คำถามที่ถามออกไปนั้น ทำให้ซูย้าวรู้สึกผิด
แต่สิ่งที่คำพูดออกไปแล้ว ไม่สามารถที่จะเก็บกลับคืนมาได้
เธอเลยรีบเปลี่ยนคำพูด “ชาร์ลี น้าไม่ได้หมายความอย่างอื่น ช่างเถอะ แม่ของเราไม่มา เราหิวไหม เราอยากกินอะไรไหม”
ซูย้าวต้องการเปลี่ยนเรื่องพูด หลีกเลี่ยงความเก้อเขินในเมื่อกี้
เด็ก 5 ขวบ ในความจำนั้นมีแต่ความรู้สึกที่ดีต่อแม่ คำถามแบบนี้ ไม่จำเป็นจะต้องถามเด็ก
ซูย้าวตะขิดตะขวงและต้องการที่จะหลีกเลี่ยง แต่ชาร์ลีมองดูเธออย่างสงบ และคิดแล้วสักพัก ถึงพูดว่า “แม่ยุ่งทุกวันเลยครับ หนูไม่ค่อยได้เจอเธอเลยครับ ไม่สามารถพูดได้ว่า ดีหรือไม่ดี แต่หนูแน่ใจว่าแม่ของผมนั้นรักหนู ตาของหนูมักจะพูดแบบนี้กับหนู…”
“……”
ชาร์ลีมองแล้วยิ้มให้เธอ เหลือบตามองเห็นร่างที่เดินมาแต่ไกล รอยยิ้มอันสดใสนั้นก็ยิ้มขึ้นทันทันที พูดกับซูย้าวอย่างเร่งรีบ “น้าครับ ตาของหนูมาแล้วครับ!”
จากนั้น เขาก็รีบวิ่งไปหาร่างนั้นทันที
พ่อหาที่อยู่หากจากเด็ก ก็รีบเดินมาทางที่เด็ก โน้มตัวลงและอุ้มเด็กน้อยที่บินเข้ามาในอ้อมแขนของเขา แล้วหอมแก้มเขาอย่างแรง
ซูย้าวที่เห็นฉากนี้ และยิ้มขึ้นอย่างช้าๆ
พาเด็กทั้งสองกลับบ้าน รู้สึกได้ว่า ไม่ว่าหานฉ่ายหลิง จะเลี้ยงลูกคนนี้ได้ดีหรือไม่ดี ในใจของเด็กเธอเป็นแม่ของเขาเสมอ จะมีแม่ที่ดีหรือร้าย ถูกหรือผิดได้อย่างไร ?
สำหรับคำถามแบบนี้ เธอไม่จำเป็นต้องถามเด็ก
สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันกลับไปมอง เตียวเตียวและ ซีซี ที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ที่นั่งหนึ่งที่นั่งมีเด็กสองคนที่นั่งอยู่ เพราะไม่มีใครอยากไปนั่งเบาะหลัง ก็เลยต้องเป็นแบบนี้
ซูย้าวหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “คืนนี้พวกเธอ อยากกินอะไร แม่จะทำของอร่อยๆให้กิน ตกลงไหม”
“อืม!” เตียวเตียวตอบอย่างดีใจ
แม้ว่า ซีซีจะไม่ได้พูด แต่ก็ดูออกว่า ใบหน้านั้นก็เต็มไปด้วยความสุขเช่นกัน
พาลูกทั้งสองไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ได้ซื้อผัก เนื้อ นมและผลไม้ต่างๆ เมื่อคำนึงว่าเด็กทั้งสองอยู่ในวัยที่กำลังเจริญเติบโต แม้ว่า ซูย้าวจะยุ่งเรื่องงานมาก แต่ก็พยายามที่จะทำกับข้าวในบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน เธอก็คำนึงแล้วสักแป๊บ บางทีน่าจะพาเด็กทั้งสองย้ายกลับมาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ พักอยู่ในโรงแรมเสมอ บางทีก็ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่…
พอไปถึงโรงแรม พึ่งได้ออกจากลิฟต์ ลูกทั้งสองก็จับมือกันและกันกระโดดไปมาแล้วเดินลงไป
ซูย้าวถือของอยู่ด้านหลัง แล้วสั่งว่า “พวกหนูเดินช้าๆหน่อย!”
พึ่งพูดเสร็จ ดวงตาก็สังเกตเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ในระเบียง
เมื่อเห็นพวกเขา ลี่เฉินซีก็ดับบุหรี่ในมือของเขา ก้าวเดินมา หยิบของที่อยู่ในมือของเธอ และก็ไม่ได้พูดอะไร ทุกคนก็เดินเข้าไปในห้อง
เตียวเตียวจับมือของลี่เฉินซีไว้ และเงยหน้าขึ้นมองเขา “ลุงครับ เล่นเก่งเป็นเพื่อนผมหน่อยครับ!”
เขาเอนกายลงลูบหัวเด็กและพูดเบาๆว่า “ขอโทษนะครับ เตียวเตียว ลุงไม่สามารถที่จะเล่นเกมกับเราได้ ครั้งนี้ลุงมีเรื่องที่จะต้องคุยกับน้ากันสองคน เราพาน้องสาวกลับไปเล่นที่ห้องก่อน โอเคไหมครับ”
เตียวเตียวมีไหวพริบที่ดีมาก มองเห็นตาของเขาที่สั่นเล็กน้อย แต่เขาพยักหน้า แล้วดึงซีซีไปที่ห้อง
ซูย้าวล้างผลไม้ให้เด็กทั้งสอง ได้คั้นน้ำผลไม้ 2 แก้ว และส่งไปให้เด็กทั้งสอง เมื่อเธอออกมา เธอถึงจะมองชายที่อยู่ในห้องรับแขก และพูดอย่างตรงๆไปว่า “มีอะไรเหรอ?”
ลี่เฉินซี มองดูเธอ แล้วเดินไปหาเธอ แขนยาวของเขาโอบเอวเรียวของเธอไว้จากด้านหลัง และก้มศีรษะลงบนไหล่เธออย่างธรรมชาติ “ผมคิดถึงคุณ ทำไมไม่รับสายผม แถมยังไม่ตอบวีแชทของผมด้วย…”
รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังออดอ้อนเธอ ทำแบบนี้ มันคล้ายกับลี่เจิ้งในตอนเด็กเล็กน้อย
เขาแนบติดอยู่ข้างๆหูเธอ เสียงที่แผ่วเบาของเขาเต็มไปด้วยพลังดึงดูด ทำให้หัวใจสั่นไหว และมือที่เรียวยาวโอบเอวเธอไว้อย่างแน่น มือที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ลูบไล้ไปมา และเสียงที่แผ่วเบาก็ดังขึ้นอีกครั้ง รู้มั้ยว่าผมคิดถึงเธอมากขนาดไหน”
ทันทีที่พูดจบ เขาดึงเธอหันกลับมา แล้วจูบเธออย่างดุดเดือด ร้อนแรง อย่างเอาแต่ใจ เหมือนเมื่อก่อน
เธอเกือบลืมไปว่า เมื่อก่อนเขาเป็นคนที่บ้าอำนาจอย่างมาก ไม่ว่าจะทำอะไร อำนาจอยู่ที่เขาหมด แม้แต่ความรักระหว่างเขาสองคน ก็เป็นไปอย่างนี้เช่นกัน
เขาบอกให้ทำต่อไปก็ต้องทำต่อไป บอกคิดถึงก็คือคิดถึง อยากได้ก็ต้องได้ ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของเธอเลย
ภาพของเขาและหานฉ่ายหลิง ที่กอดกันก็โผล่เข้ามาในหัวสมองเธอ ซูย้าวรู้สึกเจ็บใจ จิตใต้สำนึกนั้นปฏิเสธเธอโดยไม่รู้ตัว และจะออกจากอ้อมแขนของเขาราวกับจะหลบหนีไป
“เกิดอะไรขึ้น”
เขารู้สึกขึ้น และมองเธอด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น ซูย้าว”
“เกิดอะไรขึ้น?” เธอทวนคำพูดเหล่านี้ซ้ำอย่างเย็นชา รู้สึกตลกดี “นาย อยากให้ฉันตอบกลับนายว่าอะไรดีล่ะ?”
ลี่เฉินซีสงบลงอย่างจริงจัง คิดทบทวนและหายใจเข้าลึกๆ “คุณเข้าใจอะไรผิดเพราะฉันไปร้านอาหารกับหานฉ่ายหลิง เมื่อวันก่อนใช่ไหม”
ซูย้าวจ้องมองไปที่เขา โดยไม่พูดอะไร.
“คุณหึงอยู่เหรอ” เขาหัวเราะออกมา และในที่สุดก็เห็นสิ่งที่ไม่แยแสและน่าเบื่อของเขา และเขาก็ได้แสดงความรู้สึกเหล่านี้ออกมา
หึง
แม้ว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเขาจะรู้สึกแปลๆ แต่รอยยิ้มบนริมฝีปากของลี่เฉินซีก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
แต่ซูย้าวจ้องไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา พลางกว่าปกติย่างมาก
“ตลกเหรอ?”ผู้หญิงหึงเพราะนาย นายว่ามันตลกนั้นเหรอ หรือในใจนาย รู้สึกภูมิใจอย่างมากที่เป็นแบบนี้” เธอพูด
รอยยิ้มและริมฝีปากของลี่เฉินซีหยุดนิ่ง และเขาก็อธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ภูมิใจอะไร คุณกำลังพูดถึงอะไร ซูย้าว มันไม่ใช่อย่างที่คุณ คิด คุณเข้าใจผิดแล้ว!”
คำพูดที่เหมือนเก่า
คำพูดเหล่านี้ เธอได้ฟังแล้วไม่รู้กี่ครั้ง ฟังจนหูจะขึ้นรังไหม ถึงขั้นที่เบื่อมากแล้ว
“ลี่เฉินซี”
ดวงตาของซูย้าวสงบลง และทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นในตอนที่เขามึนงงอยู่ “ฉันไม่ต้องการที่จะพบนาย และฉันไม่ต้องการที่จะพูดคุยกับนาย นายไปเถอะ!”
“หืม?”
เขาขมวดคิ้ว และเดินเข้ามาสองสามก้าวเพื่อที่จะจับมือเธอ ซูย้าวรู้ทัน และหลบได้ทัน
เขาทำได้แค่พูดว่า “เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่? ซูย้าว”ตอนผมจะกลับมาผมบอกคุณแล้วไง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณก็อย่าไปเชื่อ ยกเว้นคำพูดที่ยอมรับจากปากผมเอง”
ใช่
เขาเคยพูดคำพูดเหล่านี้จริงๆ
และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหานฉ่ายหลิง เขาก็ไม่เคยประกาศยอมรับตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม ภาพของเขาและหานฉ่ายหลิงมักจะโผล่ขึ้นมาในสมองเขา พวกเขาที่พูดคุยยิ้มแย้มใส่กัน พวกเขาที่กินข้าวด้วยกัน หน้าตาที่หล่อเหลา ใบหน้าที่สวยงาม ทั้งสองอยู่ด้วยกันแล้วดูเหมาะสมกันดี เหมือนสามีภรรยาเลยทีเดียว
สิ่งที่สำคัญที่สุด พวกเขาหมั้นกันแล้ว
สามารถรักกันโดยที่ไม่ต้องหลบๆซ้อนๆ ได้รับคำอวยพรและมีคนอิจฉาในความรักนั้น รักกันอย่างธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องหลบๆซ้อนๆ เป็นสิ่งที่เธอรอคอยมาตลอด และไม่เคยที่จะเป็นจริง
แม้ว่าเธอและเขาเคยแต่งงานกันมาก่อน แต่… สิ่งที่เขากับเธอที่เคยร่วมทำด้วยกัน ยังเทียบเท่าไม่ถึง10เปอร์เซ็นต์ของหานฉ่ายหลิง ตรงกันข้ามกับที่เขามาหาเธอ และเอาแต่พูดว่ารักเธอคิดถึงเธอ
เสียดสีจริงๆ!
“ตอนนี้ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้กับนาย ลี่เฉินซี นายออกไปเถอะ!”
ซูย้าวเดินไปที่ประตู เปิดประตู ส่งสัญญาณให้เขาออกไป
แต่ลี่เฉินซี เพียงแค่เดินตรงไปที่เธอ จ้องมองเธออย่างไม่กะพริบตา อยู่ๆแขนยาวก็ผลักเธอตรงไปที่กำแพงตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง ใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะของเธอ และวินาทีต่อมา จูบอันท่วมท้นก็กวาดไปทั่วกับปากของเธอ
ซูย้าวขัดขืนและปฏิเสธ แต่ก็ยังไม่สามารถดิ้นรนออกมาได้ เธอทำได้เพียงให้เขากระทำต่อ จนกว่าจูบของเขาจะจบลง เธอยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็ยกกอดเธอไว้ในอ้อมแขน และเดินตรงไปที่ห้องนอน
โยนเธอลงบนเตียง และเขาก็คว่ำเธอไว้ ซูย้าวเอามือต้านหน้าอกของเขาไว้ ดวงตาที่มึนงง และส่ายหัวไปมา “ไม่ได้ นายอย่าทำอะไรไปมั่ว ยังมีเด็กๆอยู่…”
เขาก็ไม่ได้ทำอะไรลงไป เพียงแค่นำมือที่เรียวยาวมาแตะริมฝีปากของเธอแล้วลูบไปมา พูดอย่างแผ่วเบา “คุณเป็นอะไรกันแน่ ?”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูด เขาก็พูดอีกว่า “ถ้าคุณแค่เข้าใจผมผิด ซูย้าว ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่สามารถอธิบายอะไรให้คุณได้ แต่คุณแค่จำไว้อย่างเดียว เชื่อใจผมนะ วันหนึ่งผมจะอธิบายทุกอย่างให้คุณได้เข้าใจ
จ้องมองดวงตาที่สั่นคลอนของชายคนนี้ คำพูดที่จริงใจเหล่านั้นมีความเสน่หาเล็กน้อย นั้นทำให้ความซับซ้อนในใจเธอ ราวกับละลายไปกับน้ำแข็งทันที