ในห้องพักผู้ป่วยที่สว่างไสว โม่หว่านหว่านกำลังพิงหมอนและฟังเพลง
เธอมักจะเอื้อมมือออกไปพยุงหน้าท้องส่วนล่างที่ยื่นกลมโตและพึมพำกับตัวเองว่า “ลูกรัก ชอบฟังเพลงเปียโนเพลงนี้ใช่ไหมนะ”
ทุกครั้งที่เด็กในท้องดิ้นแรง เธอเพียงต้องเล่นเพลงเปียโนนี้เท่านั้น และการเคลื่อนไหวของเด็กน้อยก็จะเบาลงได้เล็กน้อย
นี่อาจเป็นความมหัศจรรย์ของการตั้งครรภ์ คุณสามารถโต้ตอบกับลูกได้โดยผ่านทางท้อง และความผูกพันนี้ก็เกิดขึ้นทีละน้อย
หลังจากฟังเพลงอยู่นาน ไม่มีอะไรให้ทำ โม่หว่านหว่านปิดเพลงแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อหยิบรีโมทคอนโทรลขึ้นมาเปิดทีวี
กดสุ่มเลือกช่องไปสองสามช่องและถูกดึงดูดโดยไม่ได้ตั้งใจจากข่าวตอนเที่ยงที่ออกอากาศอยู่ ภาพเงาที่คุ้นเคยของผู้ชายบนหน้าจอทำให้เธอประหลาดใจ
นักข่าวกำลังรายงานข่าวอย่างเอาจริงเอาจัง “มีรายงานว่าบริษัทLG ร่วมมือกับบริษัทในเครือบริษัทฉีหยุนพัฒนาเขตเมืองถนนกู่อาน ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และความไม่พอใจจากสาธารณชน เนื่องจากการจ่ายเงินชดเชยการย้านถิ่นฐานจาก 80% ก่อนในก่อนหน้านี้ ลดลงเหลือเพียง 20% อย่างกะทันหันและยิ่งไปกว่านั้นบริษัทLG ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบก็ไม่ได้ให้คำตอบ … ”
โม่หว่านหว่านดูสับสนและประหลาดใจ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดโทรศัพท์ของลู่ส้าวหลิงโดยไม่รู้ตัว แต่โทรศัพท์ก็ถูกปิดอยู่ตลอดเวลา
ข่าวในโทรทัศน์เกือบทุกช่องต่างก็แย่งกันรายงานเหตุการณ์ ในระหว่างการถ่ายทอดสด ลู่ส้าวหลิงถูกรายล้อมไปด้วยนักข่าวและฝูงชนนับไม่ถ้วน ฝูงชนต่างโห่ร้องและเดินขบวนกันประท้วงด้วยความเดือดดาล บรรยากาศตึงเครียดอย่างมาก..
โม่หว่านหว่านสับสนเล็กน้อย เกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาเขตเมืองถนนกู่อานซึ่งเป็นความร่วมมือของบริษัทLG และบริษัทลี่ซื่อได้เสนอชื่อร่วมกัน แต่การดำเนินการกลับถูกส่งไปยังเฉพาะบริษัทLGแห่งเดียวเท่านั้น
บริษัทฉีหยุน ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทLG ผู้รับผิดชอบคือประธานถังติดต่อทำธุรกิจกับบริษัทLG มาหลายทศวรรษ แม้ว่าโม่หว่านหว่านจะไม่รู้จักเขาดีพอ แต่ลู่ส้าวหลิงเชื่อใจเขามาก แล้วมันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
เธอกระสับกระส่ายอยู่ในห้อง รู้สึกว่าร่างกายของเธอไม่มีปฏิกิริยาผิดปกติ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้าและนั่งแท็กซี่ไปที่เขตเมืองถนนกู่อาน
นี่เป็นของเมืองเก่า เนื่องจากข่าวล่าสุด คนขับแท็กซี่จึงพาเธอไปที่ถนนใกล้ๆ เท่านั้น หลังจากลงจากรถ โม่หว่านหว่านก็เดินอยู่ข้างถนน เมื่อไปถึงถนนสายหลักของถนนกู่อานสายหลัก ก็เห็นผู้คนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันถือป้าย เขียนสโลแกน ทุกคนต่างก็โกรธมาก เป็นฉากที่น่ากลัวมากแม้มองจากไกลๆ
โม่หว่านหว่านกังวลเกี่ยวกับร่างกายของตนเองจึงทำได้เพียงแค่มองจากระยะไกล แต่ก็ไม่พบลู่ส้าวหลิงในฝูงชนนั้น ดังนั้นเธอจึงหันหลังกลับและมองที่อื่น
เธอเดินไปตามทาง และทุกคนที่สัญจรไปมาก็ล้วนแต่ได้ยินเรื่องค่าชดเชยการย้ายที่อยู่
ยิ่งฟังโม่หว่านหว่านก็ยิ่งอึดอัด แม้ว่าลู่ส้าวหลิงจะเป็นนักธุรกิจ แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้แสวงหากำไร และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้จัดการกับการพัฒนาเมืองเก่า ทุกครั้งก็จะมีการชดเชยซึ่งล้วนแล้วแต่มหาศาล เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
มันต้องมีปัญหาแอบแฝงแน่ๆ!
โม่หว่านหว่านตั้งใจแน่วแน่ในจุดนี้และเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
ไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหน แต่ก็มาถึงที่บริเวณรื้อถอนด้วยความงุนงง
เนื่องจากการฟื้นฟูเขตเมืองถนนกูอานไม่ได้เป็นเพียงวาระการประชุมเท่านั้น จึงมีการเริ่มงานเมื่อครึ่งปีที่แล้วและงานรื้อถอนก็ดำเนินไปเช่นกัน เมื่อมองไปรอบๆ ที่อยู่อาศัยหลายแห่งถูกรื้อถอนลงกับพื้น รถเครนและรถตักดินกระจัดกระจายอยู่ไกลๆ ดูเหมือนว่าเนื่องจากข่าวงานถูกระงับ
มีรั้วป้ายสีฟ้ารอบๆ อาคาร พื้นที่ก่อสร้างกว้างมาก โม่หว่านหว่านค่อยๆ เดินไปรอบๆ พยายามหาทางเข้าออก
บนถนนที่ห่างไกล รถปอร์เช่คาเยนน์สีดำก็เข้ามาในเวลานั้นเช่นกัน
ซูย้าวเหลือบมองที่ถนนด้านนอก เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเอื้อมมือออกไปดันประตูเพื่อลงจากรถ อาตงที่นั่งคนขับก็อ้าปากพูด “คุณผู้หญิง”
เธอชะงักเล็กน้อยแล้วหันไปมองชายคนนั้น
อาตงกล่าวต่อ “เหตุการณ์นั้นถูกเปิดเผยแล้ว ที่นี่ไม่ปลอดภัย หากคุณอยู่คนเดียว ผมไม่สบายใจ”
ซูย้าวเลิกคิ้วของเธอแล้วหัวเราะออกมา
เธอหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ ยกมือขึ้นปัดผมใกล้ใบหูแล้วค่อยๆ หรี่ตาลง “กลัวอะไรล่ะ? คนที่นี่ไม่รู้ว่าฉันเป็นใครในตอนนี้ ไม่เป็นไรหรอก”
หลังจากหยุดเล็กน้อย เธอพูดอีกครั้งว่า “เรื่องแบบนี้ อาเจว๋จะยุ่งอยู่คนเดียวไม่ได้ คุณไปช่วยเขาหน่อยเถอะ! ”
อาตงก้มศีรษะลงอย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังกังวลอยู่ “ถ้าอย่างนั้น คุณก็อยู่คนเดียว… ”
ซูย้าวชำเลืองมองเขา แววตานั้นดูเหมือนจะสดใส แต่ความจริงแล้วมันเต็มไปด้วยความเย็นชา อาตงเพียงแค่ชำเลืองมอง เขาก็อดที่จะรู้สึกเย็นวาบในใจไม่ได้
เมื่ออาตงจากไป เขาออกจากรถแล้วพูดว่า”ถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณต้องติดต่อผมกับอาเจว๋นะครับ”
ซูย้าวไม่สนใจ ทำเพียงแค่หันหลังและเดินไปที่สถานที่ก่อสร้างในพื้นที่ย้ายถิ่นฐาน
วันนี้เธอไม่มีอะไรต้องทำ และสิ่งที่เธอต้องรับมือได้เตรียมการไว้สำหรับอาเจว๋และอาตงแล้ว ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็คือผ่านวันที่ไม่มีงานและรออย่างเงียบๆ เพื่อรับคำตอบจากพวกเขา
แต่ว่าไม่รู้ทำไม ซูย้าวรู้สึกว่าเขตเมืองเก่าดูมีชีวิตชีวามาก หากไม่เข้ามาดูก็เกรงว่าจะทำลายสิ่งที่เธอตั้งใจไว้
เพราะถึงยังไงก็ไม่มีอะไรต้องทำและไม่ต้องรีบร้อน เธอจึงชะลอความเร็ว เดินไปตามข้างถนนและข้ามถนนไปจึงได้เห็นทางเข้าพื้นที่ก่อสร้างซึ่งกว้างขวางและใหญ่มาก นอกจากนี้ ยังมีรถสองสามคันที่ผ่านเธอด้วยความเร็วที่เร็วมากและขับเข้าไปในสถานที่ก่อสร้าง
ซูย้าวมองดูป้ายบนรถและขมวดคิ้ว ทำไมนักข่าวถึงมาที่นี่?เป็นไปได้ไหมว่า ผู้รับผิดชอบของบริษัทLGก็อยู่ที่นี่ด้วย?
เธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงก้าวเข้ามาและเดินตามไป
ไม่ไกลจากทางเข้า ด้านล่างของอาคารสีเทาครึ่งหลัง กลุ่มคนหนาแน่นมารวมกันที่นี่ รวมถึงนักข่าวที่มาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ และลำเลียงกล้องน้อยกล้องใหญ่เข้ามาทีละคน
“คุณนั่นเอง คุณเป็นภรรยาของประธานลู่ ตอนนี้คุณรีบอธิบายมาได้แล้ว! ” หญิงวัยกลางคนคว้าคอของโม่หว่านหว่านอย่างโกรธจัดและเขย่าอย่างแรง
หญิงวัยกลางคนและสูงอายุสองสามคนเฝ้าดูและพูดว่า “ก่อนหน้านี้ก็พูดดิบดีว่า หลังจากย้ายที่ตั้งเพื่อสร้างใหม่แล้วค่อยให้เราย้ายกลับ แล้วตอนนี้ล่ะ? ให้ค่าชดเชยเราแค่ 20% จะผลักไสพวกเราใช่ไหม?”
“ให้เงินแค่นั้นพอจะซื้อบ้านได้หรือ? ไม่ต้องพูดถึงเขตเมืองเก่า แม้แต่บ้านในแถบชานเมืองก็ซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ! พวกคุณทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นการกดขี่คนจนตายหรอกหรือ?”
หญิงวัยกลางคนยิ่งพูดถึงความเจ็บปวดมากขึ้น สายตาที่เดือดดาลของเธอแดงก่ำ และเธอก็บีบคอของโม่หว่านหว่านอย่างเหลืออด “พวกเศรษฐีไม่สนใจชีวิตและความเป็นความตายของคนอื่น เรามันจน เรามันไม่มีเงิน แต่เราจะปล่อยให้คุณรังแกคุณแบบนี้ไม่ได้! ”
“ครั้งแรกก็โกหกเราเพื่อให้ลงนามในข้อตกลงการย้ายถิ่นฐาน ตอนนี้คุณกำลังเล่นลิ้นอะไรอยู่และด้วยเงินเพียงเล็กน้อยเท่านี้ คุณก็แค่ต้องการกำจัดพวกเรา ไปฝันซะเถอะ! ”
เดิมทีมาที่นี่เพื่อตามหาลู่ส้าวหลิง เธอกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเสียจริงๆ และเธอไม่คิดว่าจะถูกคนเหล่านี้ปิดล้อม นักข่าวมาสัมภาษณ์และถ่ายวิดีโอจนกลายเป็นการถ่ายทอดสดโดยไม่รู้ตัว
เธอถูกรายล้อมไปด้วยฝูงชนและผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าก็บีบคอเธออย่างแรง อากาศที่เธอหายใจได้ก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ พร้อมกับคำสาปที่แหลมคมของหญิงสาวตรงหน้า แต่โมหว่านหว่านกลับรู้สึกว่าเสียงรอบๆ เธอยิ่งห่างออกไปทุกทีๆ และความมืดก็เริ่มใกล้เข้ามาทุกทีๆ …
ซูย้าวขมวดคิ้วและยืนดูฉากนี้ท่ามกลางฝูงชน พลางเหลือบมองไปที่ท้องสูงใหญ่ของโม่หว่านหว่าน ใบหน้าก็มืดบอดลงทันที หายใจเข้าลึกๆ อย่างอดทนไม่ได้
“อยากใช้เงินจำนวนนั้นไล่ส่งพวกเราออกไปอย่างนั้นเหรอ? ต่อให้ยากจนแค่ไหน เราก็ยังเป็นมนุษย์! จะผลักไสไล่ส่งไปไหนตามใจชอบไม่ได้! ” หญิงวัยกลางคนยังคงไม่ยอมฟังอะไร บีบคอโม่หว่านหว่านอย่างแรง ดวงตาสีแดงฉานนั้นคล้ายกับสัตว์ร้ายที่กำลังเดือดจัด ราวกับจะฉีกร่างเธอด้วยคมเขี้ยว
โม่หว่านหว่านไม่สามารถพูดคำที่โดนบีบรัดเอาได้ ร่างที่โยกเยกของเธอก็เซไปมา สิ่งเดียวที่กังวลในสัญชาตญาณของเธอคือเด็กในท้อง เมื่อเธอกำลังจะหลับตา เสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน
“พอได้แล้ว ปล่อยมือ! ”
ซูย้าวผ่านฝูงชนที่อยู่ข้างหน้าและตรงไปที่ด้านหน้า ในขณะที่หยุดชะงัก เธอก็เอื้อมมือออกไปเพื่อผลักหญิงวัยกลางคนออก