เมื่อกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลลี่ ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
พ่อบ้านเก่าแก่ยังคงตื่นอยู่และเห็นลี่เฉินซีกลับมาจากด้านนอก จึงรีบทักทายเขาว่า “คุณผู้ชาย ทานข้าวมาหรือยัง?ดื่มมารึเปล่า?ผมจะทำซุปอาการเมาค้างให้ครับ”
เขาส่ายหัวแล้วเดินตรงขึ้นไปชั้นบน เขาหยุดแล้วหันไปมองพ่อบ้านเก่าแก่
หลายปีมานี้ พ่อบ้านอยู่ในบ้านตลอด เพื่อดูแลเขาและลูกๆ ไม่ต้องพูดถึงความจริงจังและความรับผิดชอบ ในการทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จ ถึงแม้จะเป็นความสัมพันธ์ของการจ้างงานในระดับหนึ่งก็ถือได้ว่าเป็นสมาชิกในครอบครัว
ลี่เฉินซีครุ่นคิด “มันดึกแล้ว ไปพักผ่อนได้แล้ว! คราวหน้าไม่ต้องมารอผมแค่คนเดียวแล้ว ไปนอนก่อนเลย! ”
พ่อบ้านชรารู้สึกอบอุ่นและยิ้มเมื่อมองมาที่เขา “ผมแก่แล้ว ผมไม่เป็นไรหรอก”
ทั้งสองแลกเปลี่ยนคำพูดกันเล็กน้อย เมื่อลี่เฉินซีขึ้นไปชั้นบนอีกครั้ง เขาไม่ได้ไปที่ห้องตัวเองทันที แต่เป็นเรื่องปกติที่จะไปที่ห้องของลูกก่อน
ตอนแรกคิดว่าเด็กๆ หลับกันหมดแล้ว คิดไม่ถึงว่าในห้องของลี่เจิ้งนั้นยังคงสว่างอยู่ และยังมีเสียงออกมาในบางครั้ง
เมื่อเขาเดินไปที่ประตูและเปิดประตู เขาเห็นว่าภายในห้องขนาดใหญ่ ซีซีกำลังนอนอย่างเกียจคร้านบนเตียงใหญ่ของลี่เจิ้ง บนเก้าอี้คอมพิวเตอร์ข้างๆ มีลี่เจิ้งนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางมืดมน และข้างเขาคือลี่หมิงที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเล่นคอมพิวเตอร์
พวกเด็กๆ น้อยนักที่จะรวมตัวอยู่ด้วยกันและน่าประหลาดใจที่ลี่เจิ้งไม่ได้โกรธขนาดนั้น แม้ว่าซีซีจะทำให้เตียงของเขาเลอะเทอะไม่เป็นระเบียบและขนมที่เขากินตกลงไปบนพื้น ก็ไม่ได้โกรธมาก
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว ทันทีที่เขาเดินเข้ามา ก็ถูกลูกสาวที่รีบลุกจากเตียงเข้าไปกอดต้นขา “คุณพ่อขา บอกมาเร็วๆ เลยนะว่า เดทกับคุณแม่เป็นยังไงบ้าง?พาคุณแม่กลับมาหรือยัง? ”
ซีซีมองที่เขาอย่างโหยหา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของเธอเปล่งประกาย
ลี่หมิงที่อยู่ด้านข้างก็ละสายตาจากคอมพิวเตอร์ ถอดหูฟังออก แล้วรีบวิ่งมาสมทบ “กับคุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ แล้วเมื่อไหร่เธอจะมาหาเรา?”
เด็กทั้งสองต่างก็ถาม แต่ลี่เจิ้งยังคงนิ่งเงียบ
แม้ว่าลี่เจิ้งจะไม่ถามอะไร แต่ก็สามารถมองออกได้ว่า เขามองไปด้านข้างให้ความสนใจกับทุกย่างก้าวของลี่เฉินซี แม้กระทั่งให้ความสนใจกับการแสดงออกที่ละเอียดอ่อนบนใบหน้า
ลี่เฉินซีถอนหายใจอย่างอ่อนแรง ก้มลงมองดูและเอนตัวไปมองที่ลูกชายและลูกสาวอย่างรวดเร็ว พลางยิ้มออกมา “พ่อกลับมาแบบนี้ จะไม่สำเร็จได้ยังไง คุณแม่เขามีความสุขมาก เพียงแต่ว่า?”
เขายืดเสียงของตน บางครั้งก็ไม่รู้วิธีรวบรวมคำพูดเพื่ออธิบายให้เด็กฟัง
ลี่หมิงเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติของเขาและรีบถามว่า “เพียงแต่ว่าอะไรเหรอครับ?”
ซีซีก็ถามขึ้น “ใช่แล้ว พูดเร็วๆค่ะ เป็นยังไงต่อ?”
ลี่เจิ้งมองมาที่ด้านนี้สักครู่ ท่าทางกังวลของเขาก็ชัดเจนมากเช่นกัน
ลี่เฉินซีสูดหายใจเข้าลึกๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามคิดให้ดีที่สุดแล้วยื่นมือไปลูบหัวเด็กๆ “ก็แค่นานๆทีแม่จะมีเวลาว่าง ถ้างั้นก็ให้พ่อกับแม่นัดหมายอีกสองสามครั้ง ตกลงไหม?”
“อ่า?” ซีซีอุทานเหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็แฝงไปด้วยผิดหวัง
เป็นเวลายาวนานนับตั้งแต่แรกเกิดถึงห้าขวบซีซีล้วนแต่อยู่กับซูย้าวมาตลอด เธอคาดหวังว่าแม่ของเธอจะกลับมามากกว่าใครๆ และเธอหวังว่าเธอจะกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของซูย้าวทันทีที่กลับมา แต่เมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้เธอจึงไม่สามารถทนได้
ลี่หมิงเองก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่โชคดีที่เขามีสติสัมปชัญญะ พอจะคิดออกว่า “ก็จริง แม่เคยลำบากมามาก ไม่ง่ายเลยที่ตอนนี้จะมีเวลา ให้มีเวลาเที่ยวเล่นมากกว่านี้ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
ลี่เฉินซีพูดตามน้ำไปกับเด็กๆ ด้วย“ใช่แล้ว นอกจากนั้นยังต้องเผื่อเวลา ให้พ่อทำตัวดีๆ แล้วกลับไปหาแม่ด้วย!”
ซีซีเม้มปากของเธอเล็กน้อย “งั้นคุณพ่อต้องสู้ๆ นะคะ คุณแม่ไม่ได้ง้อได้ง่ายๆ นะคะ”
สาวน้อยพูดแล้วเธอก็เอื้อมมือไปโอบคอของลี่เฉินซีแล้วจุ๊บเขาที่ใบหน้า “แต่มันไม่สำคัญหรอก ถ้ามันไม่ได้ผล ก็แค่ปล่อยพวกเราจัดการ พวกเราจะเป็นท่าไม้ตายให้คุณพ่อเอง! ”
เขายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวและตอบกลับว่า “พวกหนูเป็นมากกว่าท่าไม้ตายของพ่ออีก ทุกคนคือลูกรักของพ่อนะ! ”
เขาเกลี้ยกล่อมเด็กทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพา ซีซีกลับไปที่ห้อง แล้วจึงหันหลังกลับไปอุ้มลูกชายคนเล็กและพาเด็กสองคนเข้านอนทีละคน จากนั้นลี่เฉินซีก็หันกลับไปที่ห้องของลูกชายคนโต
ในตอนนี้ ลี่เจิ้งกำลังจดจ่อกับการจัดเตียง ตบเศษขนมบนผ้าปูที่นอนอย่างจริงจัง ซึ่งบางครั้งก็มีความรุนแรงเกินจริงไปบ้าง
ลี่เฉินซียืนกอดอกมองดูสักครู่อยู่แล้วจึงพูดว่า “ลูกอยากเปลี่ยนผ้าปูที่นอนไหม?”
เด็กคนนี้มีนิสัยรักความสะอาดมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และมีนิสัยเหมือนกับเขาทุกประการ
ลี่เจิ้งไม่พูดอะไร เขายังคงก้มศีรษะและปฏิบัติต่อผ้าปูที่นอนและผ้าห่มด้วยความรุนแรงเช่นเคย แม้แต่หมอนก็ถูกโยนลงบนพื้นด้วยความรังเกียจ
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเดินไปหยิบหมอนแล้วหันไปที่ห้องแต่งตัวด้านใน แล้วหยิบชุดเครื่องนอนใหม่ในตู้เสื้อผ้ามา เมื่อกลับมาที่ห้องก็พาลูกชายออกไปและเริ่มเปลี่ยนมันด้วยตัวเอง
โดยหลักการแล้ว งานการดูแลลูกนั้น เขาไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างเองและเวลาว่างก็หายาก เขายุ่งมาก แต่บางครั้งเวลาว่างก็ยังเต็มใจที่จะเลี้ยงลูกเอง
ท้ายที่สุด พวกเขาล้วนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง เมื่อมองดูลูกๆ ทุกคน ผมรู้สึกเหมือนเป็นตัวย่อในขนาดย่อส่วน จะอยากความรับผิดชอบอย่างตั้งใจหรือไม่ก็เลือกไม่ได้ทั้งนั้น
ลี่เจิ้งนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ มองลี่เฉินซีเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้าห่มให้เขาอย่างเงียบๆ และยังคอยเตือนเขาเป็นครั้งคราวเพื่อให้เขาดีขึ้น
ลี่เฉินซีเกือบจัดการเตียงเสร็จก็นั่งลงข้างเตียงแล้วเอื้อมมือออกไปหาลูกชายบนเก้าอี้และดึงลี่เจิ้งไปกอดโดยไม่คาดคิด “เจ้าหนูตัวเหม็น พ่อจะช่วยจัดการเอง ลูกยังอยากจะสั่งการอยู่ข้างๆไหม?”
ลี่เจิ้งยักไหล่ เผยให้เห็นฟันขาวของเขาจากรอยยิ้ม
เขาลูบหัวลูกชายโดยคิดถึงรูปร่างหน้าตาเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก มือสีขาวเล็กๆ คว้าเนคไทของเขาและยัดเข้าปากอย่างไร้เดียงสา ซูย้าวยังคงเป็นใบ้ในขณะนั้น เธอไม่สามารถพูดได้ แต่รีบดึงลูกออกจากอ้อมแขนของเขา และกวักมือเรียกเจิ้งเอ๋อเพื่อหยุดเขาไม่ให้กินสิ่งนั้น
อดีตเป็นเหมือนควัน ฉากต่างๆ ฉายแววขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา เขามองดูเด็กด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเป “เจิ้งเอ๋อ ตอนลูกยังเด็ก แม่รักลูกมากนะ”
ลี่เจิ้งตกตะลึง ดวงตากลมโตที่ดูเหมือนนิลกะพริบและค่อยๆ หรี่ลง ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้า “ผมรู้”
ลี่เฉินซียิ้ม “ในเมื่อรู้แล้วก็จงอย่ากังวลเรื่องแม่ ตกลงไหม? ให้เวลาเธอมากกว่านี้ มันเป็นความผิดของพ่อเองที่ไม่ได้ปกป้องเธอ… ”
ลี่เจิ้งก้มศีรษะลงอีกครั้งและเอนตัวพิงแขนของผู้เป็นพ่อ หลังจากผ่านไปสักพัก เขาจึงตอบว่า “…ตกลง”
มีลูกเยอะนี่ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
เมื่อลี่เฉินซีส่งลูกชายคนโตเข้านอนก็เป็นเวลาเกือบตีสองแล้ว
เขาก็เหนื่อยเล็กน้อย น่าแปลกที่เขาไม่ได้ไปทำงานแต่ตรงไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน
……
ทางด้านโรงแรม เมื่อซูย้าวตื่นขึ้นในตอนเช้าก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันที และเป็นคนแรกที่เห็นข้อความจากลี่เฉินซีว่า “ลุกขึ้นไปทานข้าวเช้า แล้วทานยาโรคกระเพาะด้วยนะครับ”
ในประโยคง่ายๆ ในการดูแลอย่างเป็นธรรมชาติ มีน้ำเสียงที่ไม่ต้องสงสัยเลย
ซูย้าวขมวดคิ้วและบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของเขาไว้ในโทรศัพท์มือถือ เธอลังเลเล็กน้อยแต่ก็แทนที่คำสามคำที่ป้อน “ลี่เฉินซี”เปลี่ยนเป็น “หนุ่มโสดผู้มีลูก 3 คน” แล้วยิ้มออกมา
เพียงแต่รอยยิ้มนั้นออกมาเพียงสั้นๆ จนเมื่อเธอสังเกตเห็น เธอก็สะดุ้งและรีบรวบผมยาวของเธอโดยไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะลุกขึ้นและไปห้องน้ำ
เมื่อเธออาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และออกจากห้องนอน อาตงและอาเจว๋ยืนอยู่ด้านนอกด้วยความเคารพ คนหนึ่งถือกาแฟร้อนหนึ่งถ้วย และอีกคนหนึ่งถือหนังสือพิมพ์รายวัน
ซูย้าวเดินไปโดยไม่แม้แต่จะมอง นั่งบนเก้าอี้ในห้องอาหาร หยิบหนังสือพิมพ์รายวันแล้วอ่านผ่านๆ เมื่อดูข่าวที่ตีพิมพ์ในหน้าแรก รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สวยงาม
ทันทีที่เธอลืมตาขึ้น มองหลินเจว๋ที่อยู่ด้านหนึ่ง “ดูเหมือนว่า คุณทำได้ดีในเรื่องนี้”
อาเจว๋หลับตาลงอย่างนอบน้อม “เพียงทำตามคำแนะนำของคุณ นี่เป็นวิธีการที่ฉลาดมาก การเข้ายึดครองกิจการของบริษัท GT ไม่เพียงแต่จะสามารถควบคุมบริษัทLGได้ เท่านั้น แต่ยังส่งผลกับบริษัทลี่ซื่อด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คุณอันเฉียบแหลมมากครับ”