บทที่ 53 โกรธอีกแล้ว
ณ ตลาดประมูลหาวเกอ
ศูนย์การเงินที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ สำหรับการประมูลบ้านใหญ่ตระกูลซูได้เปิดตัวมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว แต่เมื่อเร็วๆนี้ เซียวควนประธานกรรมการของบริษัทซูซื่อได้มีการตัดสินใจที่จะเลื่อนการประมูลเข้ามาก่อนเวลากำหนด
คนส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานมักจะมาด้วยความตั้งใจที่จะชนะการประมูลและได้ที่ดินของบ้านใหญ่ตระกูลซูไปครอง เพราะว่าตำแหน่งที่ตั้งของบ้านใหญ่ตระกูลซู แม้จะอยู่ห่างจากใจกลางเมือง แต่ก็ถือว่าตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวก ด้วยการคมนาคมที่พัฒนาอย่างดีและที่สำคัญอยู่ใกล้กับเขาฝูหลิงด้วย ขอเพียงใครที่ได้เป็นเจ้าของที่ดินนี้ แล้วทำการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยและสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นมาใหม่ ก็จะสามารถทำกำไรได้อย่างมหาสารแน่นอน
ทุกคนต่างเป็นนักธุรกิจ และไม่มีใครที่ไม่เน้นผลประโยชน์ที่จะได้
ก่อนจะถึงวันประมูล ทุกคนต่างก็พูดคุยกระซิบกันถึงจำนวนเงินที่ต้องเตรียม และไม่มีใครรู้ว่าใครจะได้ที่ดินอันมีค่านี้ไปครอง
หานฉ่ายหลิงมีความสนิทสนมกับเจ้าภาพผู้จัดงานประธานเห้อ ตามคำขอของเธอคือให้การประมูลนี้ล่าช้าไปก่อน แต่จู่ๆวันนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงวันประมูลอย่างกระทันหัน ซึ่งเธอก็เพิ่งได้รับข่าวนี้มเหมือนกัน
“ฉ่ายหลิง อาไม่ได้จะผิดสัญญากับเธอนะ เพราะอาเคยรับปากเธอไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่บ้านใหญ่ตระกูลซูก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอจริงๆ และอีกอย่างประธานเซียวเป็นคนออกคำสั่งเอง อาจะทำอะไรได้ล่ะ?” ประธานเห้อพยายามอธิบายให้เธอฟัง
สีหน้า หานฉ่ายหลิงดูโกรธมาก เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกหลอกอยู่ แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามคือประธานเห้อ เธอจึงไม่สามารถระบายต่อหน้าได้
เมื่อเห็นว่าการประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เธอจึงพูดว่า “อาเห้อ ถือว่าหนูขอร้องอาแล้วล่ะ ยกเลิกการประมูลวันนี้ไปก่อนได้ไหม?”
“ยกเลิกเหรอ? จะเป็นไปได้ไง!” ประธานเห้อรับผิดชอบส่วนนี้อยู่ ถ้าหากยกเลิกกระทันหันโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ เขาต้องสูญเสียมากเท่าไหร่!
ยิ่งไปกว่านั้น การทำธุรกิจนอกจากจะหวังผลกำไรแล้วก็ต้องมีความสัตย์ซื่อด้วย การที่จะมายกเลิกการประมูลก่อนถึงเวลาเริ่มต้นเพียงไม่กี่นาทีนี้ มันถือเป็นการหาเหาใส่หัวกันชัดๆ!
หานฉ่ายหลิงกระวนกระวายมาก เธอก้มดูเวลาแล้วถือโทรศัพท์และหันเดินไปที่ระเบียงทางเดิน
เธอส่งข้อความวีแชทออกไป จากนั้นก็ไม่สามารถรอการตอบกลับของซูย้าวได้อีก ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ถูก ข้างหลังเธอก็มีคนคอยเรียกแล้ว และการประมูลก็กำลังจะเริ่มขึ้น
การประมูลที่เตรียมการมาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน แต่สุดท้ายได้สิ้นสุดลงภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที
แน่นอนว่าการประมูลก็คือผู้ที่เสนอราคาสูงที่สุดถือเป็นผู้ชนะ ซึ่งมันก็เป็นกฏทั่วไปอยู่แล้ว
แต่ผู้ชนะการประมูลครั้งนี้และได้บ้านใหญ่ตระกูลซูไปครองนั้นคือคนๆหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกๆคนอย่างสิ้นเชิง
ในเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่งของเมืองนี้ ซูย้าวกำลังเรียนการอบคุกกี้กับพี่เลี้ยงเด็กอยู่ ส่วนหนูเจิ้งเอ๋อก็กำลังเล่นกับแป้งอย่างสนุกสนานอยู่ข้างๆด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา เขาทำแป้งหกเลอะเทอะจนเปื้อนไปหมดทั้งพื้นและตัวเอง
ซูย้าวส่ายหัวแล้วอุ้มลูกขึ้นมาและเช็ดแป้งออกให้ลูกด้วยผ้าขนหนู
เจิ้งเอ๋อกอดคอเธอไว้ด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา
หลังจากการพยายามทั้งบ่ายของซูย้าวและพี่เลี้ยงเด็ก เธอทั้งสองก็ได้คุกกี้มาหลายถาด และในขณะนี้ มือเล็กๆของเจิ้งเอ๋อก็ได้เอื้อมไปจับคุกกี้ร้อนๆที่เพิ่งเอาออกจากเตาอบ เมื่อมือสัมผัสกับคุกกี้ที่ยังร้อนอยู่เขาก็รีบหดมือกลับมาทันที
แต่ยังโชคดีที่ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บ ด้วยท่าทีที่ไร้เดียงสาของตัวน้อยทำให้ทุกคนต้องอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเขาอย่างน่าเอ็นดู
มีลูกก็ดีแบบนี้นี่เอง แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆก็สามารถทำให้ทุกคนยิ้มออกมาได้
หลังจากอบขนมกันเสร็จ พี่เลี้ยงและแม่บ้านก็เตรียมจะกินมื้อเย็นกัน ซูย้าวได้อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นไปชั้นบนด้วยคราบสกปรกทั้งตัว ดังนั้นเธอคิดว่าควรอาบน้ำให้ลูกก่อน
สิบนาทีหลังจากที่เธอขึ้นไปชั้นบน เสียงเปิดประตูชั้นล่างดัง‘พรึบ’ ขึ้น
ลี่เฉินซีเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าหล่อเหลาและเย็นชา
ด้วยบุคคลิกที่มาดเข้มและน่าเกรงขาม ทำให้พี่เลี้ยงและแม่บ้านต่างก็รู้สึกสังหรณ์ใจ และไม่กล้าเดินออกมาจากห้องครัวเลย ได้แต่แอบมองเจ้านายเดินขึ้นไปชั้นบน
ประตูห้องนอนขนาดใหญ่ถูกเปิดออก ลี่เฉินซียืนอยู่หน้าประตูแล้วกวาดสายตามองไปทั่วห้องและไม่เห็นใคร
ขณะที่เขากำลังจะเดินออกไปก็ได้ยินเสียงเบาๆที่ส่งออกมาจากด้านในห้องน้ำ
เมื่อประตูบานเลื่อนถูกเปิดออก ก็เห็นซูย้าวอุ้มลูกที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่เช็ดตัวให้ลูกอยู่
เด็กน้อยไม่ได้อยู่นิ่งเฉยเลย เมื่อซูย้าวถูกลี่เฉินซีที่ยืนอยู่หน้าประตูดึงดูดความสนใจ และไม่ทันได้สังเกต เจิ้งเอ๋อก็ได้มุดไปข้างหลังแม่แล้วคลานไปมาอยู่ที่พื้นด้วยความซุกซน
ซูย้าวจึงรีบเอนตัวไปคว้าตัวน้อยมาอุ้มไว้แล้วสวมชุดคลุมและใส่ผ้าอ้อมให้เด็ก จากนั้นก็ใช้ครีมบำรุงผิวบางๆทางที่ใบหน้าเล็กๆของเจ้าตัวน้อย
หลังจากที่ทำเสร็จทุกอย่างแล้วเธอก็อุ้มลูกออกมาจากห้องน้ำ
แต่ความสนใจของเจ้าตัวเล็กนั้นถูกดึงดูดโดยลี่เฉินซี มือเล็ก ๆ ของเด็กเอื้อมไปที่ตัวเขาแล้วพูดพึมพำตามประสาเด็ก
เจิ้งเอ๋อนั้นยังเด็กและยังไม่สามารถพูดได้
แม้กระทั่งเดินก็ยังไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ เขาสามารถเดินเองได้แต่เดินได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
พูดได้ว่าลูกของเขานั้นยังเด็กเกินไป
ลี่เฉินซีสีหน้ามืดมนและสายตาเขายังคงจดจ่อที่ตัวของซูย้าวแทบจะไม่ได้สังเกตถึงการเครื่องไหวของลูกชายเลย
เพราะผู้หญิงตรงหน้าเขาเพิ่งอาบน้ำให้ลูกเสร็จ ด้วยการที่เธอใส่ชุดเสื้อยืดสีขาวบางๆและเมื่อเสื้อสีขาวเปียกน้ำก็จะเกาะติดกับส่วนโค้งเว้าจนเห็นเรือนร่างที่งดงามของเธอได้อย่างชัดเจน จึงทำให้เธอในตอนนี้ดูเซ็กซี่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้
แต่ในสายตาของลี่เฉินซีกลับมีแสงเย็นยะเยือกปกคลุม ซึ่งตอนนี้เขาไม่สามารถมองเห็นเสน่ห์บนเรือนร่างของเธอได้ เพราะนัยน์ตาของเขาตอนนี้มีเพียงความหงุดหงิดครอบงำอยู่
แม้ซูย้าวจะสังเกตเห็นสีหน้าเขาไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่รู้เพราะสาเหตุใดและไม่คิดว่าเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เธออุ้มเจิ้งเอ๋อเดินผ่านเขาไป เจ้าตัวน้อยยังคงดิ้นรนอยู่และในที่สุดก็ได้วางลูกลงที่เตียง จากนั้นเธอลูบหัวเขาเบาๆแล้วนำตุ๊กตาหมีให้เขาเล่น
เจิ้งเอ๋อไม่ได้ชอบตุ๊กตาหมีมากนัก ซูย้าวจึงต้องพาเขากลับไปที่ห้องเด็กอีกครั้ง เพราะที่ห้องนั้นจะมีของเล่นมากกว่า
หลังจากที่เธอกลับมาห้องอีกครั้ง ก็ยังเห็นลี่เฉินซียังอยู่ในห้องด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เย็นชามาก
ซูย้าวเดินอ้อมเขาไปอีกรอบแล้วเหลือบมองไปดูโทรศัพท์ที่กำลังชาร์จแบตอยู่บนโต๊ะและได้เห็นไฟกระพริบแจ้งเตือนอย่างไม่หยุด
เมื่อเธอเปิดดูโทรศัพท์ก็ได้เห็นข้อความเข้ามาหลายข้อความ
ซึ่งข้อความทั้งหมดนั้นมาจากหานฉ่ายหลิงคนเดียว
“ซูย้าว การประมูลบ้านใหญ่ตระกูลซูได้เลื่อนเวลามาก่อนกำหนดแล้วนะ ขอโทษด้วยที่ฉันเคยรับปากเธอว่าจะช่วยรักษาบ้านใหญ่ตระกูลซูไว้ แล้วเรื่องเงินเธอคุยกับเฉินซีแล้วหรือยัง?”
“ถ้าได้รับข้อความเธอรีบตอบกลับฉันด่วนนะ เพราะการประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว สรุปเรื่องเงินทุนจะเอายังไง?”
เธอเพิ่งได้เปิดอ่านข้อความของ หานฉ่ายหลิงตอนนี้
บ้านใหญ่ตระกูลซูกำลังจะถูกประมูล เมื่อเธอดูเวลาที่ได้รับข้อความนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าและตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาถึงสี่โมงเย็นแล้ว!
เธอรู้สึกใจไม่ดีเลย จากนั้นหันกลับมามองลี่เฉินซีด้วยสายตาที่กังวล แล้วเธอรีบหยิบมือถือขึ้นมาเขียนข้อความโดยเร็วที่สุด แต่ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นของเธอนั้น ทำให้เธอพิมพ์ข้อความผิดไปหลายคำ
ทันใดนั้น ก็มีแรงกระชากเข้ามา ทำให้มือถือของเธอกระพือปีกเหมือนกระดาษใบหนึ่ง ลี่เฉินซีเข้ามาชักโทรศัพท์ของเธอและโยนไปที่โซฟาข้างๆ
สายตาอันเย็นเยือกของชายคนนั้นโอบล้อมเธอด้วยดวงตาที่เย็นชา เขาก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวและทำให้ซูย้าวต้องตกใจมึนงง เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจและค่อยๆเดินถอยหลังไป
หลังจากนั้นเธอก็ถูกบีบเข้ามุมและต้องตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ชายคนนั้นเอนตัวลงโดยใช้หน้าอกของเขากดทับเธอไว้ที่กำแพงเหมือนภูเขาที่กำลังจะวางทับเธอ ดูเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบ แต่ความเย็นชาที่ละเอียดอ่อนในนั้นมีเพียงซูย้าว เท่านั้นที่เข้าใจ
“คุณอยากบอกผมเรื่องของบ้านใหญ่ตระกูลซูใช่ไหม?” ลี่เฉินซีโน้มตัวลงเล็กน้อยแล้วพูดด้วยเสียงที่แหบพร่าอย่างมีเสน่ห์