บทที่ 63 เธอบ้าไปแล้ว
อีกวัน ยากมากเลยทีเดียวที่ซูหยวน ถึงขั้นพูดว่ามาก็มาจริงๆ
เช้าตรู่ประมาณแปดโมง ก็ขับรถมาถึงที่คอนโดชั้นล่างโม่หว่านหว่าน จากนั้นโทรศัพท์เร่งให้ซูย้าวรีบลงมาชั้นล่าง
ตอนที่เธอลงมา ซูหยวนนั่งอยู่ในรถง่วงเหงาหาวนอนอย่างไม่ขาดสาย พูดด้วยสีหน้าที่โมโหและไม่พอใจ “แกไม่รู้หรือว่าไปบ้านคนชราที่ชานเมือง การเดินทางที่เร็วที่สุดก็ต้องใช้สี่ชั่วโมงกว่าๆ!” ทำไมคุณถึงยึกยักขนาดนี้
ซูย้าวมองหน้าเธอนึงครั้ง ใครจะไปคิดว่าซูหยวนถึงขั้นทำตามที่รับปากเอาไว้ เธอในเมื่อก่อน เป็นคนที่ปุ๊บปั๊บก็ไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น
แต่ว่าวินาทีนี้ ซูย้าวเพื่อให้ได้พบกับคุณแม่โดยเร็ว ไม่มีเวลาถือสากับเธอ และยั่วให้เธอโมโหไม่ได้เด็ดขาด ได้แต่ขึ้นไปในรถยนต์อย่างเชื่อฟัง หน้าตาที่ก้มหน้าก้มตาอย่างใสซื่อๆ ทำให้ซูหยวนสบายใจขึ้นมาบ้าง
ตั้งแต่เด็กจนโต เธอเกลียดที่สุดก็คือ ไม่ใช่น้องสาวซูย้าวคนนี้ แต่เป็นคนที่แย่งความรักของพ่อกับเธอ ยิ่งเกลียดไปใหญ่ที่เธอไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเลย แต่ก็ยังได้รับความเป็นห่วงเป็นใยและถูกพ่อตามใจทุกอย่าง!
นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่ซูหยวนโมโหสุดๆ
เธอสิถึงจะเป็นคุณหนูตระกูลซูที่ถูกต้องอย่างแท้จริงถือสิทธิ์อะไรคุณพ่อต้องรักและแอนดูลูกนอกสมรสและมารผจญอย่างแกซูย้าว !
พอคิดถึงสิ่งเหล่านี้ปุ๊บ ความโกรธแค้นในใจของเธอยิ่งเข้มข้นมากขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ สายตาเหลือบมองไปที่แก้มข้างๆของซูย้าว เหมือนกับภูเขาที่เป็นสีอ่อนๆ ไม่ได้เข้มจนเกินไป แต่กลับมีความสวยงาม ทุกกิริยาท่าทาง ล้วนสะท้อนความสวยสง่าและไฮโซอย่างกับผู้ดีมีสกุล
ซูหยวนกุดฟันอย่างโกรธแค้น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อดทนไว้ไม่ให้กำเริบ ยังไงซะอีดอกทองคนนี้ก็ดีใจได้แค่ไม่กี่วันแล้ว!ให้มันได้ใจไปก่อน!
ระยะทางที่ไกลๆ การเดินทางหลายชั่วโมง ซูย้าวพูดไม่ค่อยเก่ง ซูหยวนขับรถมาตลอดทาง เบื่อหน่ายสุดๆ!
เปิดเพลงเพลงนึง และเป็นเพลงตอนที่เลิกกัน เหมือนกับประชดประชันซูหยวนที่อยากได้ตัวลี่เฉินซี แต่กลับไม่ได้ เธอโมโหจนปิดไปทันที
ซูย้าวเหมือนรู้สึกได้ถึงความโกรธของเธอ ถึงแม้จะงุนงงบ้างก็ตาม แต่ว่าเพื่อให้ได้เจอกับแม่ ยังคงนั่งอยู่ข้างๆเงียบๆ พยายามเอาตัวตนที่มีอยู่ทำให้เหมือนไร้ตัวตนอย่างเต็มที่
วีเชทมือถือสั่นสะเทือนนึงครั้ง ได้รับข้อความนึง
เป็นโม่หว่านหว่านส่งมาเอง “ไม่กล้าจินตนาการเลยจริงๆ จะมีสักวันที่ซูหยวนใจดีกับเค้าแบบนี้เป็นด้วย ย้าวย้าว คุณระวังตัวด้วยนะ นางเสแสร้งชัดๆ!”
ซูย้าวมองดูข้อความในมือถือ ยิ้มแย้มเล็กน้อย และรีบตอบกลับไปนึงคำ “คุณพูดว่าเธอเสแสร้งฉันไม่มีความเห็น แต่ว่าฉันไม่ยอมรับหรอกนะ!”
ความหมายอื่นซึ่งไม่พูดออกมา เสแสร้ง หรือว่าเธอเป็นคนที่จู้จี้จุกจิกเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆอย่างนั้นหรือ?
โม่หว่านหว่านส่งสีหน้าที่หัวเราะก๊ากให้กับเธอ ถัดมาก็พูดอีกนึงคำว่า “คุณเป็นไก่ตัวเมีย เป็นไก่ตัวเมียที่ออกไข่ให้กับลี่เฉินซีโดยเฉพาะ!”
ซูย้าวหมดคำพูดไปเลยทีเดียว
พูดคุยอยู่ทางนี้ ซูหยวนที่ขับรถอยู่ทางโน้นสังเกตุเห็นสีหน้าของเธอ จึงพูดว่า “แกคุยกับใครเนี่ย?”
ในรถยนต์เงียบกริบ เสียงที่มาอย่างกระทันหัน ทำให้ซูย้าวอึ้ง เงยหน้าขึ้นมามองคนที่อยู่ข้างๆ
จู่ๆซูหยวนก็เชอะเสียงเย็นชาออกมานึงครั้ง ว่าแล้วเชียว “เดาก็รู้เลยว่าเป็นโม่หว่านหว่าน นอกจากเธอ แกก็ไม่มีใครให้คุยแล้ว!”
“…………”
ซูย้าวก้มหน้าก้มตา ตั้งแต่กล่องเสียงหายไป ก็พูดจาไม่ได้อีกเลย เพื่อนข้างๆก็เริ่มห่างหาย คนเดียวที่ไม่ทิ้งกันไปไหน ก็มีแต่โม่หว่านหว่านนี่แหละ
“อ๋อ เกือบลืมไปแล้ว แกยังมีเจ้าชายที่คอยปกป้องคุณอย่างรักเดียวใจเดียว!”ซูหยวนประชดประชันออกมาอีกนึงคำด้วยเสียงที่เย็นชา
ซูย้าวเข้มขรึม ในใจรู้ดี เธอหมายถึง——
“หลินโม่ป่าย ใช่แล้ว ช่วงนี้เขาไม่มาหาแกหรือ?” ซูหยวนเอ่ยปากก่อน และพูดชื่อออกมาโดยตรง
พูดถึงหลินโม่ป่าย หัวใจซูย้าวเสไปเสมา
ความรักที่ผู้ชายคนนั้นมีต่อตัวเอง เธอทำให้ผิดหวังซะแล้ว และไม่รู้ว่าความรักที่ติดค้างเขาในครั้งนี้ ชาตินี้เมื่อไหร่ถึงจะชดใช้ให้หมด
ซูหยวนเห็นว่าเธอไม่มีปฏิกิริยา เบะปากใส่อย่างไม่พอใจและตั้งใจขับรถยนต์ดีๆ แบบไม่สนใจ
การเดินทางมาหลายชั่วโมง รถยนต์จอดที่หน้าประตูบ้านพักคนชราในชานเมือง สองพี่น้องลงจากรถเข้าไป
พยาบาลที่บ้านพักคนชราไม่รู้จักซูย้าว แต่ว่ากลับรู้จักกับซูหยวน เพราะฉะนั้นเจอกันปุ๊บ ก็รีบพูดอย่างมีมารยาท”คุณซู คุณมาแล้ว!”
“อืม อานโล๋หล่ะ?” ท่าทางซูหยวนหยิ่งผยอง ทำกับคนทั่วไป ล้วนข่มเหงคนอื่นอยู่เรื่อย ความหยิ่งผยองใช้ไปทุกที่
พยาบาลมองซูย้าวที่อยู่ข้างๆ จากนั้นชี้ไปทิศทางที่ขึ้นไปบนตึก “อยู่ชั้นสามห้องผู้ป่วยหมายเลขหนึ่ง ฉันพาคุณไปคะ!”
เช่นนี้ พยาบาลนำทาง ขึ้นไปที่ชั้นสามโดยตรง
ห้องผู้ป่วยหมายเลขหนึ่งอยู่ข้างในสุด จำเป็นต้องผ่านระเบียงทางเดินที่ยาวเหยียด ถึงแม้ชื่อว่าบ้านพักคนชรา แต่ว่าบรรยากาศที่นี่ ไม่ค่อยดีนัก
กดดัน ทุกที่มีความอึมครึมปกคลุม ยิ่งไปกว่านั้นระเบียงทางเดินที่ยาวเหยียด ยังมีความรู้สึกที่ทำให้คนขนลุกซู่ โดยเฉพาะตลอดระยะทางนี้ ซูย้าวเหลือบมองเห็นเครื่องช็อดไฟฟ้าแบบไม่ได้ตั้งใจ รวมทั้งผู้ป่วยที่‘รักษา’ข้างบนด้วย ตะโกนเสียงดังอย่างทุรนทุราย ยิ่งทำให้คนขนลุกซู่
ไม่ควรเรียกว่าบ้านพักคนชรา พูดอย่างถูกต้องและแม่นยำ เหมือนเป็น——บ้านพักคนบ้ามากกว่า!
ห้องผู้ป่วยหมายเลขหนึ่ง ประตูเหล็กที่หนักแน่น มีแม่กุญแจใหญ่ๆอันนึง หลังจากเปิดออกมา ข้างในยังมีแม่กุญแจอีกหลายบาน เปิดออกมาทุกบาน ถึงจะเห็นห้องนอนที่ไม่ใหญ่มากนัก มืดมิดและอึมครึม ต้องเปิดไฟ ถึงจะเห็นทุกอย่างในข้างในได้อย่างชัดเจน
เปิดไฟอย่างกะทันหัน เตียงไม้สักที่เก่าแก่ ผู้หญิงที่ผมยุ่งเหยิงนั่งอยู่ที่หัวมุม และกำลังตกใจกลัว ใช้มือทั้งคู่ป้องกันหัวไว้จากจิตใต้สำนึก ตะโกนพูดอยู่ในปากคนเดียวว่า “อย่าตีฉัน อย่าตีฉัน…….”
บรรยากาศแบบนี้และในขณะนี้ ซูย้าวอึ้งในทันทีทันใด น้ำตาก็ไหลออกมาจากตาทันที
เธอวิ่งเข้าไปเร็วๆ กอดผู้หญิงบ้าเอาไว้ ผู้หญิงคดตัวไว้ตลอดเวลา และหลบหนีอย่างไม่ขาดสาย เห็นไม่ชัดว่าคนที่ตัวเองกอดเป็นใครกันแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงเพื่อปกป้องตัวเอง ยังใช้มือทุบตีคนก่อนหน้านี้อย่างไม่ขาดสายด้วย แรงเยอะมาก ซูย้าวถูกทุบตีจนเจ็บตัว แต่ว่ายังคงไม่ยอมปล่อยมือ
“ปล่อยฉัน!ปล่อยฉัน……….” ผู้หญิงตะโกนดังๆ และยื่นมือทุบตีแบบมั่วๆ หน้าตาที่ตื่นเต้น ไม่เหมือนการแสดงเลยสักนิด
อาจจะรู้สึกว่าฉากนี้ไม่สนุกสนานสักเท่าไหร่ ซูหยวนยืนอยู่ที่หน้าประตู จู่ๆก็เอ่ยปากออกมานึงคำ “คุณดูสิ คนที่อยู่ข้างๆคุณเป็นใคร!นั่นคือลูกสาวแท้ๆคุณนะซูย้าว!”
‘ซูย้าว’สองคำนี้ตกลงไปในหูของผู้หญิง สีหน้าเธออึ้งเล็กน้อย สายตามองเลยไปผู้หญิงที่มีผมยาวปกปิดไว้ตรงหน้า มองดูหญิงสาวที่ใกล้แค่คืบเดียวอย่างชัดเจน นัยน์ตาที่ว่างเปล่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่ว่าผ่านไปแค่ชั่วขณะนึง การกระทำที่ทุบตีก็ทำต่อไปอีกแล้ว ในปากยังตะโกนอีกว่า “ส่ายหัวไป อย่าตีฉัน อย่าตีฉัน…..”
จากนั้นผลักซูย้าวออกไปแรงๆ หดตัวถอยหลังอย่างตกใจกลัว หลบอยู่ที่หัวมุมของเตียงนอน ยังคงสั่นไปหมดทั้งตัวอย่างกลัวๆ ในปากยังบ่นๆคนเดียวอยู่ว่า “อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา……….”
ซูย้าวยังจำได้ก่อนแต่งงานเมื่อหลายครั้งก่อน เธอยังไม่ได้เป็นแบบนี้ ถึงแม้จะสติไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นบ้าบอเช่นนี้เหมือนในตอนนี้
เธอเงยหน้าขึ้นมามองไปที่ซูหยวนด้วยสายตาที่ประหลาดใจ สีหน้าซูหยวนเสไปเสมา รีบพูดว่า” อย่ามองฉันสิ!ไม่เกี่ยวกับฉัน!แม่แกบ้าไปเอง ไม่เชื่อแกถามหมอได้เลย!”
พยาบาลรีบอธิบายอยู่ข้างๆ “เป็นความจริง คุณผู้หญิงอานโล๋ในครึ่งปีก่อนก็เริ่มเป็นแบบนี้แล้ว สติไม่ดีทุกวัน ยังบ้าๆบอๆอีกต่างหาก เราลองรักษาตั้งหลายวิธีแล้ว แต่ว่าผลลัพธ์ก็ยังคงไม่ชัดเจนมากนัก”
พูดอยู่ดีๆ อานโล๋คลานลงมาจากเตียงอย่างกะทันหัน นั่งอยู่บนเครื่องถ่ายอุจจาระที่อยู่ข้างๆ หน้าตาท่าทางเหมือนกำลังจะถ่ายอุจจาระ
ซูหยวนขยะแขยงจนเกือบจะอ้วกออกมาแล้ว ให้พยาบาลล๊อกประตู ทั้งสองคนออกไปอย่างเร่งด่วน
พวกเธอเพิ่งออกไป ซูย้าวก็ลุกขึ้นมาจากพื้น คิดอยู่ว่าจะไปเอากระดาษทิชชู่ แต่ว่าจู่ๆ แรงนึงได้จับมือเธอเอาไว้
“ย้าวย้าว!”
เสียงที่คุ้นเคย และเสียงเรียกที่อ่อนโยน ทำให้ซูย้าวอึ้งค้างในทันทีทันใด!