เด็กห้าขวบ พิงอยู่ในอ้อมกอดของแม่ บ่นทั้งน้ำตา ทีละประโยค เต็มไปด้วยความคับข้องใจเล็กๆน้อยๆอย่างไม่รู้จบ
ลี่เฉินซียิ่งฟังสีหน้ายิ่งคล้ำลง พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบแก้มลูกสาวเบาๆ แล้วกระซิบว่า“เด็กดี พ่อจะขึ้นไปชั้นบนสั่งสอนพี่ชายแทนหนูเอง”
เขายังไม่ทันได้ลุกขึ้น ก็ถูกซูย้าวรั้งแขนไว้
สายตาตกตะลึงของเธอไม่ได้จ้องมองมาที่เขา แต่จ้องมองดูเด็กน้อยในอ้อมกอด อึ้งอยู่หลายวินาที แล้วพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า“ซีซี หนูพูดได้แล้วหรือ ”
ซูย้าวจำไม่ได้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ลูกคนนี้ ตั้งแต่ถูกลักพาตัวที่ต่างประเทศในครั้งนั้น ก็ไม่พูดจาอีกเลย
ไม่ว่าเธอจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ถามไถ่เช่นไร ลูกก็เพียงแค่ส่ายหัวหรือไม่ก็พยักหน้า ไม่พูดสักคำ แม้กระทั่งคำเดียวก็ไม่ยอมเปิดปากพูดออกมา
เธอเคยหาจิตแพทย์อยู่หลายคน สอบถามข้อมูลและปรึกษาทุกวิถีทาง แม้แต่ลี่เฉินซีก็พยายามกับเรื่องนี้มาก แต่ในที่สุดก็ทำอะไรไม่ได้
แต่เวลานี้ เด็กคนนี้ปรากฏว่า……….
ซีซีนั้นไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่กะพริบตาโต แล้วจ้องมองไปที่ซูย้าว “หนูพูดได้อยู่แล้วนี่คะ ”
“เมื่อก่อนหนูกังวลว่าหากหนูพูดจาได้เหมือนเด็กปกติทั่วไป ลุงจะแย่งหนูจากแม่ไปก็เท่านั้นเอง ”เมื่อเธอพูดมาถึงตรงนี้ ก็อดที่จะก้มหน้าลงไม่ได้
ซูย้าวตะลึงไปครู่หนึ่ง“แย่งหนูหรือ”
ใครเป็นคนบอกเด็กเรื่องนี้
ลี่เฉินซีเองก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ตั้งแต่คราวก่อนตอนที่ซูย้าวเลิกยา แล้วจู่ๆเด็กคนนี้ก็เปิดปากพูดออกมาเพราะเป็นห่วงแม่ เขาก็รู้แล้วว่า ลูกสาวไม่ได้มีความผิดปกติทางด้านภาษา เขาก็โล่งใจ บวกกับสองวันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย จึงไม่ได้ถามไถ่อย่างละเอียด ตอนนี้ฟังดูแล้ว ปรากฏว่าเกี่ยวข้องกับตัวเองหรือ
ซีซีพยักหน้า“ใช่ค่ะ มีคนบอกหนูก็แล้วกัน แต่ว่าตอนนี้แม่กับลุงก็อยู่ด้วยกันแล้ว เหมือนกับไม่ต้องการจะแย่งหนูกันแล้ว ดังนั้น ถ้าหนูจะพูดจา ก็เหมือนไม่มีปัญหาอะไรแล้ว………”
ซูย้าว“……”
เธอไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกคนนี้กำลังพูดว่ามันเรื่องอะไร แต่การที่ลูกสาวของเธอสุขภาพแข็งแรงนั้นเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง
ลี่เฉินซีนั่งอยู่ข้างๆ หลังจากปลดปล่อยตัวเองจากความมึนงงแล้ว ดวงตาดำเข้มจ้องไปที่ลูกสาว เอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆของเธอเบาๆ “ซีซี หนูควรจะเรียกฉันว่าพ่อได้แล้วใช่ไหม ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซีซีชูคอน้อยๆขึ้น ท่าทางเหมือนไม่พอใจ แล้วมองไปทางซูย้าว“คุณแม่”
นั่นหมายความว่า เห็นได้ชัดว่าหมายถึงกำลังขอความเห็นจากซูย้าว
เธอจะสามารถพูดอะไรได้ และสามารถทำอะไรได้อีกหรือ
ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นพ่อลูกกัน สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ ก็คือให้ความร่วมมือโดยการพยักหน้า“ใช่ เขาเป็นพ่อของหนู ควรจะเรียกว่าพ่อถึงจะถูก”
ซีซียังคงทำปากจู๋“ไม่เอา หนูยังต้องสำรวจตรวจสอบอีกครั้งก่อน”
ลี่เฉินซี“……”
ทำไมเขารู้สึกว่า เมื่อเทียบกับซูย้าวแล้ว เด็กน้อยคนนี้รับมือยากกว่า
ทิ้งเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ชั่วคราวไม่เอ่ยถึง ซูย้าวก็อุ้มลูกสาวขึ้นมาอีกครั้ง แล้วถามเสียงอ่อนโยนว่า“เมื่อกี้หนูบอกว่าพี่ชายน้อยรังแกหนูหรือ เพราะอะไรหรือ ”
“เพราะว่า……”ซีซีกำลังคิดจะพูดอะไร แต่เมื่อคำพูดนั้นมาถึงริมฝีปาก ทั้งอยากจะพูดอะไรบางอย่างแล้วก็หยุดไป
ซูย้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอรู้ดีถึงอารมณ์ของลูกที่เธอเลี้ยงมามากที่สุด เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วยื่นมือไปบีบจมูกน้อยๆของลูกสาว“หนูวิ่งไปที่ห้องนอนพี่ชายและไปรบกวนเขาใช่ไหม”
ซีซีเม้นปากเล็กๆ ไม่พูดอะไร
เธอเพียงแค่สงสัย ถึงแม้รู้มานานแล้วว่ามีพี่ชายแท้ๆคนหนึ่ง แต่เป็นเพราะว่าลี่เจิ้งหมดสติไม่รู้สึกตัวสักที เธอจึงเห็นในโรงพยาบาลไม่กี่ครั้ง
ทุกครั้งก็รู้สึกว่าพี่ชายน้อยสวยมาก ราวกับเป็นชายหนุ่มรูปงาม นอนอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงเครื่องมือและสายระโยงระยางเชื่อมอยู่บนตัวของเขา สภาพแบบนั้น น่าสงสารมาก
มันไม่ง่ายเลย ที่กว่าจะได้ยินว่าพี่ชายน้อยๆกลับมาแข็งแรงแล้วในตอนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น อยากไปที่ห้องนอนลี่เจิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ไปดูว่าพี่ชายน้อยกำลังทำอะไรอยู่ เป็นเพื่อนเล่นกับตัวเองได้หรือไม่
ไม่ว่าอย่างไรเป็นพี่น้องกันแท้ๆ มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่แน่นแฟ้นอยู่ และตั้งแต่เล็กซีซีก็หวังว่าจะมีพี่ชายคนหนึ่ง ที่คอยจูงมือตัวเอง พาเธอไปเที่ยวที่ต่างๆเหมือนคนอื่นๆ
กว่าที่ความฝันของเธอจะเป็นจริงได้ในตอนนี้มันไม่ง่ายเลย เธอจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปได้เช่นไร
เพียงแค่ไม่เคยคิดว่า ลี่เจิ้งจะปฏิเสธเธอมาก แม้กระทั่งเกลียดด้วยซ้ำไป
เธอเพิ่งผลักประตูเข้าไป ก็ถูกลี่เจิ้งเอาสิ่งของปาไล่ออกมาแล้ว……..
ซูย้าวมองดูลูกสาวไม่พูดไม่จา เห็นได้ชัดว่าตัวเองเดาถูก เธอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี“ซีซีจ๋า พี่ชายน้อยอยู่ระหว่างการฟื้นตัว และอารมณ์ไม่ค่อยดีชั่วคราว หนูต้องเป็นเด็กดี อย่าไปรบกวนเขา ดีไหม ให้เตียวเตียวเล่นเป็นเพื่อนหนูนะ เขาก็เป็นพี่ชายหนูเหมือนกัน”
ซีซีเบะปาก “มันไม่เหมือนกัน”
ไม่เหมือนกันจริงๆ
ถึงแม้เตียวเตียวจะแก่กว่าเธอเล็กน้อย และก็ถือเป็นพี่ชาย แต่ว่า ไม่ว่าอย่างไรลูกทั้งสองโตไล่ๆกัน ถ้าตามอายุแล้ว ลี่เจิ้งถือเป็นพี่ชายใหญ่ ก็ยิ่งทำให้ซีซีมีความอยากรู้อยากเห็นพี่ชายคนโตคนนี้มาก
ซูย้าวถอนหายใจอย่างอ่อนแรง“แม่รู้ว่าไม่เหมือนกัน แต่พี่ชายเขาอารมณ์ไม่ดีจริงๆ หนูรอก่อน สักสองสามวัน รอพี่ชายอารมณ์ดีขึ้น และก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม แล้วต้องพาหนูออกไปเล่นแน่นอน ดีไหม”
สีหน้าซีซีเปลี่ยนไปทันที ดวงตากลมโตที่ตาขาวตาดำแยกกันอย่างชัดเจนกะพริบตาปริบๆ “จริงหรือคะ พี่ชายจะพาหนูออกไปเล่นหรือ จะเล่นเป็นเพื่อนหนูหรือ”
ซูย้าวพยักหน้าแรงๆ“แน่นอนอยู่แล้ว”
แต่ว่าเมื่อเธอเพิ่งจะเกลี้ยกล่อมลูกสาวทางด้านนี้ให้รับปากแล้ว ทางด้านนั้น ก็แว่วเสียงเย็นชาราวกับน้ำแข็งออกมาราว เยือกเย็นจนทำให้คนตกใจ“ฝันไปเถอะ ”
ซูย้าวตกใจ เงยหน้าขึ้น แล้วเห็นลี่เจิ้งที่ถูกแม่บ้านแบกลงมาจากชั้นบน เธอพูดไม่ออก
แม่บ้านแบกลี่เจิ้งลงมา ประคองเขานั่งลงบนรถวีลแชร์ไฟฟ้า แล้วเจิ้งเอ๋อก็บังคับรถวีลแชร์ตรงไปทางระเบียงทันที
ดวงตาของลี่เฉินซีขรึมลงทันที แล้วถามตามหลังของลูกว่า“หนูจะไปไหน”
เจิ้งเอ๋อเหลือบมองกลับมาหาเขาด้วยสายตาเย็นชา ริมฝีปากของเขามีความเย้ยหยัน แล้วกล่าวเสียงเย็นชาว่า “คุณมีผู้หญิงคนนั้น และเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เธอให้กำเนิดมาไม่ใช่หรือ ยังจะมาสนใจผมทำไมอีก”
ดวงตาสีเข้มของลี่เฉินซีมีประกายเฉียบคมแวบหนึ่ง สองวันมานี้ เขาก็พูดไม่ออกจริงๆกับลี่เจิ้งลูกคนนี้ ทุกคำพูดที่ออกมาจะสำลักเขาให้ตาย เมื่อสบโอกาสก็ทำให้เขาโกรธ ซึ่งต่างจากคนที่รู้เรื่องและเป็นเด็กดีก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
มองดูลี่เฉินซีกับเจิ้งเอ๋อสองพ่อลูกตกอยู่ในสถานการณ์อับจน เจิ้งเอ๋อยังบังคับรถวีลแชร์ไปต่ออย่างดื้อรั้น หัวใจของซูย้าว เจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าซีซีเป็นอะไร จู่ๆก็ดิ้นออกจากอ้อมกอดของเธอ ก้าวสองสามก้าวไปทางลี่เจิ้ง วิ่งตามหลังเขาไป แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“พี่ชาย จะไปไหนหรือ พาหนูไปด้วยดีไหม”
“หนูรู้ว่ามีอยู่ที่หนึ่ง สนุกมาก เราไป……”
ยังไม่ทันรอเธอพูดจบ ก็ถูกลี่เจิ้งผลักออกอย่างแรง ซีซีเองไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้ร่างน้อยๆ ล้มลงกับพื้นราวกับใบไม้ร่วง
หัวใจของลี่เฉินซีบีบรัดแน่นเข้า ก้าวเท้าใหญ่ตรงเข้าไปหา อุ้มลูกสาวที่ร้องไห้ล้มอยู่บนพื้นขึ้นมา สงสารจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี“ซีซีเป็นเด็กดี ให้พ่อดูซิว่าเจ็บตรงไหนบ้าง”
ลี่เจิ้งมองดูพวกเขาด้วยสายตาดุเดือดแวบหนึ่ง แล้วบังคับรถวีลแชร์เดินหน้าต่อไป แต่พบว่าไม่สามารถขยับได้แล้ว
ขายาวๆของลี่เฉินซีขวางตรงล้อรถไว้ จากนั้น มือยาวของเขาจับรถวีลแชร์ไว้ กระชากลี่เจิ้งมาตรงหน้าตัวเอง
ร่างกายราวภูเขาของชายหนุ่มโน้มตัวลง ดวงตาเย็นชาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ลี่เจิ้ง ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่า…….”
ไม่รอให้เขาพูดต่อ ลี่เจิ้งตัดบทเขาเด็ดเดี่ยวทันที“จะตีผมใช่ไหม มา ตีผมเลย ไม่ว่าอย่างไรคุณก็มีเด็กผู้หญิงคนนั้น กับผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว ตีผมให้ตายคุณก็ไม่สูญเสียอะไร”
ดวงตาของลี่เฉินซีขรึมลงอย่างสิ้นเชิง มองดูไอ้หนูที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ท่าทางราวกับหมูไม่กลัวน้ำร้อนลวกแล้ว อยากยกมือขึ้นตบไปแรงๆสักทีจริงๆ
แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่คิด และไม่แม้แต่ยกมือขึ้น แล้วก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป
เจิ้งเอ๋อติดตามเขามาตั้งแต่เด็ก ไม่มีแม่อยู่ข้างกาย ต้องทนลำบากมาขนาดไหน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร เป็นพ่อคน จะทนทุบตีลูกได้อย่างไร
เขาเพียงแต่โกรธมาก เกิดอะไรขึ้นกับลูกคนนี้ ใคร‘ยุยงส่งเสริม’ถึงได้กลายเป็นแบบนี้……..