ลมหายใจของเขาพุ่งเข้ามา ผสมผสานกับแรงกดกันอันแรงกล้า พุ่งตรงเข้ามาในหัวใจของเธอ
ในขณะที่ซูย้าวกำลังตกใจ เธอก็ถูกลี่เฉินซีลากมาที่ข้างผนังอย่างง่ายดาย เขาวางมือข้างหนึ่งไว้บนหัวของเธอ สายตาที่เย็นชา มองมาที่เธอด้วยความซับซ้อน “อยากจะหลบหน้าผม?”
บนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา รอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เขาค่อยๆเอนตัวลง รูปร่างที่สูงยาว เงาของเขาปกคลุมลงมา
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก้มลงไปหาเธอ แนบข้างหูเธอ น้ำเสียงที่เย็นชาและลึกซึ้ง “กลัวว่าผมจะกินคุณเหรอ?”
ซูย้าวหลับตาลงอย่างรับมือไม่ได้ ความตกใจก่อนหน้านี้ก็หายไปแล้ว เธอสงบสติอารมณ์ลงและมองเขาที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่สงบนิ่ง “ใครหลบคุณ?ปล่อยฉันนะ!”
ลี่เฉินซีไม่ฟังเธออยู่แล้ว เขายื่นมือออกไปจับตรงเอวที่บอบบางของเธอ และพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องก็ค่อยโจมตีเข้ามา
ซูย้าวตกใจและผลักเขาออกไป “คุณจะทำอะไร?ที่นี่คือที่สาธารณะ คุณลี่ ระวังพฤติกรรมตัวเองด้วย!”
“เหอะ!” เขาหัวเราะอย่างเย็นชา ยกมือขึ้นจับที่คางของเธอ “เมื่อกี้คุณไม่ได้กินอะไร ท้องไส้ปั่นป่วน?”
เธอมองหน้าเขาและหันหน้าออกไปอีกทาง “เปล่า!”
การตอบกลับมาแบบส่งๆแต่ก็ถือว่าได้คำตอบ
ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของเธอก็สับสนขึ้นมาอย่าบอกไม่ถูก อยู่ดีๆ เธอจะสนใจเขาทำไม?!
ลี่เฉินซีหรี่ตาที่เรียวยาวลง “‘งั้นก็หมายความว่าไม่มีอารมณ์กิน?”
จากนั้น เขาก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ใช่ เห็นหน้าของเพ้ยส้าวหลี่ ผมก็ไม่มีอารมณ์กินเหมือนกัน”
ใบหน้าของซูย้าวตึงเครียดอย่างรับมือไม่ได้ เธอมองเขาอย่างเย็นชา เห็นหน้าคุณแล้วไม่มีอารมณ์กินมากกว่า!”
“อ๋อ?” เขาพึมพำด้วยความมึนงง มือที่จับคางของเธอก็ออกแรงมากขึ้น “เพราะว่าเห็นผมอยู่กับผู้หญิงคนอื่น คุณถึงมีปฏิกิริยามากขนาดนี้!”
เธอขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึมและรีบผลักเขาออกไป “ฉันคิดมาตลอดว่าคุณลี่เป็นพวกทะลึ่ง คิดไม่ถึงว่าคุณยังจะหลงตัวเองขนาดนี้!”
เขาหัวเราะด้วยความสนใจ จงใจไม่ปล่อยเธอไป ปล่อยให้เธออยู่ระหว่างหน้าอกของตัวเองกับผนัง สายตาที่ลึกซึ้งของเขามองเธออยู่ซ้ำๆ “ถ้าคุณไม่ได้หึง แล้วทำไมคุณต้องหาเรื่องจื่อซี?”
เธอกะพริบตา ขยับขนตาที่หนาและยาวเบาๆ “หาเรื่อง?”
“ไม่ใช่เหรอ?” เขาถามกลับ
ซูย้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ “อาจจะมั้ง! แต่สาเหตุไม่ใช่คุณอย่างแน่นอน โปรดอย่าเข้าใจผิด”
เธอก็ไม่ได้อยากจะหาเรื่องลู่จื่อซี แต่ครั้งก่อนที่อยู่ที่เย่สื้อ ลู่จื่อซีต้องถ่ายภาพอะไรไว้แน่นอน ซูย้าวสนใจเรื่องนี้มากกว่า
มือทั้งสองข้างของลี่เฉินซีวางอยู่ที่ข้างหัวของเธอ สายตาที่ลึกซึ้งก็ค่อยๆมืดมนลง “ผมกับลู่จื่อซีไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ช่วงนี้เธอดูแลพวกเด็กๆเป็นอย่างดี ผมเลยมากินข้าวเป็นเพื่อนเธอ”
“อ้อ แบบนี้นี่เอง” ซูย้าวตอบกลับไปอย่างให้ความร่วมมือ ท่าทางที่ไม่สนใจของเธอ ดึงดูดความสนใจของเขาขึ้นมาทันที
ลี่เฉินซีบีบใบหน้าที่เล็กเท่าฝ่ามือของเธอ เขาออกแรงบีบ ทำให้เธอเจ็บจนขมวดคิ้วและดิ้น แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ “แล้วอีกอย่าง จื่อซีไม่รู้อะไรเลย คุณไม่จำเป็นต้องหาเรื่องเธอ ต่อไปผมจะไม่ไปเจอเธอสองต่อสองอีก”
ลู่จื่อซีไม่รู้อะไรเลย? !
เขาหมายความว่าอะไร?
ซูย้าวขมวดคิ้วและมองดูสายตาที่ลึกซึ้งของเขา เธอพยายามหาร่องรอยจากข้างในนั้น แต่มันกลับทำให้เธอผิดหวัง สุดท้าย เธอก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ย “คุณลี่และเธอเป็นอะไรกัน ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ฉันฟังรึเปล่า?”
เธอพูดพร้อมกับพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็กำลังจะเดินออกไป แต่กลับถูกเขาจับแขนเอาไว้ ออกแรงเบาๆก็ดึงเธอกลับมาที่เดิม
เขาจ้องมองไปที่เธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ใช้มือจับหน้าเธอแล้วพูดว่า “ปฏิเสธผมตั้งหลายครั้ง ไม่อยากเป็นผู้หญิงของผม แต่กลับชอบเป็นคู่หมั้นของเพ้ยส้าวหลี่?”
ซูย้าวตกใจ เธอรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดเหลวไหลเกินไป เธอกับเพ้ยส้าวหลี่ แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยต่างหาก!
แต่คำพูดพวกนี้ เธอขี้เกียจจะอธิบายให้เขาฟัง เธอพยายามดิ้น แต่ก็ถูกเขาดึงเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง พฤติกกรมก็รุนแรง ไม่อ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย
เขาบีบแก้มของเธอ ไม่ให้เธอออกไป “ไม่อยากอยู่กับผม แต่อยากเข้าไปยุ่งในบ้านของตระกูลเพ้ย กำไรครั้งนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เสียดายที่ประธานอานฉลาดขนาดนี้ หรือว่าคุณชอบแบบเพ้ยส้าวหลี่? แต่ว่า เรื่องบนเตียงเขาอาจจะทำให้คุณพอใจไม่ได้……”
ซูย้าวตกใจ คำพูดที่หยาบคายของเขาทำให้แก้มของเธอแดงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความโมโห จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นสีหน้าของลี่เฉินซี สีหน้าของเขามืดมนและเย็นชา ดูแย่มากจริงๆ
สีหน้าแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่เธอเคยเห็นคือตอนที่เจอกับเขาที่ยุโรป ความหลาดกลัวในใจของเธอปะติดปะต่อกัน เธอไม่อยากคิดถึงมัน เธอผลักมือของเขาออกไป “เพ้ยส้าวหลี่เป็นคนแบบไหน?เขาก็เป็นคนแบบคุณไม่ใช่เหรอ?”
“ผู้ชายแบบพวกคุณ ฉันไม่ชอบสักคน โอเคไหม?”
สายตาที่ลึกซึ้งของลี่เฉินซีมืดมนลง เขาเอนตัวลงไปกัดคอที่ขาวสะอาดของเธอ เขากัดแรงเกินไป ไม่ใช่แค่กัดจนเลือดออก แต่มันยังทิ้งรอยเอาไว้ ทิ้งรอยสตรอเบอร์รี่ลูกเล็กๆเอาไว้
ซูย้าวตกใจกับพฤติกรรมของเขา เธออยากจะดิ้นและต่อต้าน แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
เมื่อเขาเอนตัวขึ้น เธอก็รีบยกมือขึ้นไปจับที่คอของตัวเอง “คุณ……คุณ……”
เธอโมโหจนพูดอะไรไม่ออก แต่ลี่เฉินซีกลับจับริมฝีปากของตัวเองแล้วยิ้ม “จูบก็จูบแล้ว จับก็จับแล้ว ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกไหม?”
จากนั้น เขาขยับไปข้างหน้าผลักเธอชิดกับผนัง รูปร่างที่สูงใหญ่กดทับเธอเอาไว้ แขนที่เรียวยาวจับแขนที่กำลังดิ้นของเธอเอาไว้ ค่อยๆขยับมืออีกข้างหนึ่งลงไปข้างล่าง ลูบลงไปตามเอวที่บอบบางของเธอ ตำแหน่งตรงนั้น ทำให้ซูย้าวเบิกตากว้าง
ลี่เฉินซีมองหน้าเธอ มึนงงไปพักหนึ่ง ค่อยๆขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ไม่ช้าก็เร็วจะหาเวลาจัดการคุณ!”
สายตาที่น่าเกรงขามของเขาจ้องมองแก้มที่แดงของเธอ “ถ้ายังกล้าไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นลับหลังผม ดูสิว่าผมจะจัดการคุณยังไง!”
ซูย้าวสูดลมหายใจอย่างรับมือไม่ได้ “คุณ……”
แต่เขากลับลุกขึ้น และในขณะที่ปล่อยเธอออก เขาก็จับแขนเธอมาประสานมือ “คุณอะไร ผมเป็นอะไรของคุณ คุณไม่รู้?”
สายตาของเขามืดมน “ต้องให้ผมพิสูจน์ คุณถึงจะเข้าใจ?”
เธอโมโหเป็นอย่างมาก แต่ก็เขินอายและสับสน หลังจากที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เธอก็สูญเสียความสามารถในการพูดไป แค่ประโยคที่สมบูรณ์ก็ยังยากที่จะพูดออกมา
ลี่เฉินซีพอใจกับท่าทางแบบนี้ของเธอ เขาค่อยๆยกมือขึ้นไปลูบหัวเธอเบาๆ จากนั้นก็พาเธอเดินออกไปจากร้านอาหาร
มีรถไมบัคสองสีจอดอยู่ข้างถนนข้างนอก หวางอี้ยืนอยู่ข้างรถ เปิดประตูรถด้วยความเคารพ เชิญให้ทั้งสองคนขึ้นรถ
กว่าซูย้าวจะได้สติขึ้นมาได้ เธอสะบัดมือเขาออก “ฉันมีธุระ ขอตัวก่อน!”
ลี่เฉินซีไม่ได้ขยับไปไหน แต่เขามองดูเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง “ยุ่งอยู่กับเรื่องของกู่อาน?”
ทันใดนั้นเธอก็หยุดเดินทันที
น้ำเสียงที่เย็นชาของชายที่อยู่ข้างหลังก็ดังขึ้น “มีวิธีจัดการแล้ว?”
เธอหลับตาลงอย่างหมดความอดทนแต่ก็ไม่ได้หันกลับไป เธอพูดพร้อมกับเดินออกไป “ยังไม่มี แต่วิธีก็มีแต่คนคิดขึ้นทั้งนั้น ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวก็มีวิธีจัดการ”
“อืม เผชิญกับความยากลำบากก็ไม่ท้อถอย เหมือนกับเมื่อก่อน” เขาพึมพำกับตัวเองและมองดูเธอที่กำลังเดินออกไป สายตาของเขามืดมนลง ถึงแม้จะเจอกับปัญหา แต่เธอก็แก้ไขมันด้วยตัวเอง นิสัยนี้เหมือนกันมาก
ลี่เฉินซีปล่อยให้เธอเดินจากไป เขาไม่ได้รั้งเธอไว้ จนกระทั่งขึ้นรถ หวางอี้คงยังรู้สึกว่ามันผิดปกติ เขาสตาร์ทรถพร้อมกับพูดว่า “ประธานลี่ ไม่สนใจคุณอานจริงๆเหรอครับ?”
หยุดไปพักหนึ่ง หวางอี้ก็พูดอีกว่า “ที่จริงเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ ผมกลัวว่าคุณอานจะไม่มีวิธีจัดการ หรือคุณจะช่วยเธอ!เธอต้องขอบคุณคุณแน่นอน!”
“ขอบคุณ?” ลี่เฉินซียิ้มเยาะเย้ย เขาหันหน้าออกไปมองนอกรถ สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือการประนีประนอมของเธอ ไม่ใช่ขอบคุณ
แค่ให้เธอกลับมาอยู่เคียงข้างเขา เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ขอแค่ตอนสุดท้ายมันดี ระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่สนใจ?
“เธอแค่จำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ แต่เธอไม่ได้ไม่มีไอคิว ไม่ต้องสนใจเธอ” เขาออกคำสั่งอย่างเย็นชา
หวางอี้ตกใจและพยักหน้าเงียบๆ “ครับ ประธานลี่”