ซูย้าวมองหน้าเด็กที่อยู่บนเตียงด้วยสายตาแปลกๆ
ลี่เฉินซีมองไปตามสายตาเธอ ระหว่างที่สายตาหยุดลงที่ใบหน้าของลี่เจิ้งแล้วก็อึ้งไปด้วย
ลี่เจิ้งที่ถูกหมอทุกคนวินิจฉัยว่าเป็นเจ้าชายนิทรา ตัวเขานอกจากร่างกายจะมีการขยับและกระตุกได้เล็กน้อยโดยเกิดจากปฏิกิริยาทางเส้นประสาทและสามารถเผาผลาญสารและพลังงานง่ายๆแล้ว ก็ไม่สามารถรับรู้หรือแสดงความรู้สึกใดๆได้อีก
แต่ณ เวลานี้ กลับมีรอยยิ้มบางๆปรากฏบนหน้าเด็ก
เขามองลี่เฉินซีและซูย้าวที่อยู่ตรงหน้าแล้วยิ้ม
ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุุใด หรือแค่เพราะเป็นปฏิกิริยาทางประสาทที่ไม่มีประโยชน์เลยก็เหอะ แต่สำหรับซูย้าวกับลี่เฉินซีแล้ว พวกเขากลับตื่นเต้นมาก
“เตียวเตียวพูดไม่ผิด เจิ้งเอ๋อยิ้มได้จริงด้วย……”
เธอพูดอยู่คนเดียว จับมือเขาไว้อย่างตื่นเต้นแล้วเข้าไปซุกอกเขาอีกครั้ง
ลี่เฉินซีอึ้งนิ่งไปแล้วกอดเธอไว้จนแน่น“ลี่เจิ้งยิ้มได้แล้ว……”
“เตียวเตียวพูดแล้ว เห็นคุณอยู่กับฉันแล้วพี่ชายก็จะยิ้ม เป็นเรื่องจริงด้วย!”ซูย้าวดีใจมาก มองหน้าเขาแล้วเข้าไปกอดเขาอีกครั้ง“เจิ้งเอ๋อยิ้มได้แล้ว นั้นก็แปลกว่าโอกาสที่จะฟื้นก็ไม่ไกลแล้วสิ!”
ลี่เฉิงซีพยักหน้าแล้วปลอบใจเธออย่างระมัดระวัง
ในห้องผู้ป่วยคึกคักขึ้นมา คุณหมอมาทำการตรวจให้กับลี่เจิ้ง ผลสุดท้ายก็พูดได้แค่ว่า“เหลือเชื่อจริงๆ!ผมไม่เคยเจอเคสแบบนี้มาก่อน สาเหตุที่แน่ชัด ตอนนี้ ผมยังให้คำตอบไม่ได้ครับ……”
หมอไม่สามารถให้คำอธิบายได้ แต่สำหรับซูย้าว นี่มันไม่สำคัญแล้ว ขอแค่เจิ้งเอ๋อสามารถหายดี นั่งก็เป็นผลดีที่สุดแล้ว
เธออยู่เฝ้าลูกที่โรงพยาบาลอย่างถาวร แทบจะไม่ห่างจากเจิ้งเอ๋อเลยสักก้าว แต่ว่า เธอก็ค่อยๆสั่งเกตว่า ถ้าหากลี่เฉินซีไม่ปรากฏ ตัวเองไม่ได้อยู่กับเขาละก็ ลูกก็จะไม่ยิ้มเลย
ก็หมายความว่า……
ในใจลึกๆของเจิ้งเอ๋อคืออยากเห็นพวกเราคืนดีกัน
ดวงตาที่ซูย้าวมองลูกได้เอ่อล้มไปด้วยน้ำตาตั้งนานแล้ว“เจิ้งเอ๋อ ลูกจำแม่ได้แล้วใช่มั้ย?ลูกรู้ว่าแม่คือแม่……”
เลยรีบร้อนอยากให้เราคืนดีเร็วๆ พอตอนที่เห็นพวกเขาโอบกอดด้วยกันเลยยิ้มขึ้นมา
ตอนที่ลี่เฉินซีมาก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว
เขาเอาเสื้อคลุมตัวเองคลุมให้กับเธอแล้วเอาชานมที่เพิ่งซื้อมาใส่ไว้ในมือเธอ ขมวดคิ้วแล้วพูด“ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงเจิ้งเอ๋อ แต่ฝั่งโรงแรมยังมีลูกสาวผมและก็เตียวเตียวอยู่นะ คุณจะไม่สนใจเด็กสองคนนั้นแล้วหรอ?”
ซูย้าวพูด“ก็ต้องสนใจสิคะ ฉันได้ฝากขอให้หว่านหว่านช่วยดูแลไว้แล้ว เธอจะช่วยฉันดูแลพวกเขาช่วงคราว”
“คุณสามารถวานให้คนอื่นช่วยดูแลเด็กๆ แต่ไม่สามารถขอให้ใครมาดูแลคุณได้ ซูย้าว คุณควรกลับไปก่อน กลับไปพักผ่อนดีๆซะหน่อย!”
เขามองหน้าเธอที่ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและโทรม เดาไม่ถูกเลยว่าเธอไม่ได้หลับมากี่วันแล้ว ตั้งแต่ที่ได้ยินว่าลี่เจิ้งฟื้น จนถึงตอนนี้ก็ประมาณหนึ่งอาทิตย์แล้ว เธอแทบจะเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลทุกวัน
ลี่เฉินซีจับมือเธอแล้วพาเธอลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็วโดยความเป็นห่วง
“เจิ้งเอ๋อมีพี่เลี้ยงและพยาบาลพิเศษคอยดูแลอยู่ แถมยังมีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าอยู่ด้วย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาไม่ได้แน่ แต่คุณสิ อย่าบอกว่าพอลูกฟื้นแล้ว คุณกลับมาป่วยซะเองล่ะ!”ระหว่างที่เขาพูด ก็ดึงเธอเข้าไปในลิฟต์อย่างเผด็จการ
ทั้งสองคนลงมาถึงชั้นล่าง ตอนที่เดินออกมาพร้อมกันนั้น จู่ๆขาเธอก็สะดุดแล้วเดินเซไปมาทั้งคน ลี่เฉินซีรีบพยุงเธอไว้ทันที จากนั้นก็ถาม“คุณเป็นอะไรครับ?”
“เปล่า ไม่เป็นไรค่ะ คงเดินสะดุดขาตัวเองก็แค่นั้น!”เธอพูดอย่างเรียบเฉย
เขาถอนหายใจ คุณอย่าฝืนได้มั้ย?
ลี่เฉินซีนั่งลงไปยกขาเธอขึ้นเบาๆ เกิดจากใส่ส้นสูงเดินไม่ทันระวังแล้วขาพลิกจริงๆ แต่โชคดีที่ไม่หนัก ข้อเท้าก็ไม่ได้บาดเจ็บ
เขาลุกขึ้นแล้วช่วยพยุงเธอเดิน ฝีเท้าช้าลงอย่างมาก“ผมส่งคุณกลับเถอะนะ กลับไปนอนพักผ่อนดีๆ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องรีบมา พักผ่อนดีแล้วค่อยว่ากัน”
หยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อ“ได้ยินว่าคุณลาออกจากงานแล้ว?”
“อืม ลาออกแล้ว”เธอพูด
“นั้นดีเลย นั้นก็พักผ่อนดีๆซะ!อย่าคิดแต่เรื่องงาน ผู้หญิงไม่ควรต้องมากังวลเรื่องหาเงินอะไรพวกนี้”
เธอเอียงหัวมองเขา“ฟังคุณพูดเข้า ฉันไม่กังวลเรื่องหาเงิน จะอยู่ยังไง จะเลี้ยงลูกยังไงคะ?”
ซูย้าวก็แค่พูดไปแบบนั้น ไม่ได้ตั้งใจ
แต่ลี่เฉินซีก็รีบพูด“ก็ยังมีผมอยู่ทั้งคน?ผมเลี้ยงคุณเอง!”
“โทษทีนะ คุณลืมไปแล้วหรอคะ?เราหย่ากันแล้วนะ!”
เขาหยุดเดินทันที มองหน้าเธออย่างลึกซึ้งและหนักแน่น“แล้วยังไง?ถึงหย่ากันแล้ว คุณก็ยังเป็นอดีตภรรยาผมอยู่ เป็นแม่ของลูกผม คือหน้าที่และความรับผิดชอบของผมทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเลี้ยงคุณหรือว่าเลี้ยงลูก มันก็คือสิ่งที่ผมควรทำไม่ใช่หรอ?”
“……”
ซูย้าวคิดๆแล้ว ทันใดนั้นก็พูดอะไรไม่ออก
เหมือนมันก็ถูกจริงๆ และเธอก็หาคำพูดมาโต้กลับเขาไม่ได้ สุดท้ายก็สูดหายใจลึกทีหนึ่ง“เราอย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้เลยค่ะ คุยเรื่องเงินแล้วมันดูเฉิ่มเกินไป!”
เขากลับหัวเราะ“นั้นเราไม่คุยเรื่องเฉิ่มๆก็ได้ คุณหนูใหญ่ตระกูลซูครับ ทำตัวเป็นเด็กดี กลับไปนอนพักผ่อนดีๆได้มั้ยครับ?”
เมื่อมองดวงตาสีฟ้าอ่อนๆของเธอ เขาลูบจับแก้มเธอด้วยความทุกข์ใจ แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมกอดของเขา“เห็นคุณเป็นแบบนี้ ผมปวดใจมากเลยนะ”
เธอตกใจแล้วรีบหลบหน้าเขา แววตาดูซึมและสีหน้าก็ดูโดดเดี่ยวเล็กน้อย
ตอนที่ลี่เฉินซีปล่อยมือจากเธอแล้วเห็นสีหน้าเธอแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถามเธอ“เป็นอะไรไปหรอคุณ?”
เธอส่ายหัว“เปล่า ไม่มีอะไรค่ะ”
ถึงแม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆของเธอ แต่ก็สามารถทำให้หัวใจเขาสั่นไหวได้อย่างง่ายดาย
“มีอะไร คุยกับผมได้นะ”เขาย้ำอีกรอบ
ซูย้าวมองหน้าเขา โครงหน้าหล่อเหลาของผู้ชาย ภายใต้แสงไฟยามค่ำคืนดูเปล่งประกาย ส่วางไสวเหมือนดวงดาว
เธอฝืนยิ้มขึ้นบางๆ รอยยิ้มดูขมขื่นใจ“ถึงพูดกับคุณแล้ว คุณจะทำอะไรได้?”
“คุณไม่พูด แล้วผมจะรู้ได้ยังไง?”เขาพูด ใบหน้าอันหล่อเหลาเผยให้เห็นรอยยิ้มร้ายๆ
เธอเงียบไป
เธอส่ายหัวปฏิเสธ ดวงตากลับเผยให้เห็นความโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
หัวใจเขาเหมือนถูกบีบ ขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองหน้าเธออย่างลึกซึ้ง ค่อยๆก้มหน้าลง ปล่อยให้ระยะของทั้งสองคนใกล้ชิดขึ้น แล้วกระซิบที่ข้างหูเธอ“บอกผมมา คุณอยากพูดอะไรกันแน่?”
คำพูดที่นุ่มนวลยิ่งทำให้หัวใจไม่ที่สบายและเศร้าสั่นไหวได้ง่าย ซูย้าวหันหน้าไปอีกทาง ดวงตายิ่งอยู่ก็ยิ่งพร่ามัว
สักพัก เธอถึงเม้มปากแล้วพูด“ถ้าสามารถเริ่มต้นใหม่ ฉันอยากย้อนกลับเมื่อห้าปีก่อน ฉันอาจจะเชื่อใจคุณได้มากกว่านี้ พูดคุยกับคุณให้มากขึ้น เข้าใจคุณให้มากขึ้น ถ้าเป็นอย่างนี้ ตอนนั้นพวกเราก็คงไม่ต้องหย่ากันแล้ว……”
ม่านตาสวยของเธอค่อยๆขยาย แล้วสายตาโฟกัสที่ใบหน้าของเขา“ฉันรู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นขอหย่ากับคุณ ฉันอยาก……ฉันอยากแต่งงานค่ะ”
ลี่เฉินซีรู้สึกไม่กล้าแน่ใจ ระหว่างที่รู้สึกประหลาดใจนั้น ก็ได้ยินเสียงทีอ่อนแอและเบาของเธออีก——
“ฉันคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ มันอาจจะดีต่อเจิ้งเอ๋อด้วย!”
“……”
ในยามค่ำคืนที่เงียบเหงา ความรักได้งอกขึ้นในใจอย่างเงียบๆและเหมือนไม่มีท่าทีจะหยุด
ความรู้สึกต่างๆนานาได้ผ่านเข้ามา แต่อารมณ์ทั้งหมดกลับสู้ความเปราะบางและไร้ที่พึ่งบนใบหน้าเธอไม่ได้เลย หัวใจที่เต้นแรง พร้อมกันนั้นมีทั้งความรู้สึกใจเย็น ความสุขุม ความฉลาดและครุ่นคิด……หลังจากตัดคำพูดที่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะทั้งหมดนี้ทิ้งแล้ว สุดท้าย เหลือเพียงคำพูดเดียวที่ดังอยู่ข้างหู
“นั้นเราแต่งงานกันใหม่เถอะนะ!”เขาพูด
เธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่กล้าที่จะเชื่อ ดวงตาที่สดใสของผู้ชายดูลึกซึ้ง และรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนริมฝีปาก โอบรับความไม่ทันตั้งตัวบนใบหน้าเธอไว้ทั้งหมด
“แต่มีข้อแม้ข้อหนึ่ง——”จู่ๆ ลี่เฉินซีก็ขัดจังหวะความคิดของเธอ
ซูย้าวมองเขาอย่างมึนงงโดยไม่ได้พูดอะไร
เขากุมมือเธอไว้“ไม่ใช่เพราะลี่เจิ้ง และไม่ใช่เป็นเพราะซีซี ไม่ใช่เป็นเพราะเด็กใดๆ แต่เป็นเพราะรัก ถ้าเป็นอย่างนี้ ซูย้าว เราแต่งงานกันใหม่เถอะนะ!”
เธอมองหน้าเขา ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังช่างอ่อนโยนและมีเสน่ห์ กลับพูดออกมาคำหนึ่งภายใต้ความเฝ้ารอของเขา——
“ถึงจะเป็นเพราะรักแล้วยังไง แล้วคู่หมั้นคุณล่ะ จะอธิบายว่ายังไง ?”
“เออ……นี่!”ลี่เฉินซีจู่ๆนึกขึ้นได้ ถึงตระหนักได้ว่านี่เป็นปัญหาใหญ่……
และเวลานี้ ในรถเก๋งคันหนึ่งที่จอดอยู่ริมถนนไม่ไกลจากนี่ ผู้หญิงจับตามองทั้งสองที่กอดกันจนแน่นอยู่อีกฝั่ง ใบหน้าที่ร้ายกาจดูน่ากลัวและมืดมน