ในขณะที่ประตูเปิดออกอย่างช้าๆ ข้างนอกนั้น ก็มีร่างสูงยาวของชายคนหนึ่งยืนอยู่ เขาใส่สูทพร้อมกับรองเท้าหนัง สูทสีเข้มรัดรูปและถูกรีดอย่างประณีต ประณีตเหมือนกับชายที่สวมใส่มันอยู่
ร่างสูงโปร่งพร่างพราวอยู่ตรงทางเดินที่มืดสลัว ทั้งหล่อ มีเสน่ห์ นัยน์ตาดอกท้อสีดำหม่นราวกับดวงดาว เพียงพริบตาเดียวที่เขามองเห็นเธอ มุมปากก็ยกขึ้นและยิ้มออกมา
ลี่เฉินซีใช้มือข้างหนึ่งค้ำขอบประตูไว้ แววตาที่อ่อนโยนของเขาไม่ลดลงเลย “คิดถึงฉันหรือเปล่า?”
ซูย้าวชะงักไปครู่หนึ่ง “คุณ…คุณสอบสวนเสร็จแล้วเหรอ?”
เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ เลขาเคยบอกไว้ว่าลี่เฉินซีโดนหมายจากตำรวจเรียกตัวไปสอบสวนแล้ว แต่ทำไมมันถึงได้เสร็จเร็วขนาดนี้นะ?
ลี่เฉินซีไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่จ้องมองหน้าเธอ แล้วเหลือบตามองไปยังห้องมืดด้านหลังเธอ เขาขมวดคิ้ว “ไม่เชิญฉันเข้าไปข้างในหน่อยหรอ?”
ซูย้าวหมุนตัวจะเดินเข้าห้อง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า ถ้าหากให้เขาเข้ามา แล้วพบว่าลูกสาวเขาไม่อยู่ จะทำยังไง?
เธอลังเล พร้อมกับหยุดเดินแล้วขวางเขาไว้ไม่ให้เข้ามา พร้อมกับให้เหตุผลว่า “ฉันจะพักผ่อนแล้ว ไม่ต้องเข้ามาหรอก”
“เอ๋?”เขาขมวดคิ้วนิดหน่อย มือเรียวยาวราวกับหยกนั้นลูบไล้ไปที่แก้มของเธอเบาๆ ด้วยความยั่วเย้าและหวังจะให้เธอเคลิบเคลิ้ม “งั้นเรามาพักผ่อนด้วยกันไหมล่ะ?”
ซูย้าวถอนหายใจออกมา และปัดมือเขาออกอย่างใจเย็น พร้อมพูดกับเขาตรงๆ ว่า “ประธานลี่ ถ้าฉันจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ ดูเหมือนว่าคุณกำลังจะแต่งงานกับคุณหานแล้วไม่ใช่หรอกเหรอ?”
น้ำเสียงเธออ่อนลงเล็กน้อย และแสร้งทำเป็นคิดอย่างหนัก พร้อมกับพึมพำ “เจ้าบ่าวที่กำลังจะแต่งงาน แต่กลับมาอยู่กับอดีตภรรยากลางดึกแบบนี้ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คงไม่เป็นผลดีกับทั้งคุณ แล้วก็บริษัทลี่ซื่อใช่ไหมล่ะ?”
เธอหยุดไปพักหนึ่ง ซูย้าวกังวลว่าเขาจะหาเหตุผลมาโต้แย้งเธอได้ จึงพูดเสริมไปอีกว่า “โดยเฉพาะยิ่งถ้าคุณหานรู้เข้า ฉันเกรงว่ามันจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองด้วย”
ลี่เฉินซีฟังเธอพูด พร้อมกับพยักหน้าตาม “ดูแล้ว คุณซูนี่เข้าอกเข้าใจคนอื่น แล้วก็ใส่ใจผมจริงๆ เลยนะ”
ซูย้าวพยักหน้า “แน่นอนสิ เพราะถึงยังไงคุณก็คือพ่อของลูกฉันนี่นา”
“โอ้ พ่อ” ลี่เฉินซีพอใจกับคำนี้ และยิ้มกว้าง ในวินาทีต่อมาร่างสูงโปร่งนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างฉับไว พร้อมกับใช้แขนยาวนั้นคว้าเอวบางของเธอไว้ ดันเธอไปด้านหลัง จนชิดติดผนังห้อง
ซูย้าวตกตะลึงกับการกระทำของเขา ขนตาเรียวยาวสั่นระริก ยากที่จะเชื่อ “คุณ…”
ไม่ทันได้พูดจบ ริมฝีปากของเธอก็ถูกเขาผนึกไว้
เขาผลักเธอติดกำแพง มือข้างหนึ่งประคองหัวเธอไว้ จูบที่บ้าคลั่งนั้นแต่กลับอ่อนโยน จริงใจ เปิดเผย และแสดงออกอย่างดุเดือด
เนิ่นนานผ่านไป เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ริมฝีปากบางของเขาประกบอยู่บนริมฝีปากเธอ พร้อมบดเบียดเบาๆ “รู้แล้วหรือยัง? ว่าฉันคิดถึงเธอมาก”
ซูย้าวเงียบ “…”
“และฉันต้องการเธอ” เสียงทุ้มต่ำปนแหบของเขานั้นช่างมีเสน่ห์ไร้ที่ติ
มือใหญ่เรียวนั้นอยู่ไม่นิ่ง เลื้อยพันเอวของเธอลงไปข้างล่าง ซูย้าวเริ่มได้สติจึงขัดขืนเขา เธอขดตัวงอราวกับกุ้งแห้ง ดิ้นรนขัดขืนเขา “ลี่เฉินซี เธออย่าสร้างปัญหาเลย!”
“ใครบอกว่าฉันอยากสร้างปัญหาล่ะ?” เสียงของเขาอ่อนลง แต่แรงมือของเขาไม่ได้ลดลงตาม “ฉันแค่ต้องการเธอก็เท่านั้น!”
ทันใดนั้นเขาก็กระชับแขนขึ้น พยายามที่จะอุ้มตัวเธอขึ้น พร้อมกับหมุนตัวและใช้เท้าถีบประตูเพื่อจะพาเธอเข้าไปในห้อง
ทันทีที่โยนเธอลงบนเตียง ซูย้าวก็ขัดขืนและดีดตัวขึ้น ไม่รอให้เขาได้ตั้งตัว เธอกำลังจะวิ่งหนี แต่ก็ถูกแขนยาวของเขาขวางเอาไว้ เป็นอีกครั้งที่เธอตกอยู่ในความควบคุมของเขา เขากดเธอไว้ใต้ร่าง ระยะห่างเพียงแค่หายใจก็รู้สึกถึงกัน
เขาทำตามอำเภอใจ ทั้งยังบ้าระห่ำอีก ซูย้าวหลับตาแน่น สีหน้าที่ทนไม่ไหวดูไม่ค่อยสงบสุข ในห้องที่มืดนี้ เขามองหน้าเธอไม่ชัดนัก แต่รู้สึกได้ถึงความไม่เต็มใจของเธอ ลี่เฉินซีขมวดคิ้วแน่น เหลือบตาลงต่ำมองที่เธอ “ทำไมไม่อยาก?”
เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่ลืมตาขึ้น
เขามองที่เธอ ดวงตาสีดำนั้นจ้องเขม็ง “ครั้งที่แล้วที่เราคุยกันเรื่องกลับมาแต่งงานกันอีกรอบ เธอคิดดีแล้วหรือยัง?”
แต่งงานกันอีกรอบ
คำนี้ปรากฏขึ้นมาในหัวของซูย้าวอีกครั้ง แล้วความคิดสับสนก็วนกลับมาซ้ำอีก
เธอยกมือผลักร่างใหญ่ที่ทับตัวเธออยู่ออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรต่อ ใบหน้าเย็นชาเต็มไปด้วยความสับสน เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ประธานลี่ คุณความจำเสื่อมแล้วหรือไง หรือไอคิวไม่มีแล้ว?”
นั่นยิ่งทำให้คิ้วที่ขมวดแน่นนั้น ขมวดหนักขึ้นกว่าเดิม
“อีกไม่นานคุณก็จะแต่งงานกับคุณหานแล้ว แต่ตอนนี้มาพูดกับฉันเรื่องแต่งงานกันอีกรอบเนี่ยนะ?” ซูย้าวรู้สึกว่าไม่สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้เลย
เมื่อก่อน ตอนนั่งคุยกันที่ปลายเตียงของลี่เจิ้ง ไม่ว่าเขาจะคิดหรือพูดอะไร เธอก็สามารถเข้าใจได้
เพื่อลูกแล้ว
แต่ตอนนี้มันคืออะไรกัน
เธอส่ายหัว ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพร้อมพยายามเข้าใจเหตุผล พร้อมถอยห่างจากเขา แต่ก็ถูกเขาคว้าแขนไว้ เขามองมาที่เธอ “ถ้าไม่มีหานฉ่ายหลิงล่ะ?”
ซูย้าวขมวดคิ้ว “ไม่มีคำว่าถ้า”
“ลี่เฉินซี คุณไม่ใช่เด็กแล้วนะ คุณโตแล้ว ความรู้สึกไม่ใช่ของเล่น แล้วการแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นด้วย คุณเลือกใคร ฉันไม่สนใจ แล้วก็ไม่เกี่ยวกับฉันด้วย แต่แค่อย่ามาทำร้ายลูกของฉัน เรื่องอื่นฉันไม่สน”
ประโยคที่ว่า ‘ไม่เกี่ยวกับฉัน’ ประโยคที่ว่า’เรื่องอื่นฉันไม่สน’ มันสะเทือนและทิ่มแทงเข้าไปในหูของเขา
เขาโกรธมากจนยิ้มออกมา มือกำแน่น พร้อมกับคว้าเธอมาไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง เขาโน้มตัวลงและกุมคางของเธอไว้ “ไม่เกี่ยวกับเธอใช่ไหม? ไม่สนใจใช่ไหม?”
ลี่เฉินซีใช้ปลายนิ้ววาดไล้ตามรูปปากของเธออย่างเยือกเย็น “เธอลืมไปแล้วเหรอ ว่าเธอเป็นอะไรของฉัน?”
คำพูดของเขา เหมือนตบหน้าซูย้าวเข้าอย่างจัง เธอชะงักครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วเงียบคิดไปพักหนึ่ง เหลือทิ้งไว้แค่ความน่าขัน และไม่ลังเลเลยที่จะตอบกลับไปว่า “ฉันเป็นแม่ของลูกคุณ เป็นเมียเก่าของคุณยังไงล่ะ!”
“เป็นแค่นี้เองเหรอ?”เขาถามกลับเบาๆ รังสีโหดเหี้ยมที่แผ่ออกจากสาตาเขา ทิ่มแทงมายังเธอราวกับมีดคม
ซูย้าวตกใจกลัวเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้อะไร ลี่เฉินซีก็บดขยี้ริมฝีปากของเธออย่างบุกรุก และป่าเถื่อน
ผ่านไปเนิ่นนาน เขาจึงค่อยๆ ปล่อยเธออย่างช้าๆ
เมื่อมองไปที่ปากบวมแดงของเธอ เขาไล้ที่ริมฝีปากล่างของเธออย่างเบามือ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวเธอเบาๆ และพูดว่า “ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วฉันจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับเธอในภายหลังเอง”
รออีกไม่กี่วันก็เรียบร้อยแล้ว ไม่กี่วันหลังจากนี้ ทุกอย่างจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว
ประโยคพวกนี้ ซูย้าวไม่เข้าใจและไม่อยากเข้าใจด้วย เธอชินกับความเผด็จการนี้ตั้งนานแล้ว เรื่องพวกนี้เธอไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เพียงแค่รู้สึกเหนื่อย
เธอมองร่างเขากำลังเดินออกไป จึงเริ่มเปิดปากพูด “เรื่องความร่วมมือของบริษัทลี่ซื่อกับจู้สือกรุ๊ปครั้งนี้ ส่งผลต่อชื่อเสียงของบริษัทลี่ซื่อ ก็นับว่าฉันติดหนี้คุณ หลังจากนี้ไป ถ้ามีโอกาสได้แก้ไข ฉันจะช่วยคุณเอง”
เขาที่กำลังเดินออกไปหยุดชะงักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หันหน้ากลับไปมองเธอ รอยยิ้มจางๆ เปล่งประกายขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลานั้น เขาหลับตา ย้อนกับยกมือขึ้นคลึงที่หน้าผาก “เรื่องแก้ไขนั้น ช่างมันเถอะ ฉันจัดการเองได้”
แต่ทว่า ที่ซูย้าวบอกว่าเธอติดหนี้เขาเมื่อครู่ ประโยคนี้ เขาชอบที่จะได้ยินมัน
เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว สายตาก็มองไปเห็นข้างประตู ซูย้าวไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่เสียง’คลิก’ดังขึ้น พริบตาเดียวไฟในห้องก็เปิดพร้อมกันหมดสว่างจ้าราวกับตอนกลางวัน ส่งผลให้ตาของเธอไม่สามารถปรับตัวได้ทัน พร้อมหลับตาลงอย่างไม่ตั้งใจ จังหวะนั้น เสียงทุ้มต่ำของเขาก็ดังขึ้นทันที “ลูกสาวฉันล่ะ?”
ซูย้าวชะงักไปกะทันหัน ซีซี…
สีหน้าตกใจปนกังวลของเธอบวกกับดวงตาที่สับสน ทำให้เขาเข้าใจได้ในทันที ซูย้าวกะพริบตาปริบๆ โกหกตะกุกตะกัก “อยู่ที่นั่นกับหว่านหว่าน…”
“ก็อยู่ดีๆ แล้ว จะส่งซีซีไปทำไม?” ลี่เฉินซีเริ่มถามจี้ แล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาเธออีกครั้ง ดวงตาอันเยือกเย็นจ้องเขม็งไปที่เธอ
“เธอปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่า?”
ซูย้าวเม้มริมฝีปากไม่รู้จะทำอย่างไร เธอกังวลเกินจะบรรยาย แต่ก็ยังทำยืนกรานที่จะพูดเหมือนไม่มีอะไร “อะไร? ฉันปิดบังอะไรคุณ?”
“ไม่กี่วันมานี้งานฉันยุ่งมาก แล้วยังมีข่าวของบริษัทลี่ซื่อกับจู้สือกรุ๊ปที่แพร่ออกไปอีก ข้างนอกตึกก็มีแต่นักข่าว ซีซีกับเตียวเตียวอยู่ที่นี่ ก็มีแต่จะส่งผลกระทบต่อเด็กๆ ได้ ดังนั้นฉันก็เลยให้หว่านหว่านมารับพวกเขาไป จะเป็นไรไปเหรอ?”
เหตุผลนี้ ดูท่าจะฟังขึ้น
ลี่เฉินซีไม่ได้พูดอะไร แค่ชายตามองเธออีกครั้ง แล้วเขาก็หันหลังเดินจากไป
เมื่อเขาไป ทันทีที่ประตูปิดลง ใจที่ปั่นป่วนของซูย้าวก็เบาลง แต่พอคิดถึงซีซี มันก็กลับมาปวดจี๊ดขึ้นอีกครั้ง
แล้วจู่ๆ โทรศัพท์ก็สั่น เธอตกใจเล็กน้อย กระทำทุกอย่างไปตามจิตใต้สำนึก เธอหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับกวาดตามอง แต่เพียงแค่ได้มองแวบหนึ่งเท่านั้น ก็ทำให้เธอถึงกับชะงักงัน…