ในเวลานี้ เมื่อได้ยินลูกในไส้ตัวเองพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา หัวใจของซูย้าว ราวกับถูกศรธนูนับพันปักเข้าที่หัวใจ เจ็บเหมือนถูกมีดกรีด เธอกลั้นความโศกเศร้าในใจ สูดลมหายใจลึกๆ “มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้”
ทันใดนั้นดวงตาลี่เจิ้งลุกวาว และมองไปที่เธอ
ซูย้าวมองดูเขา ด้วยสายตาที่อดกลั้นเกินไปจนน้ำตาเอ่อล้นเต็มดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ แต่ฝืนพูดว่า“อนาคตต่อไป ฉันจะไม่จากหนูไปอีกแล้ว เจิ้งเอ๋อ หนูยังเล็ก หนี้ความรักของแม่ที่แม่ติดค้างหนู จะชดใช้คืนให้ช้าๆในอนาคตข้างหน้า ”
“สำหรับซีซี เธอเป็นน้องสาวแท้ๆของหนู ไม่ว่าหนูจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม แต่มันเป็นเรื่องจริง”
เธอรู้ว่า เรื่องบางเรื่อง มันเป็นเรื่องปกติที่ลูกยังยอมรับไม่ได้ในเวลานี้
แต่เธอก็ไม่ต้องการทำให้เด็กมีความผิดปรกติทางจิตใจและเข้าใจผิด เพราะว่าการเอาอกเอาใจและตามใจเกินไป
“หนูกับซีซีเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน เธอเหมือนกับหนู มีเลือดไหลเวียนอยู่ในร่างกายเหมือนกัน หนูไม่ยอมรับฉันได้ และก็เกลียดฉันโกรธฉันโทษฉันได้ แต่ซีซีไม่รู้เรื่องด้วย เจิ้งเอ๋อ แม่สามารถยอมให้หนูทำอะไรกับแม่ก็ได้ แต่อย่าทำร้ายน้องสาวของหนู ”
หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วเธอก็พูดต่อว่า“แล้ว หนูเป็นลูกคนแรกของฉัน และก็เป็นหลานคนโตของตระกูลลี่ และยิ่งเป็นพี่ชายของซีซีกับเตียวเตียว หนูอายุแปดขวบแล้ว เป็นเด็กโตแล้ว หลายเรื่อง หนูจำเป็นต้องใช้เวลามากกว่านี้ถึงจะสามารถเข้าใจและซึมซับได้ ไม่เป็นไร แต่อย่ารั้นต่อไปเลย ”
หลังจากที่เธอพูดจบแล้วคิดจะเดินจากไป แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวขาออก ลี่เจิ้งก็กระแทกน้ำเสียงเยือกเย็นออกมา
“นี่คุณกำลังเตือนผมหรือ”
ลี่เจิ้งนั้นอายุยังไม่มาก แต่อาจจะเป็นเพราะในกระดูกได้รับยีนพันธุกรรมที่ดีตั้งแต่เกิด จึงทำให้ท่าทางการพูดการจา แม้กระทั่งทุกสายตา ล้วนมีรูปลักษณ์และร่องรอยราวกับลี่เฉินซีตัวเป็นๆ
เหมือนกันมาก
แม้แต่ตอนที่หันมามองเธอ เปลวไฟที่พุ่งออกมาจากในตาและร่องรอยความเย็นชาที่หว่างคิ้ว ก็เหมือนกันทุกประการ
ซูย้าวฝืนทนกับหัวใจที่สั่นเทาเล็กน้อย แล้วหันกลับไปมองดูลูก ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา ลี่เจิ้งก็พูดขึ้นว่า“คุณคิดว่าผมกำลังดื้อรั้นเอาแต่ใจ กำลังล้อเล่นหรือ”
“คุณคิดผิดแล้ว ผมเพียงแค่รำคาญคุณ รำคาญเด็กคนนั้นที่คุณเกิดมาก็เท่านั้นเอง ซูย้าว ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอีก หรือว่าอธิบายอะไรอีก ผมก็จะไม่เชื่ออีกแล้ว หากคุณหวังดีกับผมจริง ก็ไปจากที่นี่ซะ”
ลี่เจิ้งหันหลังกลับไปโดยสิ้นเชิง หมุนรถเข็นโดยหันหลังให้เธอ“พาเด็กคนนั้นที่คุณให้กำเนิดมา ไปจากที่นี่ ไปจากพ่อของผม ไปจากเราพ่อลูกไกลๆ เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่คุณจากไปแล้ว ยังสร้างความเสียใจให้เราพ่อลูกไม่พออีกหรือ ตอนนี้ยังจะกลับมาหาเรื่องพวกเราอีก คุณยังมีมโนธรรมอยู่หรือเปล่า ขอเพียงแค่เป็นคน จะไม่ทำเรื่องวิปริตแบบนี้หรอก”
“การจากไป ก็คือวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา”
ซูย้าวมองดูเขา แผ่นหลังน้อยๆที่ดื้อรั้นเข้าไปอยู่ลึกๆในหัวใจเธอ ทิ่มแทงหัวใจเธอ เจ็บจนเกินจะทนไหว เธอเก็บทุกอารมณ์ไว้ ไม่พูดอะไร เดินตรงดิ่งออกไปจากห้องนอน
ลูกยังเด็กอยู่ ยังไม่อาจจะเข้าใจและยอมรับได้ ก็อยู่ในเหตุผล ค่อยเป็นค่อยไป สักวัน เจิ้งเอ๋อจะเข้าใจเอง…..
เธอพูดปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปลอบโยนตัวเองอย่างนี้รอบแล้วรอบเล่า และเดินลงบันไดไปอย่างเร่งรีบ แต่ที่บันไดวน เธอละเลยผู้ชายที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆไป จู่ๆผู้ชายยื่นมือออกมา ดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดทันที จนทำให้เธอตกใจมาก
ซูย้าวเกือบจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่ลี่เฉินซีก้มตัวลง ริมฝีปากบางผนึกริมฝีปากเธอไว้ เสียงที่ยังไม่ทันได้อุทานออกมาก็ถูกปิดกลับเข้าไป
เธอตกตะลึง รู้สึกว่าอากาศในลำคอถูกดูดจนแห้ง ถึงได้สติคืนมา ดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา ดึงมือเขาออก “อย่าทำเช่นนี้ เผื่อเด็กๆเห็นเข้า…….”
ลี่เฉินซีไม่มีอารมณ์ใดๆ เพียงแต่ดวงตาสีดำเข้มนั้นจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ แล้วยกมือขึ้นไปเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าเธอ
“ร้องไห้หรือ”
เธอก้มหน้าเม้นริมฝีปากไว้ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ชายหนุ่มโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง แล้วปลอบด้วยเสียงอ่อนโยนว่า“เจิ้งเอ๋อทำให้คุณโกรธอีกแล้วใช่ไหม”
เธอส่ายหัว “อย่าโทษลูกเลย ฉันผิดเอง”
ลี่เฉินซีเอนกายมองดูเธอ หอมไปที่แก้มของเธอเบาๆ “คุณไม่ได้ทำผิดอะไร หากจะพูดว่าผิด ก็เป็นความผิดของผม…….”
คือสิ่งที่เขาทำทั้งหมดเมื่อห้าปีก่อน ทำให้เธอจากไป
ในตอนนั้น ซูย้าวทำอะไรไม่ได้ ต้องทนเจ็บปวดกับการสูญเสียสิทธิในการอุปการะเลี้ยงดูลูกไป ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ ก็คือการหลบหนี หลบซ่อนไปไกลๆ……..
ซูย้าวหลบหน้า“ใช่ มันเป็นความผิดของคุณ ทำให้ตอนนี้ลูกไม่สนใจฉัน และยังขุ่นเคืองใจและเกลียดฉัน ลี่เฉินซี ทำไมคุณถึงได้สารเลวเช่นนั้น”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ เสียงหัวเราะที่เจิดจ้า บนใบหน้าที่โค้งมนและหล่อเหลานั้นช่างงดงามและเจิดจรัสเป็นพิเศษ เขายื่นมือออกมาเชยคางเธอไว้ จงใจใช้น้ำเสียงขี้โกง กล่าวเรียบๆว่า“ใช่ คุณว่าทำไมผมถึงเลวขนาดนี้ ในตอนนั้นถึงปล่อยผู้หญิงดีๆเช่นคุณไว้ไม่เอา ยังให้คุณหนีไปตั้งห้าปี……..”
เขาลากเสียงยาว ทันใดนั้น ใช้แรงอุ้มคนในอ้อมกอดขึ้นมาทันที
ซูย้าวรู้สึกร่างกายเวิ้งว้างลอยอยู่ในอากาศ จิตใต้สำนึกทำให้ยกมือขึ้นโอบคอเขาไว้ แล้วดิ้นรนขัดขืนเสียงเบา“ปล่อยฉันลงมา หยุดได้แล้ว ”
ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับเขา ทุกคำพูดของเจิ้งเอ๋อเมื่อกี้นี้ เหมือนเข็มทิ่มไปที่ใจเธออย่างแรงๆ
ลี่เฉินซีไม่ปล่อยเธอลงมาอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากเกินเลยอีก เพียงแต่อุ้มเธอเดินลงข้างล่างไป
เมื่อวางคนลงบนโซฟา ร่างกายสูงใหญ่ทิ้งน้ำหนักไปที่ตัวเธอ จงใจครอบงำเธอไว้ใต้เงาตัวเอง “ทางด้านเจิ้งเอ๋อ ผมจะค่อยๆคุยกับเขา อย่าใจร้อน ผมจะจัดการให้ดีเอง”
เธอส่ายหัว มือน้อยๆที่ขัดขืนผลักไปที่หน้าอกของเขาอยู่ตลอดเวลา “ที่นี่เป็นห้องรับแขก เผื่อเด็กๆเห็นเข้าจะไม่ดี อย่าทำอะไรบ้าๆ”
ชายหนุ่มไม่ขยับเขยื้อน ร่างกายที่สูงใหญ่และตัวตรง เหมือนดั่งภูเขาโอบล้อมเธอไว้ มือที่อยู่ไม่เป็นสุขลูบไปมาอยู่ที่เอวของเธอ
“เห็นแล้วจะทำอะไรได้ ล้วนเป็นลูกของผม จะทำน้องชายหรือน้องสาวให้พวกเขาอีกคน ไม่ใช่ยิ่งดีหรือ ”
ซูย้าวเลิกคิ้ว กระชับมือแน่นขึ้นโดยไม่ลังเล แล้วผลักผู้ชายออกไปทันที “วันๆคุณคิดอะไรอยู่”
เธอรู้สึกสงสัยกับความคิดของผู้ชายคนนี้จริงๆ
“สภาพร่างกายของฉันในตอนนี้ บวกกับเรื่องของทางด้านเจิ้งเอ๋อ และยังมีลูกคนนั้นที่ยังหาไม่เจอ หลายเรื่องล้วนยังไม่ได้รับการแก้ไข ยังคิดจะมีลูกอีกคนหรือ คุณไปทำเองเหอะ”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆซ้ำๆ ยิ่งไปกว่านั้น เธอจำได้ว่าตัวเองยังไม่ได้บอกว่าจะคืนดีกับเขาเลย ทำไมเขาถึงคิดอย่างมั่นใจว่า เธอจะยังสามารถมีลูกให้เขาได้อีก
มีกี่คนคือมีมาก
มีลูกสามคนแล้ว ตอนนี้คนที่เป็นเด็กดีที่สุดก็เหลือเพียงซีซีคนเดียวเท่านั้นแล้ว
คนหนึ่งงอนเธอ คนหนึ่งพลัดพรากหายไปแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ ยังคิดจะมีลูก ซูย้าวอยากจะหาไม้กระบอง ทุบไปที่หัวสมองของชายคนนี้ให้แตกไป แล้วดูว่าในหัวสมองของเขาวันๆคิดอะไรบ้าง
ลี่เฉินซีนั้นมีปฏิกิริยาแตกต่างจากเธอ ใบหน้าหล่อเหลานั้นสงบนิ่ง แล้วยังลุกขึ้นครอบงำเธออีกครั้ง จงใจเลิกคิ้ว และมือเรียวยาวก็ลูบไปที่ต้นคอของเธอ แล้วค่อยๆ โน้มตัวลงตามคำที่เปล่งเสียงออกมาจากปาก
“ให้ไปคลอดเอง อย่าล้อเล่นซิ เรื่องท้องเองคลอดเอง ผมทำไม่ได้หรอก”
น้ำเสียงที่จริงจังของเขา คำพูดที่ร้ายกาจเปล่งออกมาจากปาก สีหน้าที่ไร้เดียงสา และสายตาที่จริงใจ ทำให้ความสามารถในการคิดของหัวสมองซูย้าวหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง เพียงแค่จ้องมองดูเขาอยู่นิ่งๆก็เท่านั้น
“เชื่อฟังบ้าง ผมจะไม่ทำอะไร เพียงแค่ตรวจเช็กดูว่าคุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง………”
ขณะที่เขาพูด ก็ค่อยๆโน้มตัวลงไป นิ้วมือของเขาจุดประกายไฟด้วยการลูบไล้ตามสัดส่วนโค้งเว้าของเธอกระดึ๊บไปทีละนิ้วทั่วทุกหนแห่ง ซูย้าวเม้นริมฝีปาก กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินน้ำเสียงเล็กๆกังวานแว่วเข้าหูจากไกลเข้ามาใกล้
“คุณแม่”
ซูย้าวตกใจ โผล่หัวออกมาจากโซฟา ก็มองเห็นซีซีวิ่งเหยาะๆลงมาจากชั้นบน บนใบหน้าที่หายใจหอบ ราวกับได้รับความคับข้องใจอย่างมาก“คุณแม่……”
เธอแกมวิ่งแกมพุ่งเข้ามา โผเข้าไปในอ้อมกอดซูย้าวโดยตรง ลูกก็ไม่ได้สนใจลี่เฉินซีที่อยู่ข้างๆ กอดคอแม่ไว้แน่นๆ พูดด้วยเสียงสำลักสะอื้นไห้“พี่ชายเป็นพี่ชายของหนูจริงๆหรือ เป็นพี่ชายแท้ๆหรือ”
ซีซีดูดขี้มูกไปมา “หากเป็นพี่ชายจริงๆ ทำไมเขาถึงรังแกหนู แล้วยังพูดว่าหนูเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง ให้หนูออกไป…….”