ทางเดินในแผนกสูตินรีเวชที่ทอดยาวไปตลอดทาง บางครั้งก็มีสมาชิกในครอบครัวหรือเจ้าหน้าที่ทางการหมอเดินผ่านไปผ่านมา ในความเงียบสงบนั้น บางครั้งก็จะมีเสียงร้องไห้ของเด็กน้อย
ในตอนที่ลี่เฉินซีเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เขาก็เห็นซูย้าวกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลนัก เธออุ้มทารกน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน และหยอกล้อกับเขาด้วยความระมัดระวัง
เด็กน้อยยังเล็กมาก เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่รู้จักใคร แต่ดวงตารีเล็กของเขามันกลับเบิกกว้างขึ้นมาก สีของมันดำเข้ม ราวกับอัญมณีที่งดงามสองชิ้น ดวงตาของทารกน้อยจ้องมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า และปากน้อยๆ ของเขาก็หัวเราะคิกคักออกมาเป็นครั้งคราว
ซูย้าวมัวแต่หยอกล้อกับเด็กน้อยอย่างมีความสุข จนกระทั่งลี่เฉินซีเดินเข้ามาใกล้ เธอจึงรู้สึกตัว จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขา “ทำธุระเสร็จแล้วเหรอ?”
เขาอุทานเสียงตอบรับออกมา จากนั้นก็มองดูเธออุ้มทารกน้อยอยู่อย่างนั้นต่อไป และฉากนี้มันก็ซ้อนทับกับบางฉากในความทรงจำของเขา
“คุณอยากจะพูดอะไรกับฉัน?” ซูย้าวยืนขึ้น พร้อมกับอุ้มเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน
ใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซี มองตรงไปที่เธอด้วยอย่างเคร่งขรึม เขาเอาแต่จ้องมองอยู่อย่างนั้นนานสองนาน ไม่ได้รีบร้อนที่จะพูดแต่อย่างใด แต่กลับคลี่ยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจผิดคุณ ผมได้ยินพยาบาลบอกว่า คุณเป็นคนพาหว่านหว่านมาส่งที่โรงพยาบาล และคุณก็เป็นคนยืนกรานว่าจะผ่าคลอด อีกทั้งยังเป็นคนเรียกหมอและหมอผดุงครรภ์ที่เก่งที่สุดด้วย…”
ซูย้าวฟังสิ่งที่เขาพูด จากนั้นก็พยักหน้ารับอย่างช้าๆ “แล้วยังไง?”
“เพียงแค่กล่าวขอบคุณ เกรงว่ามันจะไม่พอ ผมก็เลยอยากจะถือโอกาสนี้เลี้ยงข้าวคุณสักมื้อจะได้ไหม?” เขาถามออกไปอย่างแผ่วเบา และคำพูดนั้นมันก็อ่อนโยนเป็นอย่างมาก
ซูย้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากที่ครุ่นคิดดูแล้ว เธอก็พูดออกไปว่า “ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังมีธุระอื่นที่จะต้องไปทำต่อ คำขอโทษจากคุณลี่ ฉันจะยอมรับมันเอาไว้นะคะ”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็อยากจะส่งเด็กน้อยในอ้อมแขนคืนไปให้เขา แต่ยังไม่ทันที่เธอจะส่งคืน ประตูด้านหลังก็เปิดออกมาพอดี และลู่ส้าวหลิงก็เดินออกจากห้องนั้น
เขารับเด็กน้อยจากอ้อมแขนของซูย้าวมาอุ้มไว้ จากนั้นก็กล่าวคำขอโทษออกไป เขาอุ้มเด็กน้อยในอ้อมแขนด้วยความระมัดระวัง แล้วพูดออกไปว่า “คุณซู…”
คิ้วของซูย้าวขมวดเข้าหากัน จากนั้นเธอก็ขัดจังหวะเขา และพูดแก้ชื่อของตัวเอง “อาน”
ลู่ส้าวหลิงถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หันไปมองที่ลี่เฉินซี เมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ บนใบหน้าของเขา ลู่ส้าวหลิงก็รู้สึกมึนงงขึ้นมาทันที แต่เขาไม่ต้องการที่จะหาเหตุผลต่อ เขาจึงพูดต่อไปว่า “ขอบคุณมากคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลภรรยาของผม ถ้าไม่ได้คุณช่วย ภรรยาของผมก็คง…”
“ถึงยังไง คุณก็ช่วยชีวิตภรรยาและลูกชายของผมเอาไว้”
ซูย้าวตั้งใจฟังคำพูดของเขา จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมาเบาๆ “คุณพูดแบบนี้ ฉันเป็นผู้มีพระคุณของประธานลู่ ใช่ไหมคะ?”
ลู่ส้าวหลิงพยักหน้าเป็นการตอบรับ “ใช่ครับ คุณเป็นผู้มีพระคุณของผม”
“ถ้าอย่างงั้นคุณอยากจะแสดงความขอบคุณสักหน่อยไหม?” ซูย้าวพูดตัดบทออกไป
เธอไม่สนใจผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ที่เธอเพิ่งจะปฏิเสธไปเมื่อกี้เลยแม้แต่น้อย ดวงตาที่เย็นชาของลี่เฉินซีจ้องมองมาที่เธอ ราวกับดาบแหลมคมที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง อากาศเย็นยะเยือกที่มองไม่เห็นก็ก่อตัวขึ้นมา
ลู่ส้าวหลิงก็รู้สึกถึงสีหน้าของลี่เฉินซีที่เปลี่ยนไป แต่ซูย้าวยังคงมองมาที่เขา เพื่อรอคำตอบ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดออกไปว่า “คุณอยากจะให้ผมตอบแทนคุณยังไงดีครับ?”
ทันทีที่เขาพูดจบ ดวงตาที่เย็นชาของลี่เฉินซีก็จับจ้องไปที่ซูย้าว ดวงตาและคิ้วของเขาที่แสดงออกมาราวกับจะบอกว่า ถ้าเธอกล้าขอให้ลู่ส้าวหลิงเชิญเธอไปทานอาหารเย็น แน่จริงก็ลองดู!
ซูย้าวจ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า ยังไม่ทันที่เธอจะพูดในสิ่งที่เขาคิดออกมา เธอก็ถูกเสียงเรียกโทรศัพท์ขัดจังหวะเอาไว้เสียก่อน
โทรศัพท์มือถือของลู่ส้าวหลิงดังขึ้นมา เขาจึงก้มลงไปมองชื่อผู้ที่โทรเข้ามาบนหน้าจอ เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาคือใคร สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “รอสักครู่นะครับ” เมื่อพูดจบเขาก็ปลีกตัวเดินออกไปรับสายที่อื่น
ซูย้าวและลี่เฉินซีถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังสองคน ยังไม่ทันที่เธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรออกไป เธอก็ถูกผู้ชายตรงหน้าคว้าแขนเอาไว้ จากนั้นเขาก็ลากให้เธอออกไปจากแผนกสูตินรีเวช ตรงไปที่ลิฟต์ และลงไปชั้นล่าง
ภายในลิฟต์ ชายคนนั้นใช้มือข้างหนึ่งโอบรอบตัวของเธอเอาไว้ และใช้ร่างกายที่สูงใหญ่ของเขากักขังเธอให้เข้าไปยืนอยู่ตรงมุม ซูย้าวรู้สึกมึนงงขึ้นมาเล็กน้อย เขาใช้หน้าอกของตัวเองควบคุมเธอเอาไว้ให้ยืนแนบติดกับผนัง และพยุงเธอเอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง “คุณไม่ยอมกินข้าวกับผม แต่คุณเต็มใจที่จะไปกับส้าวหลิงอย่างนั้นเหรอ?”
เนื่องจากทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก อีกทั้งใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาอยู่ใกล้เพียงแค่คืบ เพราะอย่างนั้นเธอจึงสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แผ่วเบาและอบอุ่น มันรินลดลงมาที่ติ่งหูของเธอ และความรู้สึกนั้น มันก็ทำให้ซูย้าวหน้าแดงขึ้นมาทันที
เธอรู้สึกเพียงแค่หัวใจของตัวเองไม่สามารถควบคุมได้ในขณะนี้ และการเต้นที่เร็วและรุนแรงของมัน ก็ทำให้เธอรู้สึกตกใจ อีกทั้งยังรู้สึกตื่นเต้น
ลี่เฉินซีใช้มือข้างหนึ่งรั้งปลายคางของเธอให้เชิดขึ้นเบาๆ ราวกับจะหยอกล้อ แม้แต่คำพูดของเขาก็ยังมีร่องรอยของละครดราม่าที่หาดูได้ยาก “คุณลืมไปแล้วเหรอ? เขาแต่งงานแล้วนะ”
นัยน์ตาที่สวยงามราวกับฟีนิกซ์ของเขาหรี่ลงเล็กน้อย และเขาก็ซ่อนความรู้สึกสับสนเอาไว้ในดวงตาของตัวเอง เขาจ้องลึกมาที่เธออย่างเงียบๆ “คุณไม่อยากไปกับคนโสดอย่างผม แต่อยากจะไปกับผู้ชายที่แต่งงานแล้ว มันดูไม่ดีเท่าไหร่นะ”
ลี่เฉินซีรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เธออย่างช้าๆ และในตอนนี้ริมฝีปากของเขาและเธอก็ใกล้กันเพียงแค่หนึ่งเซนติเมตร ซูย้าวได้สติกลับมา จากนั้นเธอก็ผลักเขาออกไปโดยไม่รู้ตัว เธอหอบหายใจออกมาถี่ๆ และใบหน้าของเธอก็ร้อนขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ จากนั้นเธอก็พูดอย่างไร้สาระออกไปว่า “คุณ คุณคิดแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?”
ในจิตสำนึกของซูย้าว เธอไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมาก่อน และเธอก็ไม่เคยจัดการกับผู้ชายที่เข้าหาลักษณะนี้ด้วย จู่ๆ เขาก็เข้ามาอย่างกะทันหันและไม่ชัดเจนเช่นนี้ มันทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนกมากเลยจริงๆ
ความคิดในสมองของเธอมันตีกันยุ่งไปหมด และสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับมันได้อย่างรวดเร็ว เธอหันหน้าหนีไปทางอื่น และพยายามไม่มองไปที่เขา เธอยกมือขึ้นจับที่แขนทั้งสองข้างของตัวเองและลูบขึ้นลงซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น เพื่อระงับความตื่นตระหนกในใจ จากนั้นก็เธอพูดออกไปว่า “แต่งงานแล้วมันทำไม? แบบนี้มันไม่…มันไม่สนุกกว่าเหรอ?”
หลังจากนั้น เธอก็รู้สึกว่าตัวเองพูดเรื่องไร้สาระออกไป เธอพูดไร้สาระอะไรออกไปเนี่ย? !
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติสัมปชัญญะแทบจะไม่เหลือให้กลับคืนมา จากนั้นเธอก็พูดออกไปอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณลี่คิดว่าฉันเป็นคนยังไงล่ะคะ? ฉันต้องบอกคุณอีกกี่รอบ คุณถึงจะเข้าใจว่า ฉันไม่ใช่ภรรยาเก่าของคุณ อย่าเอาทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ มาโยนลงที่ฉัน!”
แต่ยังไม่ทันที่เสียงนั้นจะหายไป ร่างกายของเธอก็ถูกผู้ชายคนนั้นกักขังเอาไว้ จากนั้นเขาก็ดึงเธอให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลี่เฉินซีหลุบตาลง และก้มลงมามองเธออย่างแน่วแน่ “ถ้าคุณคิดว่าแค่อยากจะสนุก มันยังมีวิธีอื่น ที่สนุกมากกว่านี้อีกนะ…”
เสียงของเขาลากยาว และใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ก้มลงมามองที่เธอ
เขาจูบเธอโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เขากดศีรษะของตัวเองลงมาที่ใบหน้าของเธอโดยตรง จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งอ้อมมาที่ด้านหลังแล้วรั้งท้ายทองของเธอเอาไว้ เพื่อไม่ให้โอกาสเธอได้หลบหนีไปไหน ส่วนมืออีกข้างก็จับกุมมือของเธอเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอดิ้นรนและขัดขืนได้
เขาไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความแข็งแกร่งที่มากเป็นพิเศษ
ดูเหมือนว่าหลังจากที่ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว ความอดทนอดกลั้นนั้นมันก็ค่อยๆ แตกสลายออกไปจนหมด ผ่านกระทำนี้
มันรวดเร็ว และเด็ดขาด
เหมือนกับสัตว์ร้ายที่ออกมาจากกรง ที่แยกเขี้ยวและกระหายเลือด และเหมือนกับหมาป่าที่หิวโหยกลางทะเลทราย เขากักขังเธอเอาไว้อย่างบ้าคลั่ง และมีแรงกระตุ้นบางอย่างที่แทรกซึมเข้ามาที่ช่องท้องของเธอ
เมื่อซูย้าวคิดว่าตัวเองกำลังหายใจไม่ออก เขาก็ค่อยๆ ผละออกจากตัวเธอ จากนั้นก็ค่อยๆ ลากปลายนิ้วเรียวไปตามริมฝีปากที่บวมและแดงก่ำ เขากระตุกยิ้มออกมา และด้วยตาของเขาก็โค้งเล็กน้อย ราวกับว่ารู้สึกพอใจ
“สนุกไหม?” แววตาของเขาเข้มขึ้น “ยังมีอะไรที่สนุกมากกว่านี้อีกนะ เพียงแต่ว่าที่นี่…”
เขามองไปรอบๆ ลิฟต์ จากนั้นก็ขมวดคิ้วและพูดออกมาอีกครั้งว่า “ที่นี่ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เราเปลี่ยนที่ดีกว่า มันจะได้สนุกมากกว่านี้อีก”
ซูย้าวรู้ได้ในทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร เธอขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาทันที และเธอก็รู้สึกโกรธจัดเมื่อถูกเขาคุกคามเช่นนี้ เธอผลักเขาออกไปอย่างหมดความอดทน แล้วพูดออกไปด้วยคำพูดที่สุภาพที่สุดว่า “คุณลี่ อยากทะลึ่งมันก็ต้องดูกาลเทศะ แน่นอนว่า ฉันก็แค่หน้าตาคล้ายกับภรรยาเก่าของคุณ แต่เราเป็นสองคน ไม่ใช่คนคนเดียวกัน คุณอย่าสับสนจะได้ไหม?”
มีเสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้น ลิฟต์ลงมาถึงชั้นที่หนึ่งแล้ว และประตูลิฟต์ก็ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ
และในตอนนี้ ซูย้าวก็รีบร้อนก้าวเดินออกไปจากลิฟต์อย่างรวดเร็ว
แต่ทันทีที่เธอเดินออกมาจากลิฟต์ แรงจากคนด้านหลังก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แขนยาวๆ ของเขายื่นออกมาโอบรอบเอวของเธอเอาไว้อย่างแม่นยำ จากนั้นก็รั้งตัวเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากมืออีกข้างหนึ่งจับมือของเธอไว้ ซูย้าวรู้สึกอาย อีกทั้งยังโกรธจัด เธอพยายามดิ้นรนขัดขืน จากนั้นเธอก็พูดออกไปว่า “คุณลี่ คุณรู้รึเปล่าว่าพอเหมาะสมก็สมควรหยุดมันหมายความว่ายังไง?”
ดวงตาของลี่เฉินซีหรี่ลง และเขาก็กำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่เขาก็มองเห็นชายคนหนึ่งที่เดินออกมาจากลิฟต์อีกตัว และในทันทีที่เขาได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้น สีหน้าของเขาก็ขมวดเกร็งและเย็นชาขึ้นมาทันที