ซูย้าวผงะไปครู่หนึ่งและตกตะลึง
จู่ ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งคว้าแขนเธอ คว้าขวดยาที่อยู่ในมือของเธออย่างแม่นยำ แล้วดึงประตูรถออก ชายหนุ่มเอนตัวลงแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ วินาทีถัดมา เธอเพียงรู้สึกเบา ๆ แล้วล้มลงเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
ลี่เฉินซีกอดเธอจากด้านข้าง หันตัวแล้วอุ้มเธอเข้าไปในที่นั่งด้านหลังของรถMaybach
จากนั้น เขาก็อ้อมไปที่นั่งคนขับ และส่งสายตาให้หวางอี้ขับรถของซูย้าวกลับไป ตนเองกับเขาสลับที่ เข้านั่งที่นั่งคนขับ
เบรกมือ เข้าเกียร์ เหยียบคันเร่ง ทั้งหมดในครั้งเดียว
เมื่อเห็นรถออกตัว “บรืน” ซูย้าวคิดจะหยุดเขา แต่ด้วยสภาพร่างกายเธอในตอนนี้ อย่าว่าแต่ขวางเขาไว้เลย แค่ให้เธอมีแรงยังยากเลย
เธอนั่งเป็นอัมพาตอยู่ที่เบาะหลัง ดวงตาที่ว่างเปล่าของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อนและมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ตรงที่นั่งหลังพวงมาลัย สู้บอกว่าเธอกำลังมองไปที่ขวดยาสีขาวที่ถูกเขาโยนไว้ด้านข้างมากกว่า
ซูย้าวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า บนโลกนี้จะมีของประเภทนี้อยู่ ของที่ทำให้เธอบ้าคลั่งเช่นนี้ จนเธอแทบอยากจะกระโจนเข้าใส่มันในทันที
แค่เม็ดเดียว เพียงเม็ดเดียวก็พอแล้ว
มันก็สามารถหยุดความรู้สึกนี้ในร่างกายเธอได้ ความบ้าคลั่งนี้ ความเจ็บปวดนี้ อาการแปลกๆ แบบนี้!
เธอพยายามจะอดทนกับปฏิกิริยาที่รุนแรงนี้และขยับตัว แต่ก่อนที่เธอจะขยับตัว และยื่นมือออกไปอย่างที่ใจคิด ก็ถูกเสียงอันเย็นชาของชายคนนั้นห้ามไว้——
“อยู่ตรงนั้นดีๆ ถ้าเธอยังดิ้นไปมาอีก มาดูกันว่าฉันจะจัดการกับเธอยังไง!”
มันหนัก หนาวเหน็บและชัดเจนราวกับชั้นน้ำแข็งหลายชั้นที่สุดแสนจะอันตราย
แม้แต่ลมหายใจที่ออกมาจากตัวผู้ชายคนนั้นก็ยังหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
แต่ในตอนนี้ สำหรับซูย้าวแล้วกลับไม่ได้ระงับอะไรได้เลย เธอไม่มีแรงกำลังและสติที่จะคิดถึงเรื่องนี้ เธอสับสนไปหมดและถูกความรู้สึกภายในร่างกายโจมตี เข้าครอบครองสติสุดท้ายที่เหลืออยู่
เธอเพิกเฉยต่อคำเตือนของชายหนุ่มและฮึดสู้อย่างเด็ดเดี่ยวแล้วเขยิบตัวเข้าไปและเอื้อมมือออกไปพยายามจะหยิบขวดยานั้น กลับถูกลี่เฉินซีจับข้อมือของเธอไว้
เขาไม่ได้ใช้แรงมาก ถึงแม้ว่าใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาจะบึ้งตึงจนถึงขีดสุดแล้ว แต่ก็ยังคงควบคุมตัวเองไม่อยากจะทำร้ายเธอ ทำได้เพียงกุมมือเธอเอาไว้ ไม่ให้เธอดิ้นไปมา “ฉันบอกแล้วนะ อย่าดิ้น!”
ซูย้าวดิ้นรนขัดขืน ที่ผ่านมาเธอรู้อยู่แล้วว่าไม่มีแรงจะเอาชนะเขาได้ แล้วยิ่งเมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมของฤทธิ์ยาด้วยแล้ว ลมหายใจรวยรินและมีแรงเหลือเพียงน้อยนิด แล้วจะต่อสู้ดิ้นรนได้อย่างไร
แต่เพียงครู่เดียว เธอก็พ่ายแพ้ ลี่เฉินซีก็ปล่อยมือ ทำให้เธอล้ม “ฟุบ” ลงที่นั่งด้านหลังคนขับทันที
ลี่เฉินซีปรายตามองที่กระจกมองหลังเห็นใบหน้าเธอซีดขาวไม่มีเลือดฝาดของเธออีกทั้งยังตัวสั่นงันงก เขากัดฟันแน่นแล้วเหยียบคันเร่งจนมิดแล้วขับตรงออกไปยังชานเมือง
ในที่สุดก็เลือกถนนสายที่ค่อนข้างลับตาและหลังจากจอดเทียบข้างแล้ว ชายหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยในทันทีและลงจากรถ เขาอ้อมไปแล้วก้มตัวไปที่เบาะหลัง
เขายื่นมือออกมาและสวมกอดเธอไว้และรับรู้ได้ว่าหญิงสาวในอ้อมกอดนั้นยังตัวสั่น ไม่ใช่ด้วยความขี้ขลาด ไม่ใช่ด้วยความหวาดกลัว แต่มันเป็นผลจากฤทธิ์ของยาหลังจากเข้าควบคุมตัวเธอแล้ว
เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขาและเงยหน้าที่ไร้เลือดฝาดของเธอ และขยับริมฝีปากที่สั่นเทาไม่หยุด เสียงที่แหบพร่าของเธอฟังดูสับสนกว่าปกติ “อะ…เอายาให้ฉัน…”
ลี่เฉินซีหลับตาลงอย่างเจ็บปวดแล้วกอดเธอแน่น กดกรามอันละเอียดอ่อนของเขากับหน้าผากของเธอแล้วพูดเบา ๆ “ไม่ได้ ห้ามกินยานั่นแล้ว!”
เห็นชัด ๆ ว่ามันไม่ใช่ของดีอะไรเลย หากว่ากินมันเข้าไปก็มีแต่จะทำให้สถานการณ์มันแย่ไปกว่าเดิม
สิ่งที่เธอต้องการตอนนี้คือการถอนยาและเลิกยานี้ให้ขาด!
เขากอดเธอและลูบแก้มเธอแล้วพูดเบาๆ “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะอยู่กับเธอ ซูย้าว เลิกยาซะ เด็กดี อดทนอีกนิดแล้วทุกอย่างนะไม่เป็นไร!”
ทำไมเธอจะไม่อยากเลิกยาล่ะ?
แต่ทุกครั้งที่มีความคิดนี้ สุดท้ายก็ถูกโจมตีด้วยความรู้สึกที่รุนแรงของมัน สุดท้ายก็เหมือนกับมีผีห่าซาตานในตัวเธอต้องให้ไปหยิบยามากินอยู่ร่ำไป
ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว
จากเดิมที่กัวหลินสั่งไว้ว่าให้กินวันละเม็ด แต่จนถึงตอนนี้ ด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่ของเธอ ทำให้ความรู้สึกนั้นยิ่งหนักหนาขึ้น เธอจึงเริ่มกินยานั้นวันละหลายเม็ด!
อาการแบบนี้และปฏิกิริยาแบบนี้ มันไม่ปกติเลย เหตุใดซูย้าวจะไม่รู้ แต่ถ้าหากหักดิบกลางคัน จะเลิกอย่างไร มันก็เป็นเรื่องที่ยากเหมือนกัน!
ลี่ฉฺนซีกอดเธอไว้แล้วกล่อมเบา ๆ “อดทนให้ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ ต่อไปก็จะไม่เป็นไรแล้วนะ”
ในระหว่างทางที่เดินทางมา เขาได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้แล้ว ยาชนิดนี้มีความอันตรายสูงมากจริง ดังนั้นจึงได้ห้ามใช้ หลังจากใช้ไปครั้งแรกแล้วจะมีระยะฟักตัวอยู่หลายวัน หากได้รับการรักษาทันท่วงทีก็จะได้ผลดีมาก
แต่เห็นได้ชัดว่าซูย้าวได้พลาดช่วงเวลานั้นไปแล้ว
แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ได้กำชับไว้ว่าเพราะเธอยังใช้ยาในปริมาณที่น้อย ดังนั้นหากคิดจะเลิกยาก็สามารถทำได้ง่าย ขอเพียงอดทนให้ผ่านช่วงแรกไปได้ จากนั้นหากได้รับการรักษาร่วมด้วย ภายในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนก็จะสามารถรักษาให้หายขาดได้
แต่ที่เรียกว่ารักษาหายขาด ก็เป็นเพียงการทำให้เธอไม่อยู่ในฤทธิ์ของยาและสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป
ไม่ให้เธอมีอารมณ์แปรปรวนหรือการกระตุ้น และพฤติกรรมที่ผิดปกติเล็กน้อยอาจทำให้เธอปลุกจิตใต้สำนึกในทันทีว่าต้องพึ่งพายาประเภทนั้น
จะพูดไปแล้ว ก็เหมือนกับว่าต่อจากนี้ไป เธอจะเหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องที่ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่สามารถจะเกิดอารมณ์แปรปรวนได้ และไม่สามารถจะเกิดความคิดสับสน ต้องใช้ชีวิตในทุกวันให้เรียบง่ายและธรรมดาที่สุด
ยืนหยัดไม่ให้มันเกิดขึ้นสักสองสามปี เช่นนั้นจึงจะเรียกได้ว่าปกติอย่างแท้จริง
ลี่เฉินซีกุมมือเธอไว้และพยายามควบคุมอาการสั่นที่ไม่ปกติของร่างกายของเธอ “เด็กดี ฉันจะอยู่กับเธอตลอดเวลา ฉันรู้ว่ามันยากมาก เธอเองก็ทุกข์ทรมาน แต่ว่าอดทนหน่อยเถอะนะ ซูย้าว เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาตลอดนี่นา ใช่ไหม?”
เมื่อก่อนเคยเกิดเรื่องราวมาตั้งมากมาย เธอยังยืนหยัดผ่านมาได้เลยไม่ใช่เหรอ?
ในหัวของซูย้าวสับสนไปหมด ตัวเธอที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดเช่นนี้ ไม่มีสติมากพอที่จะคิดถึงสิ่งที่เขาพูดแล้ว เธอได้แต่ตัวสั่นและแม้แต่การหายใจของเธอก็เริ่มไม่คงที่ ลมหายใจที่รุนแรงเดี๋ยวก็รุนแรงเดี๋ยวก็ช้าลง “ฉัน ฉันทนไม่ไหว…ให้ฉันเถอะ…”
“ไม่ได้!” น้ำเสียงของสี่เฉินซีไม่ดังมากนักแต่กลับหนักแน่นกว่าทุกที
แต่ทันทีที่พูดออกไปเพียงไม่นาน ก็เห็นเธอที่อยู่อ้อมกอดของตนเองนั้นมีสีหน้าปั่นป่วนแบบนี้ จนแทบจะดิ้นทุรนทุราย ดังนั้นทุกปฏิกิริยาที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา ทำให้เขาเจ็บปวดจนมีสีหน้าหนักอึ้งในทันที
หัวใจดวงนั้น ทุกลมหายใจไม่มั่นคงของเธอ แนบชิดกันราวกับถูกบางสิ่งจับอย่างแรง มันเจ็บเหมือนมีดเฉือน
เขารู้ เธอเคยทนทุกข์มาเพื่อเขามากมาย
เมื่อเทียบกับชีวิตของคนอื่นแล้ว มันช่างราบรื่น แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่เกิดมาก็ประสบพบเจอเรื่องมากมาย เกินกว่าทุกคนจะรับและทนได้!
เขาไม่ควรจะต้องบังคับให้เธอต้องทำอะไรอีกต่อไปเลยในตอนนี้ แต่ยานี้…ถ้าหากยังให้เธอใช้ต่อไป ไม่เพียงแต่ชีวิตนี้จะถูกทำลายแล้ว ตัวเธอเองก็จะต้องจบเห่ไปด้วย!
“ซูย้าว ฟังฉันให้ดี” เขาใช้มือหนึ่งเชิดคางเธอขึ้นและบังคับให้เธอหันหน้าเข้าหาเขา ดวงตาที่สะลึมสะลือและแทบจะแดงก่ำ จ้องมองตนเองอย่างไร้จุดโฟกัส ชายหนุ่มขมวดคิ้วทันใดและพูด “ฉันไม่ต้องการให้เธอเป็นแบบนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะยากแค่ไหน เพื่อฉัน เลิกมันซะ ได้ไหม?”
“ซูย้าว พวกเรายังมีหนทางอีกไกลในวันข้างหน้า ฉันจะไม่มีทางให้เธอต้องได้รับความไม่ยุติธรรมแม้แต่น้อยนิด ไม่ให้เธอต้องลำบากอีก แต่ครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย ทำเพื่อฉันอีกครั้ง เลิกมัน พอผ่านครั้งนี้ไป ฉันจะต้องหาเด็กนั่นให้เจอ จากนั้นพวกเราทั้งครอบครัวจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า และไม่แยกจากกันตลอดไป!”
ซูย้าวไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะจะคิดอะไรได้แล้วจริงๆ ในหัวเธอสับสนปนเปเหมือนโจ๊กหม้อใหญ่ที่ระเบิด มันสับสนไปหมด แม้แต่คำพูดทุกคำและเสียงที่เขาพูด ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่สำหรับเธอ มันเหมือนคำพูดที่ล่องลอยในหุบเขาที่ว่างเปล่า เหมือนมันมาจากอีกโลกหนึ่ง
มีเพียงคำพูดคำพูดเดียวที่ทำให้แววตาที่แตกพล่านของซูเหยาเปลี่ยนไปช้า ๆ “เด็กคนนั้น…”