เขาและลูก
คำสั้นๆ ไม่กี่คำ ลึกซึ้ง ชัดเจน ทะลุทิ่มแทงแก้วหูซูย้าวอย่างเจ็บปวด
เธอไม่เคยคิดถึงเขาและลูกซะเมื่อไหร่กัน?!
ก็เพราะเธอคิดถึงลูก ถึงทำแบบนี้ยังไงล่ะ!
ห้าปีก่อน เธอท้องลูกแฝด ตัวเธอเองยังไม่ทันจะได้เห็นลูกชัดๆ เลย ก็มีคนพาลูกเธอไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เหลือทิ้งไว้เพียงแค่ลูกสาว ให้อยู่ในความดูแลของโม่หว่านหว่านน่าจะดีกว่า จะปลอดภัยกว่า
เธอแกล้งทำเป็นโง่มาห้าปีแล้ว ไม่รู้ว่าหลินโม่ป่ายกับโม่หว่านหว่านแอบตามหาลูกให้เธองั้นเหรอ? เธอรู้!
เธอเฝ้าฟูมฟักเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอเองมาตลอดสิบเดือน คลอดออกมาสองคน มันมีสองคน มันไม่ใช่แค่คำพูดโกหกหลอกลวงไม่ที่คำของคนอื่นจะสามารถปิดบังได้
แต่เธอไม่ต้องการที่จะเปิดโปงคำพูดโกหกพวกนั้น
และเธอรู้ว่าไม่กี่ปีมานี้ หลินโม่ป่ายและโม่หว่านหว่านพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ในเวลาที่คลอดลูกออกมานั้น มันคือความรับผิดชอบของพ่อแม่ที่จะปกป้องลูกให้เติบโตอย่างปลอดภัย และเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ไม่ใช่คนอื่น
เธอไม่โทษเขา เพียงแต่โทษตัวที่ไม่แข็งแรงพอ ไม่มีความสามารถที่จะปกป้องลูกให้ดีได้
ณ เวลานี้ ได้แต่มองชาร์ลีอย่างนิ่งๆ ลูกที่ถูกพรากจากเธอไปเมื่อห้าปีก่อน ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เธอมีโอกาสที่จะเอาลูกกลับคืนมา มีโอกาสที่จะเดินเข้าไปในโลกของลูก แล้วเรื่องอะไรเธอจะทิ้งโอกาสนี้ไปล่ะ!
แม้จะรู้ว่านี่เป็นกับดัก แม้จะรู้ว่าหานฉ่ายหลิงตั้งใจวางแผนไว้ แม้จะรู้ว่าหลินหวั่นหญิงสมรู้ร่วมคิด เธอก็จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ใช่เพื่ออะไร แต่เพื่อลูกเท่านั้น
เพื่อชดเชยและลงโทษตัวเองให้กับความละอายใจที่ห้าปีนี้เธอไม่ได้อยู่ข้างลูก ไม่ได้ดูแล ไม่ได้ปกป้อง และไม่ได้คุ้มครองเขาเลย
ซูย้าวไม่คิดอะไรมากอีกต่อไป อะไรที่แน่ใจแล้วจะไม่เปลี่ยน เธอเพียงแค่มองไปที่ชายตรงหน้าด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนขึ้น และยิ้มออกมา “ประธานลี่ พูดอะไรน่าขำจริงๆ “
สายตาของลี่เฉินซีจมดิ่งลงอย่างทันที ไม่เข้าใจรอยยิ้มนั้นของเธอ และมองไม่ดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นไม่ออก
ซูย้าวยกมือขึ้น มองใบหน้าที่ดูอ่อนโยนของเขาเหมือนวันเก่า พร้อมเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มจางๆ ลูกเบาๆ ไปที่คอของเขา ช่วยเขาจัดการผูกเนคไท หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูด “ลืมแล้วเหรอ? คุณคือคนที่กำลังจะแต่งงานเร็วๆ นี้แล้วนะ ยังจะต้องให้ภรรยาเก่าคิดถึงอะไรคุณอีก?”
“ส่วนลูก…” เธอลากเสียงยาว ยากที่จะปิดบังสายตา ขนตาเรียวยาวนั้นสั่นระริก “ทำได้แค่รบกวนฝากหว่านหว่านไว้แล้ว”
หยุดไปสักพัก เธอรู้สึกว่านี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว
เพราะไม่แน่ใจว่าหานฉ่ายหลิงตั้งใจจะทำอะไรอีก ต้องการจะให้เธอรับผิดและจับเธอเข้าคุกจริงๆ หรือยังมีแผนอื่นอีก เธอก็ยังไม่แน่ใจ
ซูย้าวเริ่มคิดกังวล ก่อนจะพูดต่อ “ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนดี แม้จะแต่งงานแล้ว คุณคงไม่ลืมว่าคุณก็ยังอยู่ในฐานะพ่อของเด็กสองคนอยู่ เฉินซี คุณสามารถรับผิดชอบทำหน้าที่พ่อให้กับลูกๆ ให้ดีที่สุด เติมเต็มให้ลูกๆ ถูกไหม?”
แค่คำว่า’เฉินซี’ที่ถูกเรียกออกมาเบาๆ เสียงพูดเพราะที่พูดออกมานั้น นุ่มนวล อ่อนโยน
ลี่เฉินซีมองไปที่แววตาของเธอ ลึกลงไป และคิ้วหล่อของเขาก็ขมวดแน่น “นี่เธอกำลังฝากฝังลูกเหรอ? หรือกำลังสั่งเสีย?”
ซูย้าวยิ้มมุมปาก แล้วถอยห่างออกจากเขา ก้าวไปพร้อมกับพูดไป “คุณจะคิดยังไงก็แล้วแต่ ทางด้านเจิ้งเอ๋อ ฉันคงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ห้าปีมานี้ คุณดูแลลูกได้ดีมาก”
“แต่ซีซี…”
เธอเพียงเอ่ยถึงชื่อลูก ความเจ็บปวดนั้นก็แทรกซึมเข้าในใจ เมื่อคิดย้อนกลับไป หัวใจก็เหมือนถูกมีดกรีด
สถานการณ์แบบไหน ที่ซูย้าวจะแข็งใจพอที่จะตัดใจปล่อยลูกสาววัยห้าขวบที่เลี้ยงมากับมือไป!
เธอกันหลังให้เขา หลับตาลงอย่างเจ็บปวด มือนั้นตกลงข้างลำตัวอย่างบังคับไม่ได้ พร้อมกลั้นใจพูดต่อ “เด็กคนนี้ลักษณะนิสัยค่อนข้างเก็บตัว และมีแนวโน้มที่จะมีอาการออทิสซึม เธอพูดได้ แต่ไม่ค่อยชอบพูดและแทบจะไม่พูดเลย อาจจะมีอะไรที่อยากปกปิดบังไว้”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซูย้าวคิดอยากจะทำให้ชัดเจนมาตลอด แต่ดูจากตอนนี้แล้ว คงไม่มีโอกาสได้ทำไปอีกสักพัก
“ซีซีอาจจะไม่ยอมรับคุณอยู่สักพัก แต่คุณรอเธอหน่อยสักพัก อดทนหน่อย ง้อเธอเล่นกับเธอมากๆ ในไม่ช้า เธอก็จะค่อยๆ ยอมรับคุณเอง”
ซูย้าวคิดแล้วคิดอีก พร้อมกับหมุนตัวหันกลับมา สายตาแววตาก่อนหน้านี้หายไปแล้ว แต่ตานั้นแดงก่ำไม่สามารถปิดบังได้ “ซีซีอาจจะสามารถยอมรับคุณได้ แต่ฝั่งคุณหานนั้น อยู่ๆ ก็แม่ก็เปลี่ยนไป ลูกคงไม่ชินแน่ๆ คุณก็อย่าเพิ่งดุเธอ เพราะเธอขี้ตกใจ อย่าอารมณ์เสีย ใจเย็นๆ “
“ยังมีเตียวเตียวอีก เด็กคนนี้อายุยังน้อย เมื่อก่อนก็ลำบากมาไม่น้อย เขาเป็นลูกบุญธรรมของฉัน ถ้าฉันถูกตัดสินแล้ว เขาอาจจะถูกส่งตัวไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถ้าหาก ฉันแค่พูดว่าถ้าหาก ถ้าหากว่าคุณยอมรับเตียวเตียวได้ ก็รับเลี้ยงดูเขาเถอะนะ แต่ถ้าไม่ได้ รบกวนคุณขอร้องให้เพื่อนของคุณหาครอบครัวที่ดีให้เขาที”
ฟังเธอพูดมามากขนาดนี้ ลี่เฉินซียืนนิ่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าเย็นชาหล่อเหลานั้นหนักแน่นขึ้น
จริงๆ แล้ว ตั้งแต่ที่เธอเอ่ยออกมาคำแรก เขาก็ไม่อยากจะฟังแล้ว
ไม่มีประโยคไหนที่เขาอยากฟังเลยแม้แต่น้อย แต่เขาต้องอดทนกลั้นใจฟังต่อไป
ตอนนี้ ดวงตาที่เย็นชาของเขากวาดมองไปทางเธอ ปากบางก็เริ่มขยับ “พูดจบหรือยัง?”
ซูย้าวมองไปที่เขาพร้อมพยักหน้า “เท่านี้แหละ รบกวนคุณด้วย” เธอใช้น้ำเสียงแสดงออกอย่างสุภาพ
คิ้วบนใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซีนั้นขมวดเป็นปมอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่โหดเหี้ยมและมุ่งร้ายนั้นทิ่มแทงออกมาราวกับมีด ก้าวยาวไปข้างหน้าแบบไม่ให้ตั้งตัว พร้อมคว้าบีบแขนเล็กนั้นขึ้นมา “แต่ละคำที่เธอพูดออกมา ตั้งแต่เจิ้งเอ๋อจนถึงเตียวเตียว เธอคิดถึงลูกๆ ทุกคนแล้ว ไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไปอีกหน่อยเหรอ?”
ซูย้าวขมวดคิ้วอย่างสงสัย ไม่ค่อยเข้าใจ และงงนิดหน่อย “ฮะ?”
เขากัดฟันแน่น เธอมองข้ามเขาไป! ลูกๆ ทุกคนคิดถึงครบแล้ว แล้วพ่อของลูกล่ะ? เธอควรจะคิดถึงให้มากกว่านั้นอีกสักหน่อยสิ!
คำพูดพวกนี้ ลี่เฉินซีไม่ได้พูดออกไป อดกลั้นเก็บความคิดโกรธไว้ สีหน้าบูดบึ้งและขุ่นมัวนี้ยากมากที่จะได้เห็น ความเยือกเย็นที่แผ่ออกรอบตัวนั้น ทำให้อุณหภูมิของห้องทั้งห้องเปลี่ยนไป
สายตามองประสานกัน ซูย้าวรับหันหน้าหนี พร้อมถอนหายใจเบาๆ “คุณอยากจะพูด ว่าฉันลืมคุณแล้ว ถูกไหม?”
ไม่นาน เธอก็ส่ายหัว ยื่นมือสะบัดหลุดออกจากเขา “คุณกำลังจะแต่งงานแล้ว หลังจากนี้คุณที่คุณควรคิดถึงและเป็นห่วงคือคุณหาน”
คิดว่าพูดแบบนี้ เขาอาจจะยอมรับไม่ได้ ซูย้าวคิดไตร่ตรองสักพักแล้วพูด “อีกอย่าง แม้คุณจะไม่ได้แต่งงาน คุณก็ยังเป็นเพียงแค่สามีเก่าของฉัน คุณไม่อยู่ในความคิดของฉัน” หรือพูดอีกอย่างก็คือ เขาและเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกันเลยแม้แต่น้อย
ลี่เฉินซีคิดไม่ถึง ว่าเธอจะใช้เรื่องนี้พูดออกมาตรงๆ และชัดเจนมาก
ผู้หญิงคนนี้…
เขาสูดหายใจเข้าลึก ความโกรธแทบคลั่งที่อัดแน่นอยู่เต็มอก ทำให้เขาที่พยายามควบคุมสติมาตลอดนั้น ณ เวลานี้ เปลี่ยนเป็นใจร้อนและพลุ่งพล่าน
“ฉันพูดแบบนี้ คุณฟังเข้าใจแล้วหรือยัง?” ซูย้าวถามซ้ำอีกครั้ง ตอนที่สายตาเย็นชามองไปที่เขาอย่างไม่แยแส และห่างเห็น
สีหน้าของลี่เฉินซีหม่นหมองและเคร่งขรึม มองไปที่เธอ
ซูย้าวพูด “ถ้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้น เรื่องของเด็กๆ ต่อจากนี้ก็รบกวนคุณด้วย ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อน”
เธอคำนวณไว้แล้ว เวลาเข้าเยี่ยมใกล้จะหมดแล้ว ที่ตำรวจหญิงยังไม่เข้ามาเตือน คาดว่าอาจจะเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ของเธอและลี่เฉินซี จึงอยากให้เวลาของสามีภรรยาได้เคลียร์กัน”
ซูย้าวไม่ลังเล และไม่หยุดเดิน เธอค่อยๆ ก้าวห่างออกจากเขาไป แต่ทันใดนั้น มือของเธอก็ถูกจับไว้เบาๆ วินาทีต่อจากนั้นตัวของเธอก็ถูกแขนยาวของลี่เฉินซีดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนเขา
เขาใช้มือเชยคางของเธอขึ้นอย่างแรง ซูย้าวจนเจ็บจนต้องขมวดคิ้วออกมา เขาหลี่ตาลงดูเยือกเย็นและขาดสติ “ตอนนี้ควรจะบอกว่าเธอปากดี หรือพูดเก่งดีนะ?”
ลี่เฉินซีมาพบเธอเวลานี้เพื่อที่จะฟังเธอฝากฝังอะไรพวกนี้แค่นั้นเหรอ?!
เขาพูดเพียงแค่คำเดียว เธอก็ตอกกลับมายาวเหยียด
“คิดดูดีๆ แล้ว ฉันรู้สึกว่า เธอกลับไปเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดเหมือนเดิมจะดีกว่า อย่างน้อยๆ ก็น่าจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร!” เขาเว้นพูดทีละคำ สีหน้าเย็นชาและดุร้ายนั้น เหมือนลางบอกเหตุก่อนที่จะเกิดพายุร้ายขึ้น