ลี่เฉินซีถึงกับชะงัก เด็กสองคนนี้หมายความว่าไง?
รังเกียจที่เขาทำไม่อร่อยเหรอ?!
ขอร้องเถอะ พวกเขายังไม่เคยกินเลยนะ!
ไม่รอให้ลี่เฉินซีมาโอ๋เด็กสองคน ซูย้าวก็พูดขึ้น “ขอโทษนะ วันนี้แม่มีธุระสำคัญมากต้องไปทำ ดังนั้นพวก เธอสองคนก็อยู่กับคุณอา ดีมั้ยคะ?”
เตียวเตียวถือว่าพูดง่าย แต่ซีซีรู้สึกอาวรณ์เล็กน้อย มือเล็กๆ จับแขนของซูย้าวไว้ตลอด ไม่ยอมให้เธอจาก ไป
ลี่เฉินซีมาอยู่ข้างกายลูกสาวทันที มือใหญ่ๆของเขาลูบศีรษะลูกสาวอย่างนุ่มนวล “ซีซีเด็กดี รอทาน อาหารเสร็จ เดี๋ยวคุณอาพาไปเที่ยวสวนสนุก หรือว่าไปโลกใต้ทะเล!”
ได้ยินข้อเสนอนี้ เด็กสองคนสนใจทันที ซูย้าวที่เห็นเหตุการณ์ ก็รู้สึกวางใจไม่น้อย
เธอกำลังเตรียมจะจากไป ลี่เฉินซีกลับพูดขึ้นว่า “เอาอย่างนี้ ไหนๆ เจ้าตัวยุ่งสองคนนี้ก็ไม่อยากทานข้าวที่ผมทำ งั้นผมก็พาเด็กสองคนออกไปทานข้าวนอกบ้านดีกว่า!”
แน่นอนซูย้าวไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เด็กสองคนรีบเข้าห้องเปลี่ยนชุด ใช้เวลาไม่นานก็วิ่งออกมา ลี่เฉินซียื่น มือหยิบกุญแจรถ แล้วพูดกับซูย้าวว่า ” ไปเถอะ! ผมแวะไปส่งคุณด้วย”
“เออ แต่ว่าฉันไป….”
“ผมรู้ว่าคุณไปไหน วางใจเถอะ” เขายิ้มอย่างอ่อนโยน พาเด็กสองคนเดินนำหน้าเธอออกไปจากห้องหนึ่งก้าว
ระหว่างทางขับรถ มีหลายครั้งที่ซูย้าวอยากจะบอกเขา ที่ตัวเองอยากไป คือบ้านตระกูลหลิน
แต่ก็หลายครั้งที่จะพูดแต่ก็พูดไม่ออก จำต้องกลืนมันเข้าไป แทบจะไม่รู้เลยว่าควรจะเอ่ยปากพูดกับเขา ยังไงดี
ถึงแม้ว่าสองคนไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบนั้น แต่ว่าคงเป็นเพราะสาเหตุตอนอยู่เมืองนอกคืนนั้น ทำให้ เดิมทีที่เป็นเรื่องง่ายๆ กลับกลายเป็นเรื่องซับซ้อน!
หัวใจของซูย้าวว้าวุ่น โดยไม่ได้สังเกตว่ารถกำลังมุ่งไปทางบ้านตระกูลหลิน ซีซีมองทุกอย่างนอกหน้าต่าง รู้สึกสงสัยเล็กน้อย เตียวเตียวก็ถาม “คุณอา อาจะพาพวกเราไปไหนครับ?”
“เตียวเตียวเด็กดี อาไปส่งคุณแม่ก่อน แล้วค่อยพาพวกเธอไปร้านกินอาหารอร่อยๆ กินเสี่ยวหลงเปาดี มั้ย?” โอ๋ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
เตียวเตียวไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ที่สำคัญเขาต้องคอยสังเกตปฏิกิริยาของซีซี
แต่ว่าซูย้าวพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ ที่ข้างๆ “คุณรู้ได้ไงว่าฉันจะไปบ้านตระกูลหลิน?”
ที่ตอบเธอไม่ใช่เป็นคำพูด แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่แยแสของผู้ชาย
ทันใดนั้นดูเหมือนซูย้าวจะรู้แล้ว เกือบลืมว่า เขาคือประธานกรรมการของบริษัทลี่ซื่อ เกี่ยวกับ สถานการณ์ของกรุ๊ปหลิน รู้เรื่องเป็นอันดับแรก มันก็ไม่ใช่เรื่องไม่ปกติไม่ใช่เหรอ?
เพียงแต่ ในเมื่อเขารู้ว่าวันนี้เธออยากมาที่นี่…
“เอาเถอะ อย่าคิดฟุ้งซ้านเลย รีบไปดูเขาเถอะ!” ลี่เฉินซีเร่งเธอด้วยน้ำเสียงเบาๆ
ซูย้าวที่นั่งอยู่ข้างๆ คนขับทั้งร่างรู้สึกสั่นเล็กน้อย มองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ลี่เฉินซีกลายเป็นคนใจกว้างขนาดนี้ ตกลงนี่คือ…
ดูออกถึงความสงสัยในแววตาเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา อธิบายว่า “หรือว่าจนป่านนี้ คุณยังคิด ว่าผมเป็นคนที่ไม่สามารถสื่อสารได้ และยังเป็นผู้ชายที่คิดเล็กคิดน้อยเหรอ?”
ลี่เฉินซีสูดหายใจลึก ปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออก หลังจากนั้นก็ยืดตัวไปแกะของเธอออก “เป็น เพราะผมไม่เข้าใจคุณ? หรือเป็นเพราะผมไม่เข้าใจหลินโม่ป่าย? ถ้าหากพวกคุณมีความสัมพันธ์แบบนั้น คงจะมีความคิดแบบนั้นนานแล้ว ก่อนหน้านั้นตอนอยู่เมืองนอก คุณกับผมก็คงไม่….”
เขาแกล้งทำเป็นลากเสียงยาว ยังไงข้างหลังเบาะก็ยังมีเด็กสองคนนั่งอยู่ด้วย เขาพูดตรงเกินไปไม่ได้
แต่ซูย้าวก็ไม่ได้เป็นคนโง่ เข้าใจแต่แรกกับคำพูดของเขาที่มีความหมายลึกซึ้งแอบแฝงอยู่ ทันใดนั้น สีหน้าแสดงความอึดอัดออกมาเล็กน้อย
“ช่วงเวลานี้ คุณไปอยู่เป็นเพื่อนเขา ช่วยเหลือเขา ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร วางใจได้ ผมไม่เพียงแต่ไม่ เข้าใจผิด ยังจะเชื่อใจและสนับสนุนคุณอย่างไม่มีข้อแม้! ไปเถอะ! ผมจะดูแลเด็กสองคนอย่างดี”
คำพูดเหล่านี้ ราวกับเตาติดไฟ ทันใดนั้นในใจซูย้าวรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา เธอมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ความรู้สึก หลากหลายหลั่งไหลเข้ามาหมด
ลี่ฉินซีโบกมือให้เธอรีบไป “ไปเถอะ ไปเถอะ!” เธอพยักหน้าอย่างสบายใจ เปิดประตูลงจากรถ มองส่งซูย้าวเข้าไปประตูบ้านตระกูลหลิน เขาถึงคาดเข็มขัดนิรภัยอีกครั้ง หลังจากนั้นหันไปมองลูกรัก
ทั้งสองคน “โอเค ต่อไปเราไปทานอาหารเช้ากันเถอะ! ทานอะไรดีนะ?”
พูดไป อีกด้านหนึ่งก็ขับรถไป
เมื่อเช้าเขารู้ข่าวการเสียชีวิตของประธานหลินจากหวางอี้ เพราะที่ผ่านมากรุ๊ปหลินล้วนเป็นธุรกิจด้าน การแพทย์ กับบริษัทลี่ซื่อความเป็นจริงแล้วยังไม่มีความร่วมมือและไปมาหาสู่กัน แน่นอนด้านการงานไม่ จำเป็นต้องคิด แต่กลับนึกถึงเธอขึ้นมาทันที
ไม่ยอมรับไม่ได้ ในห้าปีที่ผ่านมา มีหลินโม่ป่ายอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด ดูแลลูกแทนเขา มองจากด้าน นี้ ลี่เฉินซีสมควรที่จะต้องขอบคุณหลินโม่ป่าย
แม้ว่าจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน หากเป็นเขา อยู่เคียงข้างผู้หญิงที่รักด้วยความเต็มใจตั้งหลายปี ไม่มี สถานะ ไม่มีตำแหน่ง แม้แต่คำว่าแฟนยังไม่ใช่ ทุ่มเทโดยไม่หวังผลตอบแทน ถึงแม้จะทำเพราะรัก แต่รัก แบบนี้ ก็บริสุทธิ์ไร้ที่ติเกินไปแล้วมั้ง
ลี่เฉินซีรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้แน่ ชอบใครสักคน ก็ต้องทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้มา ได้ใจของเธอ ได้ตัวของเธอ รวมทั้งทุกอย่างที่เป็นของเธอ
เป็นเพราะวิธีรักไม่เหมือนกันมั้ง!
แต่ที่มากกว่านั้น เขาก็ยังเชื่อใจซูย้าว
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มั่วซั่วแบบนั้น
และเป็นการเชื่อมั่นตัวเองอย่างหนึ่ง เขาเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ ไหน สุดท้าย คนที่เธอเลือกต้องเป็นตัวเองอย่างแน่นอน
ความคิดต่างๆ หมุนเวียนอยู่ในสมอง สี่แยกไฟแดง จากไฟแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียว ลี่เฉินซีขับรถผ่านสี่ แยกตามปกติ ทันใดนั้นข้างหลังมีเสียงเด็กตะโกนแว่วมา
“ระวัง คุณอา มีน้องหมา !”
ลี่เฉินซีชะทันที ได้สติ พอดีกับข้างหน้ารถมีเงาฟูๆ เดินผ่านมา
เสียงเบรกดังสนั่น ทำลายความเงียบสงบของฟ้าที่แจ่มใส ทั้งคันรถเงียบสงบลงทันที ลี่เฉินซีโชคดีที่มี เข็มขัดนิรภัย
ร่างยังคงอยู่กับที่ไม่ได้เป็นอะไร
พอได้สติรีบหันมาดู เห็นว่าเดิมทีเด็กสองคนที่นั่งอยู่เบาะหลังรถ ขนาดนี้เซไปคนละทิศคนละทาง ท่าที รู้สึก……ประหลาดเล็กน้อย
“ซีซี เตียวเตียว พวกเธอเป็นยังไงบ้าง?” เขาอุทานอย่างลืมตัว รีบแกะเข็มขัดนิรภัยออก ลงจากรถเปิด ประตูหลัง สำรวจอาการของลูกทั้งสองคน