บทที่ 51 คุณกำลังคิดถึงใคร
ในห้องที่ว่างเปล่าและเงียบสงบ มีหน้าต่างกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน ซูย้าวกำลังนั่งมองทิวทัศน์ที่ไกลสุดลูกหูลูกตาอยู่คนเดียวที่ขอบหน้าต่างนั้น
อากาศขมุกขมัวคล้ายว่าฝนกำลังจะตก
ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอแม่คือตอนที่เธอตั้งครรภ์ได้สามเดือน จนวันนี้เจิ้งเอ๋อก็อายุเกินร้อนวันแล้วแต่เธอยังไม่ได้ได้เจอแม่อีกเลย……
วันแล้ววันเล่า ความรู้สึกโหยหาท่วมท้นหัวใจ สภาพจิตใจซูย้าวตกต่ำ หดหู่และเศร้าหมอง
เมื่อแม่บ้านเอาผลไม้ขึ้นไปให้แล้วเห็นซูย้าวกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่เงียบๆคนเดียว ก็อดถอนหายใจไม่ได้แล้วเดินเข้าไปคุยกับเธอ “คุณผู้หญิงคะ คุณผู้หญิงมีเรื่องไม่สบายใจเหรอ!”
ซูย้าวยังคงจมอยู่ในความคิดที่เศร้าหมองของตนจนไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้ เธอไม่ทันสังเกตแม้กระทั่งแม่บ้านเดินเข้าไปอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว จนกว่าแม่บ้านจะเอ่ยปากพูดขึ้น เธอถึงจะสะดุ้งตกใจและดึงสติกลับมาได้
แม่บ้านจึงรีบขอโทษเธอ “ขอโทษนะคะคุณผู้หญิง หนูทำให้คุณผู้หญิงตกใจใช่ไหมคะ!”
เธอส่ายหัวแล้วรีบลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก และเธอทำภาพถ่ายที่กอดอยู่ในอ้อมแขนตกลงไปบนพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
เป็นภาพนี้ถ่ายเมื่อเธอยังเด็ก แม่ของเธอกอดเธอไว้และเด็กสาวตัวเล็กๆคนหนึ่งก็กอดแม่ไว้ด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน
แม่บ้านเหลือบมองไปที่ภาพนั้นและโน้มตัวลงไปเก็บมันขึ้นมาแล้วยื่นกลับไปให้ซูย้าว จากนั้นก็พูดกับเธอว่า “คุณหญิงคงคิดถึงคุณแม่อีกแล้วสินะ! ถ้าเป็นไปได้คุณหญิงกลับไปเยี่ยมท่านบ่อย ๆ ก็ดีนะคะ!”
แม่บ้านหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องเป็นห่วงนายน้อยหรอกนะคะ พวกเราจะดูแลเอง”
ซูย้าวมองไปที่แม่บ้านแล้วเห็นแววตาของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจ และคำพูดของเธอเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจจริงซึ่งปราศจากการคำดูถูกเยาะเย้ยเลยแม้แต่นิด ณ ตอนนี้เหมือนเธอได้รับความอบอุ่นทางใจจากถ่านไฟในวันที่หนาวเหน็บอีกครั้ง
เธอจึงก้มหน้าและรับภาพถ่ายนั้นมา
สิ่งที่แม่บ้านพูดก็ไม่ได้ไร้เหตุผลเลย ซูย้าวจึงคิดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายเธออดกลั้นความคิดถึงนี้ไม่ได้จึงเปลี่ยนชุดและหยิบกระเป๋าออกจากห้องไป
เจิ้งเอ๋อมีพี่เลี้ยงและแม่บ้านคอยดูแลอยู่ ถ้าเธอจะออกไปข้างนอกสักวันคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
เมื่อเข้าไปถึงบ้านตระกูลซูประตูบ้านก็ได้ปิดอยู่ และพี่เลี้ยงก็ไม่รู้ว่าไปไหนกันหมด ไม่มีใครอยู่บ้านเลย
บ้านที่ว่างเปล่าและบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ
เธอเดินเข้าไปด้านในแล้วได้ยินเสียงพูดคุยจากห้องทำงานชั้นบนอย่างคลุมเครือ รู้สึกว่าเป็นเสียงของผู้ชาย
“แหม! ฉันก็คิดว่าใครมา! ที่แท้คุณผู้หญิงลี่นี่เอง”
เสียงคมแหลมของผู้หญิงดังมาจากระยะไกลอย่างไม่เกรงใจใคร ฟังแล้วรู้สึกทะลุแก้วหูและเสียดสีมาก
ซูหยวนลงมาจากชั้นบนและบังเอิญเจอเธอพอดี
“ลมอะไรพัดคนสวยคุณผู้หญิงลี่คนนี้มาเหรอเนี่ย! ร่างกายของคุณค่อนข้างบอบบางแล้วคุณมาบ้านหลังเล็ก ๆ ของเราที่นี่ ถ้าคุณก้มจนเจ็บเอวพวกเราคงรับผิดชอบไม่ไหวนะ!”
ซูหยวนพูดจาประชดประชันและไม่มีความสุภาพเลย
หลังจากพยายามหลบสายตาอันเย็นเยือกของซูหยวนแล้ว ซูย้าวได้แต่ใช้ภาษามือเพื่อคุยกับเธอ “น้าซัวล่ะ? ฉันมีธุระมาหาแกหน่อย”
เพราะเธอสองคนเป็นพี่น้องกันและเติบโตมาด้วยกัน ดังนั้นซูหยวนจึงเข้าใจภาษามือตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้ว
เธอตะคอกอย่างเย็นชาแล้วพูดต่อว่า “จะหาแม่ฉันทำไม? ถ้ามีธุระก็คุยกับฉันที่นี่เลยสิ!”
ซูย้าวไม่ได้สนใจเธอและนั่งลงบนโซฟาแล้วทำเหมือนกำลังรอซัวฉ่ายลี่อยู่
เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ ซูหยวนก็นึกถึง ‘โครงการ CCM’ ที่ลุงเซียวเคยพูดถึง เธอจึงหันมองขึ้นไปชั้นบนแล้วตะโกนอย่างเสียงดังโดยไม่รู้ตัว “แม่! มีคนมาหา!”
เสียงตะโกนที่ดังขนาดนี้ ซัวฉ่ายลี่ที่อยู่ชั้นบนจะไม่ได้ยินได้อย่างไร
เธอจึงรีบเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว ขณะที่เดินลงบันไดเธอถามว่า “ใครมาหา?”
เมื่อเสียงพูดของเธอจบลง เธอก็เห็นซูย้าวนั่งอยู่บนโซฟา และทันทีที่ได้สบตากับซูย้าวก็รู้สึกตระหนักใจขึ้นมา
ซัวฉ่ายลี่ชะลอตัวลงแล้วค่อย ๆ เดินไปนั่งลงที่โซฟาและพูดกับเธอว่า “ย้าวย้าวกลับมาแล้วเหรอ มีธุระมาหาน้าใช่ไหม?”
ซูย้าวพยักหน้า แต่เธอยังไม่ทันพูดอะไร ฝ่ายตรงข้ามก็รีบเข้ามาจับมือเธอแล้วยิ้มพูดอย่างสนิทสนม “น้ารู้อยู่แล้วว่าย้าวย้าวของเราต้องเข้าใจเราที่สุด และจะไม่มีวันทิ้งตระกูลซูของเราไปไหนหรอก!”
“อีกอย่าง ตระกูลซูก็เป็นครอบครัวของเธอด้วย แล้วย้าวย้าวจะไม่รู้ได้ยังไงว่าการที่เราได้ดิบได้ดีแล้วจะไม่ลืมที่มาที่ไปของเรา ถ้าตระกูลซูเจริญรุ่งเรืองแล้ว ชีวิตที่อยู่ในตระกูลลี่ก็ต้องดีขึ้นด้วยเช่นกัน!”
ซัวฉ่ายลี่พยายามยิ้มอย่างอ่อนโยนเท่าที่จะทำได้ แล้วจับมือเธอไว้ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรักเหมือนดั่งแม่ลูกแท้ๆ
“สำหรับโครงการ CCM นี้ เธอช่วยคุยกับเฉินซี ให้บริษัทลี่ซื่อของเขายอมปล่อยให้บริษัทซูซื่อเถอะนะ! มันไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อบริษัทลี่ซื่อเลย! ว่ามั้ย?” ซัวฉ่ายลี่พูดด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง ราวกับว่าสัญญาของโครงการ CCM นี้ได้วางอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ซูย้าวจึงรู้สึกค่อนข้างลำบากใจ
เธอรออยู่พักหนึ่ง จนกว่าซัวฉ่ายลี่พูดจบ ถึงจะมีโอกาสอธิบายด้วยภาษามือต่อ “คุณน้าคะ หนูไม่ได้มาคุยเรื่องของโครงการ CCM นะ เรื่องของบริษัทหนูไม่เคยไปรบกวนเฉินซีเลย ถ้าทางบริษัทซูซื่อมีข้อเสนออะไรก็ให้ลุงเซียวไปคุยกับเขาที่บริษัทดีกว่า!”
ซูย้าวปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม แต่เมื่อซัวฉ่ายลี่เห็นภาษามือเธอแล้วก็เปลี่ยนสีหน้าทันที “อะไรคือไม่ไปรบกวน? เธอเป็นสะใภ้ของบริษัทลี่ซื่อไม่ใช่เหรอ? เธอไม่ใช่ภรรยาของเฉินซีเหรอ? เธอเป็นคุณหญิงของบริษัทลี่ซื่อเชียวนะ ตอนนี้ตระกูลซูต้องการให้เธอช่วยเหลือ แต่เธอกลับปฏิเสธได้ยังไง?”
ซูหยวนที่นั่งอยู่โซฟาด้านข้างก็ชักสีหน้าตามแล้วพูดแทรกว่า “นั่นสิ! ครอบครัวของตัวเองแท้ๆยังไม่ช่วยเลย เนรคุณจริงๆ”
ความโกรธของซัวฉ่ายลี่เพิ่มมากขึ้น และเธอตะคอกพูดต่อ “ถ้าไม่ได้มาคุยเรื่องนี้ แล้วเธอมาทำไม?”
ซูย้าวสีหน้าเคร่งขรึมอย่างทำอะไรไม่ถูก เธอได้แต่ใช้ภาษามือตอบ “ฉันแค่อยากจะถามคุณน้าว่าให้หนูได้เจอคุณแม่หนูหน่อยได้ไหม……”
ความจริงซัวฉ่ายลี่ก็เดาได้ก่อนหน้าที่เธอจะพูดแล้ว
ดังนั้นเธอยังไม่ทันพูดจบซัวฉ่ายลี่ก็ขัดจังหวะเธอ “ไม่มีทางหรอก! อย่าฝันไป! ลูกเนรคุณอย่างเธอยังอยากเจอแม่อยู่เหรอ?”
หลังจากหยุดไปสักพักก็ต่อว่าเธอต่อ “ถ้าตอนนี้แม่ของเธอไม่ได้ป่วยและเป็นบ้า นางคงต้องขายขี้หน้าแทนเธอแน่ที่ได้เห็นเธอเป็นแบบนี้!”
“ไม่จริงหรอกเหรอ! จะมีแบบนี้ที่ไหนกัน? หรือว่าตระกูลซูของเราไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยใช่ไหม? ถ้าเธอคิดว่าไม่เกี่ยวจริงๆ เธอเซ็นสัญญาสละมรดกทิ้งไปเลยสิ!” ซูหยวนพูดแทรกอยู่ข้างๆ
คำพูดนั้นได้เตือนซัวฉ่ายลี่อีกครั้ง “นั่นสิ ถ้าเธอยอมเซ็น บริษัทซูซื่อก็จะไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีก ไม่เพียงแค่นั้น ฉันจะคืนแม่ที่สติไม่ดีของเธอคืนให้เธอ ตกลงมั้ย?”
ซูย้าวตระหนักใจ แล้วมองสองแม่ลูกนั้นด้วยสายตาที่เคร่งเครียด
ขอแค่เธอยอมสละมรดกของบริษัทซูซื่อ แม่ของเธอก็จะได้รับความปลอดภัย เมื่อคิดดูแล้วมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอะไรเลย
แต่ว่า ถ้ายอมสละมรดกของบริษัทซูซื่อตอนนี้แล้ว บริษัทซูซื่อก็จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเซียวกรุ๊ปโดยปริยาย และคดีการตายของพ่อก็จะยืดยาวเป็นคดีถาวร และการกระทำที่ชั่วร้ายของซัวฉ่ายลี่และเซียวควน ก็จะไม่มีวันถูกเปิดเผย……
ตอนนี้เธอรู้สึกสองจิตสองใจและทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
ซัวฉ่ายลี่บอกว่า “เธอลองคิดดูดีๆนะ! ยังไงแม่ที่สติไม่ดีของเธออยู่บ้านพักคนชราในแต่ละปีก็มีค่าใช้จ่ายสูงเหมือนกัน ถ้าเธอยอมรับเงื่อนไข จากนี้เป็นต้นไปเธอกับแม่เธอก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเราอีก ถ้าแบบนี้มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเธอนะ!”
ซูย้าวมองเธอด้วยสายตาที่สั่นไหว
ในขณะนี้ ประตูห้องทำงานชั้นบนก็ถูกเปิดออก และเซียวควนกำลังจะส่งประธานจางลงมา
บริษัทโฆษณาภายใต้นามของประธานจางก็ประสบความสำเร็จในประเทศเหมือนกัน และเขาก็ได้มีการร่วมมือกับองค์กรหลายต่อหลายแห่ง ดังนั้นเซียวควนที่พยายามเข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการ CCM ด้วยมือเปล่าจึงต้องเชิญประธานจางมาให้คำปรึกษาอย่างละเอียดที่บ้าน
ชายร่างอ้วนค่อยๆก้าวลงมาจากบันไดชั้นบน ซัวฉ่ายลี่ก็ไปส่งเขาด้วยท่าทีที่อ่อนน้อม แต่สายตาของชายคนนั้นจดจ่อที่ตัวของซูย้าวด้วยความซับซ้อน
เมื่อเดินเข้าไปใกล้เธอ ประธานจางก็หยุดก้าวเดินของเขาไว้และถามว่า “คนนี้คือ……”