เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกรุ๊ปหลินถูกพูดถึงกันมากไปได้ไม่กี่วัน ก็ได้เริ่มเงียบลงไป
สิ้นปีได้ใกล้เข้ามาถึงแล้ว หลายบริษัทใหญ่กำลังจะทำการรวบรวมยอดสรุป ยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง ซูย้าวก็ไม่ต่างกัน
และสิ่งที่ทำให้เธอตกใจที่สุดก็คือ หลินหวั่นหญิง
เพื่อที่จะไปร่วมมือกับบริษัทเจียงหย่วน หลินหวั่นหญิงได้เชิญเจียงจี้เซิงกว่าสิบครั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้ร่วมมือกัน แถมยังทำให้อีกฝ่ายโกรธด้วย ทำให้เขาทำการขึ้นบัญชีดำจู้สือกรุ๊ป ทำให้ยอดขายของบริษัทตกต่ำอย่างมาก การรวมสรุปบัญชีของไตรมาสนี้ยอมรวมต่างๆ ต่างลดลง นี่เป็นหลักฐานยืนยันที่ดีที่สุด
ตอนที่ประชุมกัน ความโกรธของหลินหวั่นหญิงไม่มีที่ระบาย หลังจากที่คิดหน้าคิดหลังแล้วก็ได้มองไปที่ซูย้าว “ประธารซู โครงการความร่วมมือระหว่างบริษัทเจียงหย่วนเป็นคุณที่รับผิดชอบมาโดยตลอดใช่มั้ย”
ซูย้าวขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เธอ “ฉัน?”
“ไม่ใช่หรือ? ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ โครงการนี้เธอเป็นคนรับผิดชอบ ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้แล้ว ไตรมาสนี้ ก็ขาดทุนไปหลายร้อยล้าน ความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ?” หลินหวั่นหญิงเริ่มต่อต้าน
โอวหยางเช่อที่นั่งอยู่ข้างๆเงียบมาตลอด ได้ยินเพียงเสียงบ่นของเธอกี่ประโยค และลุกขึ้นได้มาพูดว่า “เรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้เราควรจะหาวิธีลดความเสียหาย ไม่ใช่หาคนมารอบผิดชอบเรื่องนี้”
หลินหวั่นหญิงรู้สึกสงสัย“ถ้าไม่มีคนมารับผิดชอบ งั้นต่อไปไม่ว่าใครที่ไหน ก็สามารถที่จะทำอะไรก็ได้สินะ เพราะสุดท้ายแล้วบริษัทจะเป็นฝ่ายที่แก้ปัญหาให้แทน?”
โอวหยางเช่อใช้สายตาที่เย็นชามองไปที่เธอ “เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
“บริษัทเจียงหย่วนคอยเป็นศัตรูกับเราตลอด ยังไปบอกที่สถานที่ซื้อขายสินค้าค้าส่งว่าสินค้าของพวกเขาจะไม่มีวันที่จะปรากฏอยู่ในสถานที่ขายสินค้าเดียวกับทางเรา เรื่องที่ใหญ่แบบนี้ นอกจากต้องหาคนรับผิดชอบแล้ว ยังต้องจัดการเรื่องนี้ดีๆด้วย ไปเชื่อมความสัมพันธ์กับทางเจียงหย่วนเถอะ!” เธอพูด
ริมฝีปากของโอวหยางเช่อปรากฏรอยยิ้มที่เยือกเย็นออกมา“เรื่องก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ระยะเวลานี้กับความสัมพันธ์กับทางบุคคลหย่วน รองประธานหลินเป็นคนรับผิดชอบหมดเลยนิ?”
“ฉัน…..ก็แค่ไปช่วยกลางคัน ช่วยประธานซูแบ่งเบาภาระ!โครงการนี้ ฉันไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง!” เห็นได้ชัดว่าหลินหวั่นหญิงกำลังจะบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ และหลบเลี่ยงสายตา
โอวหยางเช่อมองความหมายของเธอออก ทั้งสองคนได้คุยกันหลายประโยค แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการคุยกันไม่รู้เรื่อง
หลังจากที่จบการประชุม ซูย้าวได้ไปเคาะประตูห้องทำงานของโอวหยางเช่อด้วยตัวเอง และเอาใบลาออกที่เตรียมไว้นานแล้วไปยื่น
โอวหยางเช่ออึ้งไปสักพัก“เธอนี่คือ……”
“ที่Jockฉันได้ส่งอีเมลไปให้เขาแล้ว การขาดทุนหลายร้อยล้านในไตรมาสหนึ่ง และขัดแย้งกับทางบริษัทเจียงหย่วนฉันมีส่วนต้องรับผิดชอบ เพื่อที่การลงโทษฉัน ฉันลาออกเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่หรือ” เธอพูดออกมา
มองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ประธานคิดอยู่พักหนึ่ง“เธอรู้อยู่แล้ว หนังสือลาออกของเธอJockไม่มีทางเซ็นแน่นอน และไม่มีทางให้ทางฝ่ายบุคคลเซ็นแน่เช่นกัน”
ซูย้าวยิ้มอย่างเยือกเย็น“ฉันรู้ แต่เรื่องเกิดขึ้นแล้ว ถ้าฉันยังอยู่ในตำแหน่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณและJockจะไม่สามารถที่จะได้รับการนับถือได้ไม่ใช่หรือ?”
เงียบไปไม่นาน เธอได้พูดต่อว่า“ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้แล้ว จะลดตำแหน่งของฉัน ฉันยิ่งจะรับไม่ได้ เมื่อเทียบกับการลดตำแหน่ง ลาออกจะดีกว่า”
โอวหยางเช่อเข้าใจแล้ว เธอแค่อยากหาข้ออ้าง ในการหลุดพ้นจากการรบกวนของจู้สือกรุ๊ป
และครั้งนี้ปัญหาที่การขัดแย้งกับทางบริษัทเจียงหย่วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
ไม่ว่าใครก็ตามทำให้บริษัทต้องเสียหายมากขนาดนี้ ก็จะต้องรับการลงโทษตามระดับ ถ้าลดตำแหน่งซูย้าวไม่ยอมแน่ๆ ทางเลือกเดียวก็คือการพักงานหรือไม่ก็ลาออก
แต่ผลที่ออกมาก็ไม่ได้ต่างกันมาก
โอวหยางเช่อเอาหนังลาออกของเธอเก็บเข้าไปในลิ้นชัก ลุกขึ้นและเดินเข้าใกล้เธอ“เธอพูดถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะพูดอะไรต่อได้ล่ะ?”
“ถ้าประธานโอวไม่ได้ขัดข้องอะไร ตอนนี้ฉันก็เป็นอิสระแล้ว ฉันกลับไปเก็บของก่อนนะ”
ระหว่างที่เธอยิ้มอ่อนๆ และสายตาที่ของผู้ชายที่ปีติยินดีอย่างยิ่งกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอเดินออกจากสำนักงาน แต่พึ่งเปิดประตูออก ก็เจอหลินหวั่นหญิง
“ประธานซู เธออยู่ที่นี้ก็ดีแล้ว เดียวเธอไปที่บริษัทเจียงหย่วนนะ ไปคุยกันประธานเจียงดีๆ ……”
หลินหวั่นหญิงยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกซูย้าวพูดแทรก“ต่อไปโครงการของบริษัทเจียงหย่วนคงต้องลำบากรองประธานหลินมาจัดการเองแล้วแหละ”
“อะไรนะ?”
ขณะเดียวกันข้างหลังก็มีเสียงของโอวหยางเช่อดังขึ้น“รองประธานหลิน ประธานซูพึ่งรับผิดชอบความเสียหายระหว่างบริษัทเจียงหย่วนและความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอพึ่งมายื่นหนังสือลาออก”
หลินหวั่นหญิงอึ้งไป“เธอลาออกหรือ?”
“อืม ต่อไปโครงการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเจียงหย่วนต้องลำบากรองประธานหลินแล้วนะ”
ซูย้าวยิ้มอ่อนๆอย่างสวยงามและรู้สึกโล่งขึ้นมากะทันหันแล้วเดินจากไป
ระหว่างที่กำลังเก็บของอยู่ในสำนักงาน ผู้ช่วยของเธอได้เดินเข้ามา และมองไปที่เธอ “ประธานซู คุณจะไปจริงๆหรือ?”
“มีอะไรหรือ?” เธอถามไป
ผู้เช่วยเธอคิดอยู่สักพัก “ถ้าคุณไม่อยู่ที่นี่แล้ว ฉันก็อยากลาออกเหมือนกัน…….”
ซูย้าวยิ้มออกมา แต่คิดอย่างลึกซึ้งแล้วว่าจู้สือกรุ๊ปมีโครงสร้างที่ซับซ้อนและยากที่จะเข้าถุงจริงๆ บริษัทนี้ไม่เหมาะกับคนที่บริสุทธิ์อย่างเด็กผู้หญิงคนนี้
“เอาแบบนี้นะ เธอกลับไปคิดดูดีก่อนๆ ถ้าเธอไม่อยากอยู่ที่นี้แล้วจริงๆ มาบอกฉันได้ตลอดเวลา ฉันจะแนะนำให้เธอไปที่ทำงานที่บริษัทอื่น” เธอพูด
ผู้ช่วยของเธอขอบคุณเธอมาก และช่วยเธอเก็บของ
กลับไปถึงที่โรงแรม เอาของที่เก็บไปไว้ในห้องสมุด แล้วจัดระเบียบอีกครั้งหนึ่ง และนั่งอยู่บนเก้าอี้ ขณะเดียวกันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน
“สถานสงเคราะห์ใช่มั้ย ฉันซูย้าวที่เคยติดต่อกับพวกคุณครั้งก่อนนะ…..”
ไม่ถึงยี่สิบนาที เธอก็ได้รับเมลที่ส่งมาจากผ.อ ในเมลนั้นมีข้อมูลอย่างละเอียดเมื่อห้าปีก่อนของเด็กกำพร้าในเมืองนี้
ตัดข้อมูลของเด็กผู้หญิงออกไปทั้งหมด ในข้อมูลผู้ชายที่เหลืออยู่นี้ เลือกเดือนที่ตัวเองตลอดซีซี เลื่อนไปตามข้อมูลที่ไม่เกินครึ่งปี ที่อายุเกือบจะสอดคล้องกันทั้งหมด เหนือแค่ไม่กี่รายชื่อ
ระหว่างที่ซูย้าวกำลังจดจ่อกับการค้นหาข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ เสียงประตูดังขึ้น ติง แล้วประตูถูกเปิดออก โม่หว่านหว่านที่จดจ่อกับเรื่องของตัวเองได้เดินเข้ามา เธอได้เข้าไปห้องครัว และเทน้ำกินไปหลายแก้ว แล้วไปนั่งที่ห้องรับแขกและเปิดทีวีดู
ไม่กี่วินาทีผ่านไป ทันใดนั้นเธอได้ยินมีเสียงดังออกมาจากห้องสมุด เธอเดินเข้าไปที่ห้องสมุด เห็นซูย้าวอยู่ในนั้น เธอตกใจอย่างมาก “โธ่เอ้ย เธออยู่บ้านหรือ!”
ซูย้าวเงยหน้าไปมองเธอ “คำพูดนี้ฉันควรเป็นคนพูด ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี้?”
“คือ……..”
โม่หว่านหว่านทำตาล๊อกแล๊กสายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่แก้วกาแฟในมือเธอ วินาทีต่อมา ก็ได้วิ่งเข้ามาอย่างขยัน “กาแฟใกล้หมดแล้วสินะ!เดียวฉันไปเติมให้……”
พูดจบ เธอก็เอาแก้วกาแฟและวิ่งออกไป
ตอนที่กลับมา เธอถือแก้วกาแฟเข้าใกล้ซูย้าว ถือแก้วอยู่นาน ก็ไม่มีท่าทีที่จะวางแก้วลง จนซูย้าวมือที่จับเม้าส์อยู่นั้นขยับถึงได้วางแก้วลงอย่างแรง และชนอย่างรุนแรง ทำให้แก้วหล่นลงไปกับพื้น
พรมเช็ดเท้าและพื้นที่คุณภาพดี เมื่อแก้วล่วงลงไปกับพื้นไม่ได้ส่งเสียงดังเลย แก้วก็ไม่ได้แตก แต่แค่กาแฟหกเต็มพื้น
ซูย้าวรีบลุกขึ้นมาเตรียมที่จะเก็บกวาด โม่หว่านหว่านขมวดคิ้ว เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ โม่หว่านหว่านหยิบผ้าขึ้นมาเริ่มเข็ด เช็ดพื้นเสร็จเช็ดโต๊ะต่อ และไปเข็ดมือของซูย้าว
“เธอเอาผ้ามาเช็ดฉันทำไม?”ซูย้าวผลักและปฏิเสธเธอ เธอกลับรู้สึกว่ามือเธอเหมือนถูกสิ่งแหลมคมทิ่มเข้าไป เจ็บเล็กน้อย
เมื่อเพ่งมองดูดีๆ ก็เห็นเป็นแผลรูเล็กๆ
เลือกไหลออกมาเป็นหยดน้ำเลย
เมื่อโม่หว่านหว่านเห็นแบบนี้ ดวงตาของเธอปรากฏดาวขั้นมา และรีบเอากระดาษมาเช็ดให้เธอ และจับมือของเธอแล้วบีบอย่างแรง ทำให้ซูย้าวรู้สึกเจ็บ
“เธอจะทำอะไรกันแน่?”เธอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของโม่หว่านหว่าน ซูย้าวรีบลุกขึ้นและเดินอ้อมเธอไป เข้าไปล้างแผลในห้องน้ำ
ตอนที่ออกจากห้องน้ำ เธอได้ผ้าพันแผลมาพันแผล เธอเห็นโม่หว่านหว่านกำลังพับเก็บกระดาษที่เอามาเช็ดเลือดเธอเมื่อกี้อย่างดีและเก็บเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
ซูย้าวมองไปที่เธอ“โม่หว่านหว่าน เธอ……..”
เธอรู้สึกอาย คิดไปคิดว่า สมองของเธอเริ่มร้อนขึ้นมาก็เลยพูดออกมาว่า“คือว่า……..สิ่งของที่เปื้อนเลือดแบบนี้ ทิ้งไว้ในถุงขยะมันดูไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่!”
“ ใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงแบบนั้น เรียกว่าสะอาดหรือ?” เธอถามกลับ
โม่หว่านหว่านเริ่มพูดอะไรไม่ออก“เออ…….”
เธอหายใจเข้าลึกๆเป้าหมายของตัวเธอเองสำเร็จไปแล้ว ตอนนี้เธอมีสายตาที่ลนลาน และใช้ช่วงที่ซูย้าวไม่ทันตั้งตัว หันหลังและวิ่งออกไป
และไปหยิบกระเป๋าบนโซฟา และทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค “เธอก็ถือว่าฉันมีนิสัยแบบนี้ก็แล้วกัน!” แล้ววิ่งออกไปทางประตู
ซูย้าวเช็ดเหงื่อตัวเอง ความชอบส่วนตัวหรือ? ก็แล้วกัน? นี่เป็นคำอธิบายที่ถูๆ ไถๆมาก!
ซูย้าวก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วและขวางโม่หว่านหว่านไว้ทัน“เธออธิบายมาให้รู้เรื่องก่อน ทำตัวลับๆ ล่อๆ เธอต้องการจะทำอะไรกันแน่?”