ความคิดนับพันเข้ามารวมอยู่ด้วยกัน ซูย้าวก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังต้องการจะสื่อสารอะไร
เธอเพียงแค่ครุ่นคิดอีกครั้งแล้วรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด สรุปแล้วเหมือนกับยังมีแฮกเกอร์ใหญ่สุดอยู่เบื้องหลัง คอยบงการเรื่องทั้งหมดนี้
“ฉัน…….”เธออ้ำๆอึ้งๆ สายตาที่ใสซื่อเต็มไปด้วยความสับสน “เฉินซี คุณรู้สำนวนที่ว่า ล้างไพ่ ไหม ”
บางทีมันอาจจะเป็นการคาดเดาและทำนายที่อาจหาญของซูย้าวก็เท่านั้นเอง
ตอนนี้ทั้งหมดของจู้สือกรุ๊ป ดูจากมุมมองของคนนอกเหมือนเป็นตั๊กแตนหลังฤดูใบไม้ร่วง อาจจะตายได้ตลอดเวลา จากการตรวจสอบต่อเนื่องของตำรวจ ผู้บริหารระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งหมดทางสำนักงานใหญ่ล้วนถูกควบคุมตัวและกักขังแล้ว พวกกรรมการบริหารก็เอาตัวเองไม่รอดแล้ว บริษัทที่เคยรุ่งโรจน์ในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้คนต่างตื่นตระหนก เคราะห์ซ้ำกรรมซัก
ในสถานการณ์เช่นนี้ Jockคนนี้ ยังคงเป็นอยู่อย่างลึกลับเหมือนเดิม
ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่มีใครเคยเห็นเขา ไม่มีใครรู้จักเขาจริงๆ
เมื่อคิดแบบนี้ อาจเป็นไปได้สองสถานการณ์ Jockใช้ตัวตนลึกลับของตัวเอง หลบซ่อนตัวตลอดไป เพื่อหนีการจับกุมของตำรวจ
หายไปจากสายตาของสาธารณชน แล้วใช้ชีวิตต่อไปแบบคนธรรมดาคนหนึ่ง
ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้ และซูย้าวรู้สึกน่ากลัวที่สุด
นั่นก็คือ ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่Jockวางแผนไว้ โดยยืมมือของคนภายนอก ล้างไพ่จู้สือกรุ๊ปใหม่ เคลียร์พนักงานทั้งหมดภายในบริษัท เหลือคนที่ไว้ใจได้สักคนสองคน ผ่านไปสักช่วงเวลาหนึ่ง ก็จะเปลี่ยนชื่อบริษัท แล้วออกมาประโคมต่อโลกอย่างใหญ่โตมโหฬารอีกครั้ง
ซูย้าวเอนเอียงไปทางข้อสองมากกว่า Jockที่เธอรู้จัก ไม่ใช่คนที่ต้องการซ่อนตัวตน แล้วใช้ชีวิตอย่างคนบนโลกนี้อย่างแน่นอน
เธอยิ่งคิดมาก ความคิดในหัวสมองยิ่งสับสน คนทั้งคนนั่งไม่เป็นสุข จนกระทั่งลี่เฉินซีเดินมาเข้าใกล้ แขนยาวกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอด มือใหญ่ปลอบประโลมแกมลูบไล้ ลูบไล้หลังเธอเบาๆ เสียงแหบแห้งราวเสียงธรรมชาติ มีเสน่ห์ดึงดูดมาก
“คิดมากขนาดนี้ทำไมกัน ”เขาก้มมองเธอ ดวงตาเคร่งขรึมคู่ดำนั้น ราวกับดุจดาว ระยิบระยับเต็มไปด้วยดวงดาว
“ถึงแม้Jockคนนี้ ต้องการจะล้างไพ่จู้สือกรุ๊ปใหม่ เรื่องเหล่านี้ ก็ไม่เกี่ยวกับคุณกับผมนี่ ทางตำรวจจะตรวจสอบอย่างละเอียดเอง คุณต้องมั่นใจความสามารถในการทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจนะ”
ซูย้าวขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่ลังเล “ฉันเชื่อมั่นทางตำรวจอยู่แล้ว แต่ว่า ฉันรู้สึกว่าทั้งหมดนี้มันไม่ง่ายขนาดนั้น Jockคนนี้ จะปล่อยฉันไปจริงหรือ”
สายตาลี่เฉินซีที่มองดูเธอขรึมลง แขนที่ประคองเธอไว้แน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ไม่เป็นไร คุณยังมีผมอยู่นี่”
เขาเอื้อมมือไปจับแก้มน้อยของเธอที่เท่าฝ่ามือ บังคับให้เธอมองมาทางตัวเอง“คุณเคยทำงานที่จู้สือกรุ๊ปคือเรื่องจริง แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมายใดๆนี่ เหล่านี้ทางตำรวจได้ทำการตรวจสอบแล้วไม่ใช่หรือ ส่วนอย่างอื่น ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ให้สิ่งที่คุณกังวลทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
ซูย้าวตกตะลึงไปเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายจ้องไปที่ดวงตาคู่ดำของชายหนุ่ม“แต่ว่า…….”
เขาไม่ให้เธอพูดต่อ นิ้วสวยแตะไปที่ริมฝีปากของเธอ“ไม่มีอะไรแต่ว่า…คุณเป็นห่วงหว่านหว่าน กังวลว่าJockจะรู้เรื่องทั้งหมดที่เตียวเตียวทำก่อนหน้านั้น ไม่ต้องกังวลพวกนี้ เตียวเตียวยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีใครจะคิดเชื่อมโยงไปถึงบนตัวของเด็กอายุห้าขวบหรอก”
ลี่เฉินซีหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอีกว่า“ที่สำคัญ คุณรู้ว่า ตอนนั้นเตียวเตียวเพียงแค่แฮ็กเข้าไปในระบบเว็บไซต์ของจู้สือกรุ๊ป จึงเปิดโปงเอกสารบางอย่าง แต่ว่า มันสร้างความก้าวหน้าให้ทางตำรวจไปได้อย่างหนึ่ง ปัญหาอย่างอื่น เป็นปัญหาของจู้สือกรุ๊ปอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับเตียวเตียว และก็ไม่เกี่ยวกับโม่หว่านหว่านด้วย”
ซูย้าวถอนหายใจเล็กน้อย ประสานสายตาคู่ลึกของชายหนุ่ม ถึงแม้ในใจยังตุ้มๆต่อมๆ แต่โดยภาพรวมความเป็นจริงมันเป็นเช่นนี้จริงๆ อาจจะเป็นเพราะเธอคิดมากไปเองจริงๆ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เธอจึงหยักหน้า“ก็ได้ หวังว่าฉันคิดมากไปเอง”
ชายหนุ่มลูบหัวเธอเบาๆ “เด็กโง่ สิ่งเดียวที่คุณต้องทำในตอนนี้ ก็คือการพักผ่อน ให้ความร่วมมือในการรักษา รีบฟื้นตัวเร็วๆ ส่วนอย่างอื่น คุณไม่ต้องไปกังวล”
ซูย้าวถอนหายใจยาวๆ“อืม ก็ได้ อย่างนี้ก่อนแล้วกัน…….”
ขณะที่เธอพูด เหลือบมองไปเห็นนาฬิกาบนฝาผนัง เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว จึงเร่งผลักให้ลี่เฉินซีเดินออกไปทางนอกห้องผู้ป่วย“ดึกมากแล้ว รีบกลับไปเถอะ ลูกๆยังจะต้องอาบน้ำอีก”
“เออ…….”เขาหยุดก้าวเท้าเล็กน้อย หันร่างยาวกลับมาคร่อมไปตัวเธออีกครั้ง“หรือไม่คุณ………..”
ไม่รอให้เขาพูดต่อ ซูย้าวก็เดาได้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไร แก้มขาวผ่องแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย“หยุดได้แล้ว ดึกแล้วจริงๆ รีบพาเด็กๆกลับไปเถอะ พรุ่งนี้ซีซีกับเตียวเตียวยังต้องไปศูนย์เด็กเล็กอีก ขาเจิ้งเอ๋อ ก็จะต้องรีบไปทำกายภาพบำบัดแล้ว ”
เมื่อเธอพูดขึ้นมา ได้เตือนสติลี่เฉินซี เขามองดูเธออย่างจนปัญญา แล้วโน้มตัวไปจูบริมฝีปากเธออีกครั้ง แล้วจึงออกจากห้องผู้ป่วยไปอย่างทำใจไม่ได้เล็กน้อย
ระหว่างทางที่พาลูกกลับบ้าน ลี่เฉินซีเอียงหน้ามองดูลี่เจิ้งที่นั่งอยู่ข้างคนขับ ชายตาเหลือบดูขาทั้งสองข้างของลูก แล้วขมวดคิ้ว“เจิ้งเอ๋อ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ฉันจะให้ลุงหวางช่วยหนูจัดการการทำกายภาพบำบัดนะ”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ลี่เจิ้งไม่ได้ต่อต้าน แต่กลับแปลกใจที่พยักหน้า แสดงว่ายินยอมแล้ว
แต่หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆลี่เจิ้งก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า“กายภาพบำบัดก็ได้ แต่ผมขอทำที่โรงพยาบาลนี้ ”
เขาหมายถึงโรงพยาบาลที่ซูย้าวนอนอยู่
ลี่เฉินซีชะงักไปเล็กน้อย เดิมทีคิดจะปฏิเสธ เมื่อออกมาถึงริมฝีปากแล้วก็กลืนลงไปใหม่ เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ของเจิ้งเอ๋อกับซูย้าวในช่วงนี้แล้ว ถึงแม้จะตึงเครียดเล็กน้อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นแม่ลูกแท้ๆ ให้เวลาปรับตัวเข้าหากันบ้าง ก็เป็นการดี จึงไม่ได้พูดอะไรอีก
เมื่อกลับถึงบ้าน ซีซีจูงมือเตียวเตียววิ่งขึ้นชั้นบนไปทันที
ลี่เฉินซียืนมองดูเงาหลังเร่งรีบของลูกสองคน แล้วสายตาเคร่งขรึมกล่าวขึ้นว่า“ไม่ต้องเล่นแล้ว ซีซี เตียวเตียว หนูทั้งสองรีบไปอาบน้ำ แล้วนอนได้แล้ว ”
แต่เสียงตอบรับเขา เป็นเพียงเสียงฝีเท้าวิ่งขึ้นชั้นบนของลูกทั้งสองคนเท่านั้น เร่งรีบขนาดนั้น แม้แต่คำตอบรับสักคำก็ไม่มี
เขาถอนหายใจลึกๆอย่างหมดปัญญา ไม่รู้ว่าในห้าปีมานี้ซูย้าวดูแลลูกสาวไปด้วยทำงานไปด้วยได้อย่างไร เขาเพียงแค่ดูแลลูกๆไม่กี่วัน ก็รู้สึกว่าเมื่อลูกๆอยู่ด้วยกัน บ้านทั้งบ้านก็รกไปหมดแล้ว
ในบ้านยังมีพี่เลี้ยงและแม่บ้านหลายคนคอยช่วยเหลือ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เด็กๆพวกนี้ ก็เหมือนกับจอมทำลายล้าง ทำลายไปทั่ว แล้วยังไม่เชื่อฟังเป็นพิเศษ…….
แน่นอนว่า การเป็นพ่อแม่คนนั้นไม่ง่ายเลย
ลี่เจิ้งดูเหมือนจะอ่านความคิดของเขาออก นั่งกัดริมฝีปากแอบยิ้มอยู่ข้างๆ
ลี่เฉินซีเดินเข้าไป มือใหญ่ลูบไปที่ศีรษะน้อยของลูกชาย “ไอ้หนู ยิ้มอะไรอีกหรือ ขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”
“คุณช่วยผมอาบไหม”ลี่เจิ้งเงยหน้ามองเขา
ลี่เฉินซีตะลึงไปเล็กน้อย ตอนที่เจิ้งเอ๋อยังเด็ก เขาไม่ค่อยได้อาบน้ำให้ลูกคนนี้เท่าไหร่ แต่หลังจากลูกคนนี้อายุได้เจ็ดขวบ ก็ว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทุกๆด้านในชีวิต แทบจะไม่ให้ใครช่วยเหลืออีกเลย
เขาโน้มตัวลงเล็กน้อย ใช้มือเดียวกดไปที่เท้าแขนของรถวีลแชร์ของลูก“หนูต้องการให้ฉันช่วยไหม”
ลี่เจิ้งก้มหน้ากวาดสายตาดูรถวีลแชร์ของตัวเอง“ถ้าไม่งั้นผมจะอาบคนเดียวได้อย่างไร”
ก็ถูก
เขาพยักหน้า ตอนลุกขึ้นแกะกระดุมเสื้อสูท ถอดออกแล้วพาดไปบนโซฟาอย่างไม่ตั้งใจ จากนั้นก็เข็นลี่เจิ้งไปข้างบันไดวน เขาก้มลงนั่งยองๆข้างกายลูกชาย“มา พ่อจะแบกหนูขึ้นไป ”
ลี่เจิ้งแปลกใจจนชะงักไป จากนั้นก็ยิ้ม ยื่นมือน้อยๆออกมาอย่างเชื่อฟัง แล้วกอดคอชายหนุ่มไว้ ให้เขาแบกตัวเองขึ้นชั้นบนอย่างตามใจ
เมื่อขึ้นมาชั้นบน ลี่เฉินซีพาเจิ้งเอ๋อเดินไปทางห้องนอน ระหว่างเดินผ่านห้องเด็กน้อย เห็นเพียงเดิมทีที่เป็นห้องเจ้าหญิงของซีซี ตอนนี้กลายเป็นเละเทะยุ่งเหยิง ของเล่นเต็มพื้น พูดได้ว่าแตกเป็นเสี่ยงๆ
ส่วนซีซีจูงมือน้อยๆของเตียวเตียว ไม่รู้ว่ากำลังให้เขาดูสิ่งของอะไร เด็กทั้งสองจับจ้องอย่างหมกมุ่น
ลี่เฉินซีหยุดอยู่ที่ปากประตู พูดด้วยสายตาเคร่งขรึม“หนูทั้งสอง บอกให้ไปอาบน้ำไม่ใช่หรือ เล่นอะไรกันอีก ”
ซีซีไม่สนใจเขา ไม่แม้แต่หันมามองเขาเลย มีเพียงเตียวเตียวอยากจะตอบ แต่ถูกซีซีปิดปากไว้ แล้วกระซิบเสียงเบาว่า“ไม่ต้องสนใจเขา”
ลี่เฉินซี“……”