“เข้าใจผิด ทั้งหมดคือความเข้าใจผิดจริงๆ …”
หานฉ่ายหลิงตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูก เธอเคยคิดไว้แล้วว่าลี่เฉินซีต้องตรวจสอบอะไรบางอย่าง แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วเขาจะรู้ชัดเจนหมดทุกอย่าง
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าเธอ ไม่มีพิรุธอะไรเลย ยังคงสุภาพเหมือนดังเดิม ราวกับว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ! เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนกลั่นแกล้งเลย!
ชายคนนี้แผนสูงจริงๆ ไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เธอคิด
“เรื่องอุบัติเหตุรถยนต์กับวางเพลิงนั้น ทั้งหมดนั้น…ทั้งหมดนั้นกัวหลินเป็นคนทำ เธอคิดแผนทั้งหมดคนเดียว ฉันไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรทั้งนั้น แล้วอีกอย่างฉันก็เตือนเธอแล้ว กลัวว่าคุณจะเข้าใจผิดก็เลยไม่ได้บอกคุณ”
หานฉ่ายหลิงพูดติดๆขัดๆ ตอนนี้ กัวหลินคือไพ่ใบสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ เอาเธอเป็นแพะรับบาปเหมาะสมที่สุดแล้ว!
“และเรื่องที่ซูย้าวถูกจับกุม หลินหวั่นหญิงก็เป็นคนทำ ฉันไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยนะ!”
พูดจบ ในหัวเธอผสมกันไปหมด ไม่รู้จะหาอะไรมาพูดอีกแล้ว พร้อมกับอดไม่ไหวที่จะก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับจับแขนของเขาเอาไว้ “เฉินซี คุณต้องเชื่อฉันนะ ฉัน…ฉันรักเธอนะ ฉันไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อคุณเลยนะ!”
“รักเหรอ?” ลี่เฉินซีฟังคำนี้ที่ทิ่มแทงเขาไปในหู พร้อมกับหัวเราะเยาะออกมา
ใบหน้าหล่อเหลานั้นหัวเราะเยาะและดูถูก ในเวลาเดียวกันนั้น เขาชำเลืองมองอย่างเย็นชาไปที่เธอที่อยู่ใกล้ “เธอรักฉัน?”
หานฉ่ายหลิงพยักหน้า ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา และความเศร้าเสียใจ “ฉันรักเธอจริงๆ นะ ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ก็ทำไปเพราะฉันรักคุณ!”
คิ้วของเขาขมวดแน่น ค่อยๆ หรี่ตามองอย่างเยือกเย็น “ได้โปรดเธอหยุดดูถูกคำว่า’รัก’คำนี้ ได้ไหม?”
“ปากเธอพูดว่ารักฉัน แต่ลับหลังกลับไปมีลูกกับชายคนอื่น เธอบอกว่ารักฉัน แต่ก็นอนกับเพ้ยส้าวหลี่ เธอคิดว่าฉันไม่รู้จริงๆ เหรอ?”
เขากับเพ้ยส้าวหลี่เป็นศัตรูกันมานาน คิดว่าจะไม่มีสายสืบอยู่ฝั่งนั้นบ้างเลยเหรอ?
ไม่ว่าหานฉ่ายหลิงทำอะไร เขารู้หมดทุกเรื่อง!
“เธอกับเพ้ยส้าวหลี่สมรู้ร่วมคิดกัน วางแผนจะโค่นล้มบริษัทลี่ซื่อ วางแผนให้ฉันรู้จักซูย้าว!” ใบหน้าโหดเหี้ยมนั้น โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มือเรียวนั้นจับคางของเธอขึ้นมา นิ้วนั้นบีบแรงจนเป็นรอย ดึงให้เธอเข้ามาใกล้ข้างหน้า “เธอรู้ไหมว่าอะไรคือรัก?”
“รักคือการหวังดีกับอีกคน รักคือการเสียสละ รักคือการให้โดยไม่หวังผลอะไรตอบแทน สิ่งที่เรียกว่ารัก สิ่งนี้ศักดิ์สิทธิ์และโคตรจะบ้าบิ่น!”
“หานฉ่ายหลิง เธอใช้คำว่ารัก ตัดสินทุกอย่าง วางแผนทุกอย่าง เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ไม่สนว่าคนใกล้ตัวหรือคนที่รักจะเป็นยังไง นี่ไม่ใช่ความรัก นี่เป็นแค่ความคิดที่ผิดปกติของเธอเองทั้งนั้น!”
มือใหญ่และเย็นชาของเขาก็ตกลง แล้วผลักร่างนั้นไปข้างหลังอย่างตัดใจ
ร่างของหานฉ่ายหลิงล้มลงพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอนั่งอยู่ในท่านั้นอย่างจนตรอก แต่ก็ไม่อยากยกเลิกในตอนนี้ พร้อมกับฝืนคลานย้ายตัวมาอยู่ข้างๆ เขา “เฉินซี อย่าเป็นอย่างนี้เลย พรุ่งนี้พวกเราก็จะแต่งงานกันแล้ว ฉันทำผิดไปแล้ว ฉันไม่ดีเอง แต่เธอบอกฉันนะ ฉันเปลี่ยนได้หมดทุกอย่างเลย จริงๆ !”
เธอเงยหน้าขึ้น ร้องไห้จนใบหน้าซีดเซียว
หยกน้ำตาใสๆ นั้นค่อยๆ ร่วงหยดลงจากตา จากนั้น ก็ไหลรินผ่านใบหน้าสวยงามของเธอ
ลี่เฉินซีเหลือบสายตาเย็นชามองมาเธอ ขาเรียวยาวนั้นสะบัดออกจากมือเล็กของเธอที่จับกุมไว้ พร้อมกับเปล่งเสียงที่เย็นชา ทำลายล้างและทำให้ช็อก
“อย่าหวังเลย พรุ่งนี้จะไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้น!”
หานฉ่ายหลิงตกตะลึง ร่างทั้งร่างนั้นแข็งทื่อ
น้ำตาที่เก็บไว้ทั้งหมด ค่อยๆ ไหลพรั่งพรูออกมา ความฝันที่รอคอยมานานหลายปี ก็หายไปเพียงชั่วพริบตา ภาพนั้นที่วาดฝันไว้ก็สลายหายวับไป
สายตาเย็นชาของลี่เฉินซีมองลง รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏขึ้น “เธอคิดว่าผู้หญิงที่มีพิษร้ายแบบนี้ ฉันจะแต่งเป็นภรรยาจริงๆ เหรอ?”
คำตอบชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่หานฉ่ายหลิงยังไม่อยากจะเชื่อ ตะลึงจนคิดว่านี่เป็นเพียงแค่เพราะเขากำลังโกรธ เลยพูดเช่นนี้ออกมา ภายในใจยังมีความหวังสุดท้าย เธอไม่สนอะไรพร้อมคลายเข้ามากอดขาของเขาเอาไว้ “ไม่ เธอกำลังหลอกฉันใช่ไหม? อย่าทำแบบนี้ ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ ฉันจะปรับตัว…”
เขาส่ายหน้าอย่างหมดแรง ผลักเธอออกไปอย่างอดกลั้น “มันไม่มีพิธีแต่งงานนี้มาตั้งแต่ต้น มันเป็นเพียงวิธีที่ใช้เกลี้ยกล่อมเธอก็เท่านั้น!”
ลี่เฉินซีสืบรู้มาชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้วว่าหานฉ่ายหลิงทำอะไรไว้บ้าง หรือจะพูดได้ว่าเข้ารู้ดีทุกเรื่อง แต่มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่แน่ใจ
คือการเผชิญหน้ากับผู้หญิงมีพิษและชั่วร้ายแบบนี้ ตกลงควรจะต้องใช้วิธีแบบไหนเพื่อลงโทษเธอดี?
ถ้าหากว่าอีกฝั่งคือผู้ชาย เขาคงไม่คิดลังเลที่จะใช้วิธีการที่โหดร้ายที่สุด แต่นี่เป็นผู้หญิง…
ลี่เฉินซีเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในการจัดการด้วยวิธีที่โหดเหี้ยม แต่เขาไม่เคยใช้วิธีการนี้กับผู้หญิง แต่หานฉ่ายหลิงเป็นคนแรกที่เขาแหกกฎตัวเอง
หลังๆ นี้ หานฉ่ายหลิงยิ่งทำอะไรที่เกินไปมาก ทำให้เขาหมดความอดทน ทำยังไงถึงจะสามารถกำจัดผู้หญิงคนนี้ออกไปได้?
นั่นก็คือให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเธอ รักเธอ ดูแลเธอ ยอมรับเธอทุกอย่าง เข้าใจและให้อภัยอย่างไม่มีเงื่อนไง ให้เธอวางใจคุณ ขาดคุณไม่ได้ และรักคุณมากขึ้น ให้เธอรู้สึกโชคดีที่สุดจนถึงเวลาที่เหมาะสม ถึงบอกเธอ ว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่แผนการ แต่ทั้งหมดมันคือการหลอกลวง และคุณไม่เคยตกหลุมรักเธอเลยแม้แต่น้อย
แค่ชั่วพริบตาเดียว เหมือนจากเมฆสูงตกลงกระแทกพื้นดิน และเรื่องทั้งหมดนี้ คนที่ตัวเองรักที่สุดเป็นคนทำ
การทำลายแบบนี้ ถึงจะเรียกว่าสาสมที่สุด
ลี่เฉินซีมองไปที่เธอที่สายตาเต็มไปด้วยความผิดหวังที่สุด ถึงขนาดที่ว่ามีความเกลียดชังปนมาด้วยนิดหน่อย เขาขมวดคิ้ว มองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ
อีกไม่นาน เมื่อกระดิ่งประตูดังขึ้น
พี่เลี้ยงที่อยู่ด้านนอกก็เปิดประตูเข้ามา ประเดี๋ยวเดียว ก็มีตำรวจในเครื่องแบบสองคนเดินเข้ามาในห้องอาหาร
ลี่เฉินซีและตำรวจสองคนนั้นคุยกันอยู่สองสามประโยค หลังจากนั้นสายตาเย็นชาก็ชำเลืองมองไปพื้นข้างๆ เธอกำลังคิดอะไรผสมปนเปกันไป
ตำรวจเดินไป พร้อมกับแสดงใบเอกสาร และจับหานฉ่ายหลิงขึ้นมา “คุณหาน เนื่องจากว่าคุณตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีทำร้ายร่างกาย จ้างวานทำร้ายคนอื่น ลักพาตัวเด็ก จงใจใส่ร้ายผู้อื่น ตอนนี้จำเป็นต้องกักกุมตัว โปรดให้ความร่วมมือด้วย…”
อีกฝ่ายพูดอย่างชัดเจน แต่หานฉ่ายหลิงฟังแล้วกลับรู้สึกมึนงง สมองมีเสียงก้องดังในหัว แต่ละเรื่องทยอยไหลมาอย่างไม่ขาดสาย ร่างทั้งร่างอ่อนลงทันที ราวกับแรงทั้งหมดมีไม่พอขยับร่างกายได้ เพียงแค่มีตำรวจคอยประคองเดินออกไป
เมื่อจัดการเรื่องทางนี้ของหานฉ่ายหลิงเรียบร้อยแล้ว ลี่เฉินซีก็รู้สึกโล่งในที่ในที่สุดก็ตัดปัญหาออกไปได้สักที พร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก
พูดจริงๆ แล้ว จะบอกว่าเป็นปัญหาก็ไม่ใช่ เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สำคัญ
เพียงแต่เรื่องที่เธอทำนั้น ช่างเลวร้ายและไร้ยางอาย จนทำให้เขาทำไม่ไหว
เขาจัดการกับความคิด พร้อมทั้งเดินไปในห้องนั่งเล่น หวางอี้ก็เข้ามาพอดี พยักหน้าและทำความเคารพอยู่ข้างๆ เขา “ประธานลี่ แม้ว่าหานฉ่ายหลิงจะถูกจับตัวไปแล้ว แค่คาดว่าเธอคงไม่รับสารภาพ และอาจจะผลักทุกอย่างไปให้กัวหลิน…”
หวางอี้กังวลว่าหานฉ่ายหลิงจะเจ้าเล่ห์ และจะก่อเรื่องต่อไม่จบ
ลี่เฉินซีเงยหน้าพิงที่โซฟา ยกมือขึ้นค่อยๆ นวดคลึงหน้าผาก พร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงอ่อนลง “ทางฝั่งกัวหลิน นายจัดการแล้วหรือยัง?”
หวางอี้พูด “ผมคุยกับกัวหลินแล้วสองครั้ง ดูแล้วเธอค่อนข้างซื่อสัตย์ต่อหานฉ่ายหลิง ถ้าอยากให้เธอพูดความจริงออกมา เกรงว่าจะไม่ง่าย”
ลี่เฉินซีเข้าใจ ขมวดคิ้วแน่นไม่คลาย “แล้วบอกเรื่องนั้นกับกัวหลินหรือยัง?”
หวางอี้ส่ายหน้า “มาไม่ทัน มีพยานเกี่ยวข้องคนสำคัญที่ยังไม่ได้เชิญ และเหลืออีกแค่สองวันแล้ว!”
เขาพยักหน้าเบาๆ คิ้วขมวดพร้อมใช้สายตากวาดมองที่หวางอี้ “ผู้หญิงคนนั้นล่ะ? ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
หวางอี้ชะงัก ไม่ได้ตอบกลับพร้อมคิดไม่ออก คำที่เจ้านายพูดว่า’ผู้หญิงคนนั้น’คือใคร ครู่ใหญ่ๆ จึงคิดได้ จึงรีบพูด “ทางฝั่งคุณซูนั้นสบายดี ทนายหาเหตุผลที่จะปฏิเสธได้แล้ว ฝั่งประธานหลิน ก็จะไปออสเตรเลียวันนี้แล้วเช่นกัน”
“อือ” ใบหน้าเย็นชาของลี่เฉินซีไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็เอนตัวไปข้างหน้าลุกขึ้น พร้อมหยิบบุหรี่เดินออกไปข้างนอก คาบบุหรี่ไว้ที่ปาก พร้อมจุดไฟ และพูดออกมา “ไปโรงแรม”