ทันใดนั้น ลูกน้องอีกคนหนึ่งก็เตรียมโต้กลับ แต่เพียงแค่เขายกกำปั้นขึ้น ก่อนที่จะได้เข้ามาใกล้ ก็ถูกลี่เฉินซีจับแล้วเตะหน้าท้องเต็มแรง จนต้องลงไปกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
บอดี้การ์ดเหล่านั้นยังคงไม่ยอมแพ้ ก่อนจะพยายามลุกขึ้นด้วยความเจ็บปวด ลี่เฉินซีก้าวเท้าไปเตะซ้ำอีกครั้งอย่างไม่รอช้า ‘ปัง’ ลูกน้องอีกคนฟุบล้มไปกับพื้น พร้อมกับปากแตกและเลือดไหลออกมา
ภาพตรงหน้าทำให้ เถ้าแก่อู๋ต้องชะงักไปทันที เขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ท่านประธานลี่ ท่านประธานลี่ครับ มีอะไรพูดกันดีๆ ก็ได้ ถ้ามีเรื่องอะไรเรามาค่อยๆ พูดค่อยๆ ว่ากันดีกว่า อย่าให้ถึงกับต้องลงไม้ลงมือกันเลย…”
บอดี้การ์ดสองคนนี้ เถ้าแก่อู๋เสียเงินจ้างมาไม่ใช่น้อย แสดงให้เห็นเลยว่าเป็นการคัดมาอย่างดี ถือว่ามีฝีมืออยู่ในระดับหนึ่ง แต่ต่อให้เป็นแบบนั้น พวกเขากลับถูกลี่เฉินซีจัดการจนกลายเป็นแค่พวกลูกแมว เถ้าแก่อู๋จึงต้องพยายามปกป้องตัวเองด้วยความหวาดกลัว
เขาพยายามหว่านล้อม ก่อนที่จะเหลือบตามองไปยังหญิงสาวที่ถูกลี่เฉินซีดึงเข้าไปไว้ในอ้อมแขน นัยน์ตาวาววับขึ้นมาทันที พร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณถูกใจผู้หญิงคนนี้เหรอครับ? งั้นผมยกเธอให้คุณเลย เอาไปเลย!”
“ยกให้?” ลี่เฉินซีทวนคำที่เขาได้ยินซ้ำอีกรอบ นัยน์ตาที่เย็นชาค่อยๆ หรี่ลง
คำคำเดียวที่นิ่งเรียบ แต่กลับพัดพาความมืดครึ้มและความชั่วร้ายเข้ามาไม่มีที่สิ้นสุด เป็นการทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นหวาดกลัวได้อย่างไม่มีเหตุผล
‘ปึก’ เถ้าแก่อู๋หวาดกลัวจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าน่าเกลียดนั้นซีดเผือด “ไม่ใช่ยกให้ครับ ไม่ใช่ ผมมันปากพล่อยปากไม่ดีเอง ท่านประธานลี่อย่าเพิ่งโมโหนะครับ ผมจะไม่ทำอะไรผู้หญิงคนนั้นแล้ว…..”
ลี่เฉินซีไม่สนใจเขาไปชั่วขณะ แต่กลับเหลือบตามองมายังหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนแทน ก่อนจะสังเกตเห็นรอยแผลตรงแขนซ้ายของเธอพอดี นัยน์ตาของเขาค่อยๆ หม่นแสงลง
หลังจากนั้นเขาจึงค่อยๆ โอบรัดแขนที่เอวเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย สายตาเคร่งขรึมจ้องไปยังชายท่าทางประจบสอพลอตรงหน้าหน้า “คุณทำร้ายเธอ”
เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เขาแทบจะหยุดหายใจเมื่อนึกถึงภาพที่ตัวเองถือมีดอย่างดุดันเมื่อครู่ ก่อนจะแก้ตัวอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “ผมสมควรตายครับ ผมสมควรตาย!”
เขาละล่ำละลักพร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าตัวเอง “ผมมันมีตาแต่หามีแววไม่ครับ ท่านประธานลี่อย่าถือโทษกันเลย ผมสาบานเลยว่าหลังจากนี้ผมจะไม่แตะต้องผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว!”
ลี่เฉินซีเบนสายตาไปทางซูย้าว พร้อมกับยกมือขึ้นสัมผัสไปที่แก้มของเธอเบาๆ ริมฝีปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อย ทำให้เห็นรอยบวมแดงเล็กๆ ที่มุมปาก นัยน์ตาของเขามืดครึ้ม แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำหรือพูดอะไรต่อ ซูย้าวก็คว้าข้อมือของเขาไว้ พร้อมกับพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “พอแล้ว”
เธอลืมตาขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับใช้นัยน์ตาคู่สวยมองมาทางเขา “พอได้แล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ!”
ลี่เฉินซีชะงักไปชั่วขณะ ในระหว่างที่เขากำลังตกตะลึง ซูย้าวก็คล้องแขนเขา พร้อมกับหันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ในตอนที่กำลังหันหลังกลับ เขาสังเกตเห็นว่าซูย้าวเหลือบตามองไปทางเถ้าแก่อู๋อย่างชัดเจน สายตานั้นเย็นยะเยือก มันแปลกตาเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
สายตาแบบนั้น เหมือนพรานป่าที่กำลังล่าสัตว์ร้าย เหมือนหมาป่าที่กำลังหิวโซในดินแดนที่แห้งแล้ง เป็นการซุกซ่อนความโหดเหี้ยมเอาไว้ราวกับจะระเบิดออกมา
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง เขาก็ไม่ค่อยจะใส่ใจ ที่เขาสนใจที่สุดก็คือตัวเธอ
ทั้งสองคนขึ้นรถ ซูย้าวนั่งเงียบอยู่ที่เบาะด้านข้างคนขับ ปล่อยให้เขาขับรถออกไปเรื่อยๆ โดยที่เธอไม่ได้พูดอะไร
เธอเพียงแค่เบือนหน้ามองออกไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดในยามค่ำคืน รอยย่นเล็กๆ ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเธอ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มันแปลกเกินไป
เถ้าแก่อู๋บอกว่าเธอเป็นสินค้าของปลอม?
ดูท่าแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้น คงไม่ใช่การเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ แน่
เธอกำลังคิดวกไปวนมา แต่อยู่ๆ ก็ได้สติ เมื่อรถค่อยๆ หยุดลง
ในตอนนี้ซูย้าวพึ่งจะสังเกตเห็น ว่าก่อนที่เธอจะรู้ตัว รถได้ขับออกมาถึงชานเมืองแล้ว มีเพียงแสงไฟริมถนนประปราย แสงสลัวบนท้องถนนภายใต้ความมืดมิดราวกับม่านแห่งราตรีนี้ เรียงแถวคล้ายมังกรตัวยาว ที่จะนำทางไปสู่จุดจบที่ไม่รู้จัก
เธอหันไปอีกทางด้วยความสงสัย “ทำไมไม่ไปต่อล่ะ? มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
ทันทีที่เธอพูดจบ ก็ได้ยินเสียง ‘คลิก’ ชายหนุ่มที่นั่งฝั่งคนขับปลดเข็มขัดนิรภัยออก และวินาทีต่อมา ร่างสูงราวกับภูเขาที่เย็นยะเยือก ก็พลิกตัวเข้ามาหาเธอ พร้อมกับเอามือทั้งสองข้างรั้งเอวเธอเข้าหา จากนั้นก็ดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขนของเขาแล้วกอดเธอไว้แน่น
เขาฝังศีรษะเอาไว้ระหว่างซอกคอและหัวไหล่เธอ ลมหายใจที่เย็นยะเยือกค่อยๆ ร้อนขึ้นมา เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
ซูย้าวนั่งนิ่ง เธอตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย
แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น คือเธอไม่ตอบสนองเขาเลยสักนิด เหมือนกับถูกเขาใส่กุญแจมือเอาไว้อย่างแน่นหนาไม่ยอมให้เธอได้ต่อต้านหรือดิ้นรน
เป็นเวลานาน ลี่เฉินซีถึงจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พร้อมกับใช้นัยน์ตาคู่สวยมองไปทางเธอ ในวินาทีนั้นลมหายใจของเขาสะดุด ก่อนจะขมวดคิ้วเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า “กัดผมสักทีสิ”
ซูย้าวชะงัก “อะไรนะ?”
“กัดผม” เขาพูดซ้ำ
สุดท้ายเธอก็ให้ความร่วมมือ พยักหน้าเบาๆ ยังไม่ทันได้คิดอะไรก็ขยับเข้าไปที่ซอกคอของชายหนุ่ม พร้อมกับค่อยๆ อ้าปาก
กัดครั้งนี้ เธอออกแรงไปเต็มแรง จนรู้สึกได้ถึงความเค็มในปาก จึงค่อยๆ ปล่อยออกมา
เธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับมองดูเขาด้วยท่าทีตั้งรับ ก่อนที่ชายหนุ่มจะมีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับ เธอก็พูดขึ้นว่า “คุณให้ฉันกัด…”
ริมฝีปากบางของลี่เฉินซียกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาที่เย็นชาราวกับเหยี่ยวปิดลง พร้อมกับถอนหายใจออกมาราวกับกำลังพอใจ และยินดีเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา จนยากที่จะแสดงออก
เขากอดเธอแน่นขึ้นอีกครั้ง แววตาที่ลึกล้ำของเขานั้นหนักอึ้ง “นี่เป็นเรื่องจริง คุณกลับมาแล้ว”
ซูย้าวไม่ขยับ เธอเพียงแค่พูดว่า “ใช่ ฉันกลับมาแล้ว”
ลี่เฉินซีมองเธอด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เอาแต่ใจ แต่ก็สดใสและเปล่งปลั่ง ราวกับสายลมของฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะอบอุ่นหัวใจ ถึงอย่างนั้นซูย้าวก็ยังรู้สึกได้ว่ามันไม่ปลอดภัย แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรมันก็สายเกินไปเสียแล้ว ราวกับหินเหล็กไฟที่ร้อนแรง ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาพร้อมกับประกบปากเข้าหาเธอทันที
กลิ่นของบุหรี่พุ่งเข้ามาทันที พร้อมกับปิดปากเธอไว้แน่น ทั้งความโกรธ ความบ้าคลั่ง ราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว
ซูย้าวตัวแข็งทื่อ พร้อมกับจ้องมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างว่างเปล่า ชายหนุ่มดูไม่พอใจกับท่าทางที่ไม่รู้ความนี้ เขาจึงยกมือเชยคางเธอขึ้น
แรงของเขาเยอะมาก และดูเหมือนจะใช้แรงทั้งหมดที่มี ซูย้าวจึงได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดที่แทบจะทนไม่ไหว ซึ่งเธอก็สู้แรงเขาไม่ได้ เลยได้แต่ทำท่าทางเก้ๆ กังๆ จนเขาพอใจ
ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะปล่อยเธอออกมา ถึงแม้จะยังมีความไม่พอใจอยู่บ้างเล็กน้อย เขาบีบแก้มของเธอเบาๆ แล้วเอาปลายนิ้วปัดไปที่จมูกของเธอ พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ ว่า “ยังไม่รู้เรื่องอยู่อีกนะ!”
เห็นได้ชัดเลยว่าเขาอารมณ์ดีกว่าเมื่อสักครู่นี้แล้ว
ซึ่งสามารถดูออกได้จากการจูบในรอบถัดมา
เธอก็ไม่ต่างจากเมื่อสองปีที่แล้วเลย ไม่รู้เรื่อง ติ๊งต๊องอีก มันหมายความว่ายังไง? ก็คงในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ รอบตัวเธอคงไม่มีเพศตรงข้ามเลยสินะ
ลี่เฉินซีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นอะไรไป สิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเป็นอย่างแรกทำไมเป็นเรื่องนี้!
เขารีบเก็บความคิดของตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงค่อยๆ จับใบหน้าเล็กของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและมีเสน่ห์ขึ้นว่า “ผมอยากกินคุณเร็วๆ”
เขาพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมา แต่ก็ยังไม่ได้บ้าบิ่นถึงขนาดนั้น นี่มันในรถ ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร
ในที่สุดก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ยังไงก็ต้องกลับบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากัน…
แต่เขาคิดไปได้เพียงครู่เดียว ซูย้าวก็ยกแขนขึ้นมาโอบรอบคอของเขา พร้อมกับเปลี่ยนมาเป็นผู้รุกแทน ใบหน้าขาวสวยของเธอค่อยๆ เข้าใกล้เขา จากนั้นก็จุมพิตไปที่ริมฝีปากของชายคนหนุ่มเบาๆ
ลี่เฉินซีตกตะลึง ยังไม่ทันได้คิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นเธอก็ค่อยๆ ปล่อยเขาออก “สำหรับของขวัญชิ้นนี้น่าจะพอแล้วนะ? ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือเมื่อครู่นี้ คุณลี่ ราตรีสวัสดิ์”
ขณะที่เธอพูด เธอก็ผลักประตูรถออกไปด้านนอกด้วย และเมื่อก้าวลงไป เธอก็ยังไม่ลืมที่จะโบกมือลาให้กับชายที่ยังนั่งตกตะลึงอยู่ในรถ จากนั้นจึงคลี่ยิ้มออกมาเบาๆ แล้วก็เดินจากไป
ลี่เฉินซีผงะไปครู่หนึ่ง พอเขาลงมาจากรถ ซูย้าวก็โบกแท็กซี่ที่บังเอิญผ่านมา พร้อมกับขึ้นรถจากนั้นก็ค่อยๆ จากไปแล้ว
เขายืนอยู่เพียงลำพังในยามค่ำคืนภายใต้ม่านแห่งราตรี ที่ตอนนี้ปกคลุมไปด้วยแสงไฟริบหรี่ริมถนน ส่งผลให้ลึกลับและความน่าสงสัยภายในแววตาของชายหนุ่มขยายออกไปจนถึงขีดสุด…