ไม่ใช่คนทุกคนที่สามารถยิ่งพ่ายแพ้ก็ยิ่งกล้าหาญในเรื่องความรัก
ซูย้าวเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง หลังจากที่เคยผ่านการถูกทำร้ายมา หัวใจรู้จักเจ็บปวดแล้ว ก็ไม่อยากไปลองอีกแล้ว อยากจะแปลงร่างเป็นหอยทากตัวน้อยๆ หดตัวเองให้กลับเข้าไปในเปลือกแข็งอย่างมั่นคง ปกป้องเข้าไว้อย่างระมัดระวัง
เธอยืนอยู่ข้างหน้าต่าง หรี่ตาลงเข้าหาทิศทางของพระอาทิตย์ตกดิน “จริงๆ แล้ว เราเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าลูกๆ อยากอาศัยอยู่ที่คุณตรงนั้น ผมไม่มีปัญหา ถ้าลูกๆ อยากมาที่ผมตรงนี้ จะมาเมื่อไหร่ก็ได้เช่นกัน”
“แต่ส่วนเตียวเตียว เอาให้ฉันเลี้ยงดีกว่า! ฉันเป็นคนยืนหยัดที่จะรับเด็กคนนี้มาเลี้ยงเอง” เหมือนเธอจะใช้ความกล้าหาญมากมาย ถึงทำการตัดสินใจนี้ได้
ลี่เฉินซีเงียบฟังเธอพูดเองเออเองตั้งแต่แรกจนจบ หน้าตาหล่อเหลาอันมืดครึ้มล้ำลึกมาก สายตาที่มองไปทางเธอก็ตกลงไปแล้วเช่นกัน
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมาเดินไปหาเธอ มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสแล็ค ตามองลงไปที่พื้น “มิอาจปฏิเสธได้เลย ลูก เป็นหนึ่งเหตุผลและปัจจัยสำคัญระหว่างคุณกับผมจริงๆ”
อายุของเขาก็ไม่น้อยแล้ว มีทั้งลูกชายและลูกสาวแล้วด้วย ยังไม่ต้องพูดถึงลูกที่ยังหาไม่เจอคนนั้น พูดถึงแค่ลูกสองคนนี้ก่อน เขาเป็นคุณพ่อ คิดถึงลูกเป็นอันดับแรก นี่ไม่เพียงเป็นแค่หลักธรรมชาติของมนุษย์ และยังเป็นรากฐานของความเป็นคนด้วย
ถึงแม้ไม่มีอะไรที่สามารถมาตำหนิได้ แต่เขาก็ไม่มีทางที่จะทิ้งความเป็นพ่อคนของตัวเองและความรู้สึกของเด็กสองคนนี้ เพื่อทางเลือกในเรื่องความรัก
“แต่ผมอยากอยู่กับคุณ นอกจากลูกๆ แล้ว ที่มากไปกว่านั้น ยังเป็นเจตนาและความคิดส่วนตัวผมเองอีกด้วย” น้ำเสียงของเขาเบามากและอ่อนมาก ความมีเสน่ห์เย้ายวนของแต่ละคำแต่ละประโยคที่ไหลผ่านริมฝีปากและลิ้นเข้มข้นมาก “ตอนนี้คุณไม่ยอมรับผมไม่เป็นไร ผมรอได้ ไม่ว่ารอนานแค่ไหนก็ได้”
เขาเดินไปที่ด้านหลังของเธอ ยื่นมือออกไปโอบเอวของเธอช้าๆ แม้จะรู้สึกการขัดขืนของเธอได้ แต่ก็ยังคงทำคนให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแน่นๆ อย่างดื้อรั้น ไม่ยอมปล่อยมือออก “ปัญหาระหว่างผมกับคุณ ต้นเหตุไม่ได้อยู่ที่คุณ แต่อยู่ที่ผมเอง”
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เขายังคงจำแต่ละภาพได้อย่างชัดเจนดี
คนน้อคน ก็คงจะเป็นแบบนี้จริงๆ แหละ ไม่เคยผ่านมา ไม่เคยเจ็บไม่เคยรักอย่างเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่ง และไม่เคยเสียใจทีหลัง ก็ไม่มีวันรู้ว่าสิ่งที่แคร์ที่สุดตกลงคืออะไรกันแน่
แขนยาวของเขาคุมขังเธอไว้ จู่ๆ ทำคนให้เปลี่ยนอีกทางหนึ่งด้วยการใช้แรงเล็กน้อย บังคับเธอให้หันหลังมาเผชิญหน้ากับเขา สองแขนอันมีเรี่ยวแรงของเขาควบคุมไหล่ของเธอไว้ เสียงที่กดต่ำลงกลายเป็นมีความอ่อนโยน แต่ก็มีความแหบอยู่เล็กน้อยเช่นกัน “สิ่งที่คุณจะต้องทำในเวลาต่อมา ก็คือไม่ต้องคิดอะไรเลย แค่ต้องมองผมอย่างเดียว ดูว่าผมทำยังไงก็พอแล้ว”
“ซูย้าว ให้โอกาสผมครั้งสุดท้าย ถ้ารอมีวันหนึ่งคุณยังคงทำการตัดสินใจแบบนี้ ไม่ว่าจะปล่อยมือออกจากไปอีกครั้งหรือยังไงก็ตาม ผมจะไม่กีดขวางอีกแน่นอน”
ลี่เฉินซีหายใจเข้าลึกๆ ที กอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดใหม่ “ผมเคยเสียคุณไปครั้งหนึ่งแล้ว จะไม่ให้เกิดขึ้นครั้งที่สองอีกแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ไม่เกี่ยวกับลูก และไม่เกี่ยวกับอย่างอื่น แค่เพราะว่ารัก”
ซูย้าวมองดวงตาอันสงบลึกซึ้งเสมือนดั่งสระน้ำลึกของผู้ชายที่อยู่ใกล้ชิดมาก เหมือนจะเห็นความจริงใจอยู่ในนั้นจริงๆ ในที่สุด จึงพยักหน้าอย่างจับพลัดจับผลู
ลี่เฉินซีกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับปฏิกิริยาของเธอ แค่ยื่นมือจับแก้มของเธอขึ้นมา “คนดี อะไรก็ไม่ต้องคิด ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตนั้น ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด ถึงแม้คุณไม่เชื่อผมก็ไม่เป็นไร”
ตลอดที่ผ่านมาเขาพูดแล้วก็จะทำให้ได้ สำหรับจุดนี้ ซูย้าวก็ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจเขา
แค่รู้สึกมาตลอดว่าระหว่างเขาสองคน เหมือนจะยังคง…
เธอก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน ลังเลสักพัก จู่ๆ เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาใหม่ “เฉินซี ถ้าเป็นแบบนี้ คุณช่วยฉันอะไรหน่อยได้ไหม”
แววตาของผู้ชายอ่อนลง “คุณพูดสิ”
“ฉันอยากเจอหานฉ่ายหลิงสองต่อสอง” ซูย้าวยื่นคำร้องขอออกมา
ช่วงระยะเวลานี้ การสืบสวนคดีของทางตำรวจก็เริ่มใกล้เข้าตอนจบตามหลักฐานที่แน่ชัดของคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับหานฉ่ายหลิงแล้ว ต่อไปก็จะเป็นศาลเปิดพิจารณาคดี
ซูย้าวฝากคนไปสืบข้อหาที่มีการเกี่ยวข้องกับคดีของหานฉ่ายหลิงอย่างละเอียด ข้อหาพยายามทำร้ายร่างกาย การฆ่าผู้อื่นโดยการวางยาพิษ การจ้างทำร้ายร่างกายผู้อื่น ฯลฯ บอกได้ว่ามีข้อหาตั้งสิบกว่าข้อหา จำคุกและตัดสินลงอาญาเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ซูย้าวกลับรู้สึกตลอดว่ามีตรงไหนที่แปลกๆ
พูดให้ถูกต้องคือขาดอะไรไปสักอย่าง
ดังนั้น ความคิดแรกของเธอก็คือต้องไปเจอหานฉ่ายหลิงสองต่อสอง เธอฝากคนไปติดต่อให้หน่อย แต่ผลที่ได้ก็คือหานฉ่ายหลิงปฏิเสธเจอทุกคน รวมทั้งทนายความด้วย
เหมือนผู้หญิงคนนี้จะรู้แนวโน้มชีวิตต่อไปของตัวเองก่อนหน้านี้มาแล้ว จึงเลิกขัดขืนและดิ้นรน แค่อยากจะยอมรับสถานการณ์ในปัจจุบันเงียบๆ รอจนถึงเข้าคุกอย่างเป็นทางการแล้ว
เมื่อพูดถึงชื่อนี้ขึ้นมาอีกครั้ง คิ้วอันดูดีของลี่เฉินซีก็ขมวดขึ้นมาทันที สายตาที่มืดครึ้มเล็กน้อยเหลือบไปที่เธอ “ทำไมอยู่ๆ ก็อยากเจอเธอ”
ขณะนี้ซูย้าวยังไม่อยากพูดทุกอย่างให้ชัดแจ้ง มีบางเรื่องที่เธอไม่ถือว่าเป็นเจ้าตัว ต้องให้หานฉ่ายหลิงพูดออกมาด้วยปากของตัวเองถึงสามารถแน่ใจได้
เธอครุ่นคิดไปมา แค่หาข้ออ้างว่า “มีเรื่องนิดหน่อย ต้องแน่ใจกับเธอต่อหน้า”
ดวงตาอันลึกซึ้งของลี่เฉินซีมีคลื่นเกิดขึ้น “ซูย้าว ถ้าคุณอยากจะถามเธอเรื่องลูก อย่างนั้น…”
ไม่ให้เขาได้พูดต่อ ซูย้าวหันข้างไปทางหน้าต่างรับแสงเงินแสงทองบนท้องฟ้าของพระอาทิตย์ตกดินอันงดงาม “อันนี้ฉันรู้อยู่ ตอนนั้นหานฉ่ายหลิงแค่ให้คนอุ้มเด็กไป หลังจากนั้นก็ทิ้งแล้ว เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเด็กอยู่ที่ไหน สิ่งที่ฉันจะถามก็ไม่ใช่เรื่องนี้”
ลี่เฉินซีพยักหน้าเบาๆ ทีหนึ่ง “แล้วคืออะไร สามารถบอกผมได้ไหม”
เธอหันหน้าข้างมองเขา “สามารถไม่ถามได้ไหม”
รอเวลาที่เธออยากบอก จะบอกให้เขาทุกอย่างแน่นอน
แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
นัยน์ตาเฉียบแหลมอันเย็นชาของลี่เฉินซีมืดครึ้มลงไป เหมือนยังลังเลอยู่เล็กน้อย ซูย้าวรีบบอกว่า “หานฉ่ายหลิงแคร์คุณมากมาตลอด ถ้าคุณเป็นคนที่จะเจอเธอ เธอต้องเจอแน่นอน”
จะว่าแล้วเหตุผลนี้ก็จริง
เขาคิดไปคิดมา “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็ได้! พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไป แต่สุดท้ายแล้วเธอจะเจอหรือไม่ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ซูย้าวพยักหน้าเบาๆ “คุณช่วยจัดการให้ฉันหน่อยก็พอแล้ว เดี๋ยวรอไปถึงที่นั่น ฉันมีวิธีให้เธอมาเจอฉันแน่นอน”
ผู้ชายยิ้มอ่อนๆ ยกมือหนีบปลายจมูกของเธอ “ยัยฉลาดเจ้าเล่ห์น้อย คุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
เธอแค่เม้มปากยิ้มเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่นอีก
ก็ไม่ได้มั่นใจเต็มร้อย พูดได้แค่ว่ามีส่วนแน่ใจสักร้อยละเจ็ดสิบกระมัง
ลี่เฉินซีก็ได้รับปากและทำตามที่สัญญากันไว้จริงๆ อีกวันหนึ่งก็พาซูย้าวไปสถานกักกันที่อยู่ตรงชานเมืองด้วยตัวเองแล้ว
แต่ผลก็ไม่ต่างจากที่เคยคาดคิดไว้ แม้ว่าลี่เฉินซีจะใช้ชื่อของตัวเองเจอหานฉ่ายหลิง ก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน
ตำรวจหญิงเดินออกมาอย่างรู้สึกผิด มองไปที่สองคนและส่ายหัว
ลี่เฉินซีหันข้างไปมองซูย้าวด้วยสีหน้าลำบากใจ “แล้วตอนนี้ควรทำยังไงดี”
เธอครุ่นคิดไปมา เดินไปที่ข้างหน้าตำรวจหญิง ควักรูปถ่ายรูปหนึ่งออกมาจากข้างในกระเป๋า ยื่นให้อีกฝั่ง “รบกวนช่วยเอารูปถ่ายรูปนี้ให้คุณหานดูหน่อยได้ไหม”
ตำรวจหญิงกวาดสายตามองครั้งหนึ่ง ในรูปเป็นภาพของเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในอ้อมแขนของคนชราและกอดกัน บนหัวของเด็กผู้ชายใส่เครื่องประดับการ์ตูนไว้ สีหน้ายิ้มแย้มดูมีความสุขมาก
เนื่องจากว่าก็ไม่ใช่สิ่งของต้องห้ามอะไร ตำรวจหญิงจึงอนุญาต
ซูย้าวรอจนถึงใกล้เวลาตอนเที่ยง เพิ่งได้ยินเสียงของกุญแจมือก็หันหน้าไปด้านหลังอย่างฉับพลัน ตำรวจหญิงบอกให้เธอเข้าไปห้องรับแขก
พอได้เจอหานฉ่ายหลิงอีกครั้ง เธอตัดผมแล้ว ผมยาวที่หยิกเล็กน้อยก่อนหน้านี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย สิ่งที่มาแทนคือผมสั่นที่สะอาดเรียบง่าย ใบหน้าที่แต่งหน้าจัดก่อนหน้านี้ ขณะนี้ไม่มีเครื่องสำอางก็ทำให้มีความสดใสอยู่เล็กน้อย ดั่งดอกบัวพ้นน้ำ ก็ถือว่าสวยอยู่
ซูย้าวกับเธอมองกันอยู่ห่างๆ โดยมีกระจกบานหนึ่งกั้นเอาไว้ระหว่างเธอสองคน หลังจากรอตำรวจหญิงออกไปแล้ว หานฉ่ายหลิงอยู่ๆ ก็ถือรูปถ่ายนั้นขึ้นมา ลุกขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม กัดฟันพูดว่า “ซูย้าว แกมีอะไรก็มาหาฉัน อย่ายุ่งกับชาร์ลีและพ่อฉัน!”
“ชาร์ลีไม่รู้อีโหน่อีเหน่ พ่อฉันอายุก็เยอะมากแล้วด้วย พวกเขาไม่รู้อะไรเลย แกจะเกลียดจะโทษ ก็โทษฉันหมดเลย แกอยากหาเรื่องฉันยังไงก็ได้ แต่…ปล่อยพวกไปเถอะ!”
ซูย้าวฟังเสียงโมโหของเธออยู่เงียบๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ว่าหานฉ่ายหลิงเป็นคนแบบไหน ก่อนหน้านี้ทำอะไรให้ชาร์ลียังไง สุดท้ายแล้วก็เป็นลูกของสายเลือดตัวเอง เป็นไปได้ไงที่จะไม่แคร์
ซูย้าวแค่นึกไม่ถึง รูปถ่ายรูปเดียวเอง กลับได้ปฏิกิริยาที่ใหญ่ขนาดนี้ของเธอ…