ลี่เฉินซีปล่อยซีซีที่อยู่ในอ้อมกอดลง ปลอบเสียงอ่อนโยน แล้วหันหลังเข็นรถวีลแชร์ของลี่เจิ้ง พาลูกเดินออกไปทางระเบียงหลังบ้าน
เมื่อสองพ่อลูกเดินไปแล้ว ซีซีก็หยุดร้องไห้ทันที
ที่จริงหกล้มก็ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่ เธอเปลี่ยนทิศทาง พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของซูย้าวอีกครั้ง“คุณแม่ ทำไมพี่ชายถึงไม่ชอบหนู”
ในใจซูย้าวเต็มไปด้วยความสับสน และภาพเมื่อสักครู่นี้ ยิ่งทำให้เธอหนักใจมากขึ้น
ลูกเจิ้งเอ๋อคนนี้ นิสัยคล้ายลี่เฉินซีมาก ก็ไม่รู้ว่าระหว่างสองพ่อลูก จะทะเลาะกันอีกหรือไม่…….
เธอลูบแก้มน้อยๆของลูกสาว แล้วกล่าวเสียงเบาว่า“หนูชอบพี่ชายมากใช่ไหม”
ซีซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับ“หนูอยากมีพี่ชายคนหนึ่ง แต่ว่าพี่ชายไม่ชอบหนู……….”
ซูย้าวถอนหายใจเฮือกอย่างจนปัญญา“ซีซีจ๋า พี่ชายเขาชอบหนู เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของหนู เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นเอง อีกหน่อยเขาจะรักหนูที่เป็นน้องสาวคนนี้มาก”
ซีซีเหมือนไม่น่าเชื่อเล็กน้อย มองดูแม่กึ่งเชื่อกึ่งสงสัยว่า“จริงหรือคะ”
เธอพยักหน้า จับหัวน้อยๆของลูกไว้ แล้วโน้มตัวไปหอมแก้มเธอ คิดถึงสถานการณ์เมื่อตอนที่ตัวเองเลิกยาก่อนหน้านั้น ที่ซีซีกับเตียวเตียวเกือบเห็นเข้าแล้ว ตอนนั้นลูกสองคนจะกลัวแค่ไหน เธอครุ่นคิดไปเงียบๆ ยังทำให้รู้สึกกลัวเลย
หากทำให้ลูกๆได้เห็นอีกครั้ง…….
จะเป็นการสร้างตราบาปในใจของพวกเขาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็แวบความคิดหนึ่งขึ้นมาทันที มองดูลูกสาวในอ้อมกอดอย่างลังเล แต่ยังไม่รอให้เธอเปิดปากพูดอะไร จู่ๆซีซีก็พูดขึ้นว่า“แม่คะ ร่างกายแม่ดีขึ้นบ้างไหมคะ ก่อนหน้านั้นลุงบอกว่าแม่ป่วย เหมือนจะป่วยหนักมากด้วย ยังไม่ให้พวกหนูไปกวนแม่………..”
ซูย้าวเจ็บจี๊ดในใจ มองดูลูกสาวแล้วรีบพูดขึ้นว่า“แม่ป่วยจริงๆ แต่ไม่เป็นไร จะดีขึ้นในเร็ววันนี้ ซีซีจ๋า แม่จะบอกหนูเรื่องหนึ่ง ดีไหม ”
“ค่ะ ”ซีซีเงยหน้าขึ้น ทำท่าทางราวกับกำลังตั้งใจฟัง
ทางนี้สองแม่ลูกพูดคุยกันได้อย่างกลมกลืน อบอุ่นและสวยงาม ซึ่งต่างจากทางด้านสองคนพ่อลูกมาก
ลี่เฉินซีเข็นลี่เจิ้งไปสวนหลังบ้านโดยตรง แล้วหยุดลงที่ข้างภูเขาเทียม เดินไปไม่กี่ก้าว แล้วร่างสูงใหญ่ก็พิงแท่นหินข้างๆ จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ขณะที่ควันโขมงลอยขึ้น คำพูดเสียงแหบแห้งออกมาทีละคำ“ทำไมจะต้องทำแบบนี้”
ลี่เจิ้งตะลึงไปครู่หนึ่ง ตอนแรกคิดว่าจะบังคับรถวีลแชร์จากไป แต่ความเคลื่อนไหวก็ต้องหยุดชะงักลง
ลี่เฉินซีมองดูลูกชาย หน้านิ่วคิ้วขมวด “แต่ก่อนหนูไม่ได้เป็นแบบนี้ ถึงแม้หนูไม่เคยพูดอะไรเลย แต่ตอนที่มองดูคนอื่นเขาเลิกเรียน แล้วมีแม่มารับ ตอนที่มองดูเด็กคนอื่นพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของแม่ ทุกครั้งหนูจะขังตัวเองไว้ในห้องนอน ตอนนั้นพ่อก็รู้แล้วว่า หนูกำลังคิดถึงแม่ ถูกไหม”
“หนูอยากได้แม่ และหนูก็ต้องการแม่มากด้วย ดังนั้นหนูถึงไม่ชอบซีซี หนูไม่ได้เกลียดเธอจริงๆ หนูเพียงแค่ไม่สามารถยอมรับได้ที่ว่าเธอยึดครองความรักของแม่เพียงคนเดียวมาห้าปี หนูกำลังอิจฉา และขุ่นเคือง ฉันพูดไม่ผิดใช่ไหม”
เดิมทีลี่เฉินซีไม่อยากจะพูดตรงๆกับเด็กอายุแปดขวบคนหนึ่งแบบนี้ แต่รู้สึกว่า เด็กคนนี้จะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่เขาคิด หากไม่เปิดใจพูด เขาจะไม่มีวันเข้าใจตลอดไป
“หนูต้องการจะให้เธอจากไปจริงๆไหม หนูไม่ต้องการ หนูเพียงแค่ดื้อรั้น สร้างปัญหา จงใจดึงดูดความสนใจจากเธอ ปลุกเร้าความรู้สึกสำนึกผิดของเธอ จากนั้นมองดูเธอโทษตัวเองและเสียใจต่อหน้าหนู หนูก็จะมีความสุข แต่มันจะเป็นแบบนี้จริงๆหรือ ”
ลี่เจิ้งทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว บนใบหน้าดื้อรั้นน้อยๆนั้นเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ กัดฟันด้วยความโกรธ “ไม่ต้องพูดแล้ว”
“ฉันพูดถูกหมด หนูต้องการแม่ โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นแม่แท้ๆของหนู หนูแคร์เธอมากกว่าใครๆ”
มิเช่นนั้นคงไม่ออกจากโรงพยาบาลปุ๊บ ปล่อยฝั่งเจี่ยงเวินอี๋ไม่ไปพัก จะต้องพักทางนี้ให้ได้
เขาต้องการจะเข้าใกล้ซูย้าว ใกล้ชิดแม่คนนี้ ต้องการจะกระตุ้นความสำคัญและความห่วงใยของเธอที่มีต่อตัวเอง
ลี่เฉินซีสะบัดก้นบุหรี่ สายตาคมกริบกวาดไปทางเด็กตรงๆ“ในเมื่อหนูแคร์เธอ แล้วทำไมจะต้องทำร้ายเธอด้วย หรือว่าหนูคิดว่า หนูทำร้ายเธอได้ เพราะว่าเธอติดค้างหนูหรือ”
เด็กคนนี้ ทางด้านนิสัยคล้ายกับลี่เฉินซีมากจริงๆ
ตั้งแต่เล็กก็ตัดสินใจเอง เผด็จการและเก่งกล้า สิ่งที่เขามั่นใจแล้ว ใครก็หยุดไม่ได้
เขาชอบเตะฟุตบอล มักจะขาหักตอนซ้อมฟุตบอลอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็เข้มแข็งยืนหยัดเล่นต่อ จนกระทั่งชนะการแข่งขันรอบนั้นแล้ว ถึงจะล้มลงตรงสนามกีฬา
เขาต้องการอยากฝึกขี่ม้ายิงปืน แต่เพราะว่ายังเด็กมากเกินไป ลี่เฉินซีทำใจไม่ได้ ให้เขาขี่ม้าน้อยเพื่อทำความคุ้นเคยก่อน แต่เด็กคนนี้ไม่เห็นด้วย ฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่ทันระวัง ขี่ม้าตัวสูงใหญ่ที่โตเต็มวัยออกไป แม้จะตกลงมาจนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่เข็ด
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก
เขาไม่ยอมพ่ายแพ้ในทุกๆด้าน ขอเพียงเป็นสิ่งที่เขามั่นใจแล้ว ก็จะทำต่อไปให้ได้ และยังจะทำให้ดีมากขึ้นไปด้วย ดีกว่าและชนะคนอื่นๆด้วย
ส่วนคนที่เขาแคร์ เขาก็จะคิดว่า จะสามารถทำร้ายเขาได้ตามใจตัวเอง ขอเพียงไม่ถูกคนอื่นทำร้ายก็พอแล้ว
ในจุดนี้ เหมือนกับลี่เฉินซีในตอนนั้นมาก
สัจธรรมนี้ จะต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงกี่ปี และประสบพบเจอความเจ็บปวดเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจได้
เขามองดูลูกชายตรงหน้าที่คล้ายกับตัวเองมากอย่างจนปัญญา ขมวดคิ้วเข้ม และเคร่งขรึมขึ้น“อย่าทำอย่างนี้อีกเลย สิ่งที่แม่ของหนูติดค้างหนู ไม่ใช่ความผิดของเธอ เป็นความผิดของพ่อเอง ต่อไปเธอก็จะไม่จากหนูไปไหนอีกแล้ว ขณะที่เขาห่วงใยซีซี ก็จะห่วงหนูรักหนูด้วย ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เธอก็เป็นผู้หญิงคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของหนูคนนั้น”
ลี่เฉินซีใช้มือดับไฟก้นบุหรี่ ลุกขึ้นแล้วก้าวเดินไปทางเด็ก“ อีกอย่าง ช่วงนี้สุขภาพร่างกายเธอไม่ดี หนูโตแล้ว อย่าดื้ออีกเลย หนูแคร์เธอ ก็ยอมรับเธอเถอะ ”
“ยอมรับหรือ”ลี่เจิ้งเหมือนกับได้ยินคำศัพท์ตลกๆ เขาอดที่จะยิ้มไม่ได้ และตอบโต้กลับพร้อมกับสายตาที่ขรึมลงว่า“เพราะอะไร”
ลี่เฉินซีหลับตา แล้วลืมตาอีกครั้งด้วยสายตาเย็นชาและดุเดือด“เพราะอะไรหรือ ก็เพราะว่าเธอเป็นแม่แท้ๆของหนูไง ตอนนั้นไม่ใช่เป็นเพราะเธอยืนกราน ตามนิสัยของฉัน หนูก็จะไม่เกิดมา หนูคงตายในกองเลือดที่ห้องผ่าตัดไปนานแล้ว”
ลี่เจิ้ง“……”
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็โน้มตัวลง สองมือจับไปที่รถวีลแชร์ของเขา แล้วจ้องไปที่เด็กด้วยสายตาเย็นชา“ฟังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แต่หนูต้องตั้งใจฟัง สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด ล้วนเป็นความผิดของฉัน ฉันเป็นคนทำให้แม่ของหนูจากไป ฉันทำร้ายเธอมากเกินไป ถึงทำให้เธอจากไป”
“นอกจากนี้ ที่หนูสามารถเกิดมาได้ โตมาได้ขนาดนี้ สามารถมองเห็นโลกใบสวยงามใบนี้ สามารถเสวยสุขทั้งหมดในตอนนี้ ทั้งหมดทั้งปวงนี้ จะต้องขอบคุณแม่ของหนู หากไม่มีเธอ หนูถูกฉันกำจัดไปนานแล้วจริงๆ”
ลี่เจิ้ง“……”
เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกันเล็กน้อย ดังนั้น คำเหล่านี้ที่ลี่เฉินซีพูด เขาเกือบจะเข้าใจหมดแล้ว
เพียงแต่ทำไมยิ่งฟังยิ่งรู้สึกแปลกๆ
เขาครุ่นคิด แล้วเลิกคิ้วมองไปทางลี่เฉินซี “ถ้าอย่างนั้นผมควรต้องขอบคุณที่ตอนนั้นคุณไม่ฆ่าผม”
ลี่เฉินซีดวงตาเข้มขรึม “เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมฉันถึงพูดกับหนูไม่รู้เรื่อง ”
ตอนนี้เขายิ่งอยู่ยิ่งค้นพบว่า ลูกคนนี้ ก็เหมือนศัตรูน้อยๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทระนงใจแข็ง และโหดเหี้ยมแค่ไหน เมื่อพบเจอกับลูกในไส้ของตัวเอง ปรากฏว่า ไม่มีปัญญาจริงๆ
ได้เพียงมองดูเขาที่ทำให้มีอารมณ์โกรธ แล้วยังทำอะไรไม่ได้
และในขณะที่เขาโกรธจนจะเป็นฟืนเป็นไฟ และในใจเต็มไปด้วยความลังเลนั้น ซูย้าวก็มาพอดี
เธอเดินเข้ามาทางประตูหลังบ้าน สวมเสื้อคลุมบางๆตัวหนึ่ง เดินตรงมาทางสองคนพ่อลูก ใบหน้าที่ขาวสะอาดไม่มีอารมณ์ใดๆ เพียงแค่ชายตามองลี่เฉินซี แล้วกล่าวว่า“คุณไปทำงานเถอะ ฉันจะคุยกับเจิ้งเอ๋อสักสองสามคำ”
ลี่เฉินซีถอนหายใจอย่างอ่อนแรง เด็กคนนี้ เขาหมดปัญญาจริงๆ หวังว่าซูย้าวจะสามารถทำให้เขาคิดได้ทีเถอะ
เขาเพิ่งจะจากไป จู่ๆลี่เจิ้งก็บังคับรถวีลแชร์จะไปเหมือนกัน แต่ถูกซูย้าวที่ตาไวมือเร็ว ขวางไว้ก่อน
ลี่เจิ้งจ้องมองเธอตาเขม็ง สีหน้าก็ไม่ค่อยดี “ปล่อย ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
ซูย้าวมองดูเขาด้วยจิตใจสงบ ไม่เพียงไม่ปล่อยมือ แต่ยังเข็นรถวีลแชร์ไปด้านหลังภูเขาเทียมโดยตรง หาก้อนหินสองก้อนมายึดรถวีลแชร์ของเขาไว้ ไม่ให้เด็กคนนี้หนีไปอีก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ลี่เจิ้งพูดไม่ออก เพียงแค่เงยหน้าและพูดอย่างโกรธเคืองว่า“คุณจะทำอะไรกันแน่”