ท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิดและดวงดาวสว่างไสว แสงอ่อนๆที่ส่องมาจากด้านบนทำให้เงาของทั้งสองคนเลือนราง ดวงตาของชายหนุ่มซุกซ่อนไปด้วยความเป็นประกาย ส่วนสายตาของหญิงสาวก็ดูลึกล้ำ
สายตาของทั้งคู่ประสานกันดูมีเสน่ห์และซับซ้อน
ซูย้าวมองไปที่เขาอย่างเงียบๆจากนั้นริมฝีปากของเธอก็เผยอขึ้นเล็กน้อย “คุณลี่ยังคงเป็นเหมือนเดิมเลยนะคะ ชอบล้อเล่นจริงๆ”
น้ำเสียงของเธอหยุดลงชั่วครู่ คิ้วทั้งสองข้างขมวดขึ้นนิดหน่อยเธอคาดเดาได้ว่าลี่เฉินซีจะโต้ตอบกลับมาอย่างไร ดังนั้นจึงได้พูดเสริมขึ้นอย่างเด็ดขาดว่า “ฉันจะไปเป็นของคุณได้ยังไง? คุณลี่คะ ต่อให้ฉันและซูย้าวเป็นคนคนเดียวกัน แต่ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็เป็นอดีตภรรยาของคุณแล้วไม่ใช่เหรอ!
ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะชอบแสดงความเป็นเจ้าของมากขนาดนี้ แม้แต่อดีตภรรยาของคุณก็ไม่ปล่อย”
น้ำเสียงและรอยยิ้มของซูย้าวค่อยๆเยือกเย็นลง ความเย้ยหยันดูถูกเข้ามาแทนที่อย่างเห็นได้ชัดเจน
ลี่เฉินซีหรี่ตาลงช้าๆ มือข้างหนึ่งของเขาจับไปที่คางของเธอ อีกข้างหนึ่งพิงไว้กับกำแพงหลังศีรษะของเธอ ดวงตาที่จ้องมองมายังเธอสำรวจเธอด้วยความซับซ้อนและมีความหมายมากมาย เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำและแหบแห้งว่า “ผมจะเข้าใจว่า คุณยอมรับทางอ้อมว่าคุณคือคนเดียวกับซูย้าวนะ?”
เธอขมวดคิ้วขึ้นอย่างกะทันหัน “คุณลี่คะ การกระทำที่ก้าวร้าวแบบนี้ไม่ใช่ลักษณะที่ดี”
ก้าวร้าว
คำง่ายๆเพียงสองคำกลับทำให้แววตาของลี่เฉินซีมืดมนลง
อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้!
เนื่องจากตอนนี้เธอกำลังสงสัยในตัวตนของเธอเอง และนี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีไม่ใช่เหรอ?
เขาพยักหน้าเบาๆแล้วถอนกำลังออก ผละตัวออกมาเพื่อปล่อยเธอ
ทันทีที่ซูย้าวได้รับอิสรภาพคืนมาเธอก็รีบออกห่างจากเขาถึงสองเมตร สายตาอันเต็มไปด้วยความตื่นตัวระมัดระวังเข้ามาแทนที่ ลี่เฉินซีมองดูท่าทางเช่นนั้นของเธอ มุมปากทีเผยอยิ้มขึ้นอยู่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอีกเล็กน้อย
เขากลับไปนั่งบนโซฟาในทิศทางที่หันหลังให้กับเธอ มือข้างหนึ่งถือบุหรี่เอาไว้ แล้วเขี่ยขี้บุหรี่ทิ้งในที่เขี่ยบุหรี่ สายตาไม่ได้มองไปยังเธอเพียงแต่พูดออกมาว่า “มาหาผมเพราะมีธุระไม่ใช่เหรอ? ลองพูดมาซิว่าเรื่องอะไร?”
หัวใจของซูย้าวรู้สึกหนักแน่นขึ้นมา ในที่สุดเขาก็จะตัดเข้าเรื่องสำคัญได้เสียที!
เธอยืนอยู่ที่เดิมและสูดหายใจเข้าลึกพูดว่า “ที่จริงก็ไม่มีเรื่องอะไรมากหรอกค่ะฉันเพียงแค่อยากจะสอบถามคุณลี่ว่าโครงการเช่นกู่อาน ขณะดำเนินโครงการและพัฒนานั้นจำเป็นจะต้องระมัดระวังด้านใดบ้าง?”
ซูย้าวเอ่ยถามอย่างอ้อมค้อมและมีไหวพริบ ความหมายก็ค่อนข้างอ้อมค้อมคลุมเครือเช่นกัน
ส่วนลี่เฉินซีคาบบุหรี่เอาไว้ในปาก เขาเงยหน้าเอนศีรษะลงไปที่โซฟา แต่ทุกถ้อยคำที่ออกมาจากปากของเขานั้นกลับตรงไปตรงมามาก
“คุณอยากจะถามผมว่า เมื่อต้องเผชิญกับความคิดเห็นจากสาธารณชนโลกภายนอก และผู้คนในครัวเรือนที่ต้องโยกย้ายเหล่านั้น ควรจะจัดการอย่างไรใช่ไหม?”
เธอหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้ เขาก็รู้เรื่องทุกอย่างไม่ใช่รึไง? แล้วยังจะให้เธอพูดอะไรออกมาอีกละ!
“ก็ทำนองนั้นค่ะ” ซูย้าวตอบรับ
ชายหนุ่มยังคงไม่ขยับเขยื้อน ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมาดู เขาไม่ได้มองเธอเพียงแต่พูดว่า “เจอปัญหาอยากจัดการยากล่ะสิ?”
น้ำเสียงของเขาบางเบาแต่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูกถากถาง
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้คนฟังรู้สึกถูกเสียดสีอย่างแรง ซูย้าวอึดอัดมากเมื่อได้ยินมัน เธอจึงขมวดคิ้วขึ้นอย่างเหลือทน “เป็นอย่างที่คุณลี่พูดมาเลยค่ะ เรื่องราวทำนองนั้น”
ลี่เฉินซีค่อยๆลืมตาขึ้น เขาเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยดวงตาอันลึกล้ำจ้องไปยังเธอ “แล้วข้อเสนอของผมก่อนหน้านั้น คุณคิดดูดีหรือยัง?”
ข้อเสนอ?!
แววตาของซูย้าวกระชับขึ้นทันใด เธอตกตะลึงอย่างไม่รู้ตัว “คุณหมายถึง……”
ลี่เฉินซีสูบบุหรี่เข้าไปจากนั้นพ่นควันออกมาบางๆก่อนจะพูดขึ้นว่า “เป็นผู้หญิงของผม”
วินาทีนั้นใบหน้าของซูย้าวมืดมนลงทันที ใบหน้าสีแดงเรื่อของเธอเข้ามาแทนที่ เพียงแต่ท่ามกลางห้องที่มืดเช่นนี้จึงทำให้มองไม่ชัด
ความรู้สึกถึงการถูกละเมิดอย่างยากที่จะอธิบายถาโถมเข้ามา ทำให้หัวใจของเธอไม่อาจทนได้อีกต่อไปและทวีคูณยิ่งขึ้น
เธอก้มหน้าลงครุ่นคิดซ้ำไปซ้ำมาจากนั้นจึงมองไปทางเขาพูดว่า “คุณลี่คะ ถือเสียว่าฉันไม่เคยพูดอะไรออกมาก็แล้วกัน ในวันนี้ขอบคุณมากสำหรับการต้อนรับฉันขอตัวก่อน!”
เมื่อซูย้าวพูดจบเธอก็ก้าวขาออกไปด้านนอก วินาทีที่เดินผ่านร่างของเขาไปมือของชายหนุ่มก็เข้ามากุมเธอเอาไว้ สายตาของลี่เฉินซีมองไปยังเธอ มือของเขาออกแรงเล็กน้อย และดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนได้อย่างง่ายดาย
ลี่เฉินซียังคงไม่ขยับเขยื้อน ส่วนซูย้าวนั้นตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาแทบทั้งตัว ชายหนุ่มดับบุหรี่ในมือทิ้ง ใบหน้าอันหล่อเหลา สายตามองดูเธออย่างเย็นชา “การเล่นละครปฏิเสธ ครั้งแรกคนอื่นอาจจะคิดว่าคุณบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ครั้งที่สองอาจจะคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ดี แต่ถ้ามีครั้งที่สามไม่เพียงแต่คุณค่าจะลดลงอีกทั้งยังทำให้คนอื่นรำคาญและน่าเบื่อ คุณเข้าใจไหม?”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ ความสลัวมืดมนทำให้เขาดูหนาวเหน็บและไร้ความปรานีขึ้นกว่าเดิม มันส่งผ่านไปยังหัวใจของเธออย่างรวดเร็ว
ลี่เฉินซีมองดูเธอด้วยสายตาลึกล้ำและเยือกเย็น เฉียบแหลมราวกับหมาป่าและสงบนิ่ง เผยให้เห็นลำแสงแห่งการล่าที่กำลังจะเริ่มขึ้น
พูดได้ว่าคำพูดของเขาทำให้ซูย้าวขุ่นเคืองมากจริงๆ
เธอโกรธมากแต่ก็ยิ้มขึ้น รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาดุจน้ำแข็ง เธอพยายามนั่งตัวตรงคิดจะหนีแต่ก็หนีไม่พ้น ดังนั้นจึงทำได้เพียงถอดใจและนั่งอยู่บนตักของเขา มองไปด้วยท่าทางเคร่งขรึมและพูดว่า “คุณลี่พูดได้ดีจริงๆเลยนะคะ ถ้าอย่างนั้นเรามาวิเคราะห์กันดูหน่อยว่าทำไมฉันจะต้องตอบตกลงเห็นด้วยกับคำเสนอที่ไร้เหตุผลของคุณแบบนี้?”
“อันดับแรก เพราะคุณร่ำรวยและมีอำนาจล้นฟ้า แต่คุณมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า! คุณไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ! คุณอายุเกินสามสิบแล้วนับว่าเป็นวัยกลางคน!”
ดวงตาอันเย็นชาของลี่เฉินซีหดลง เขายกมือขึ้นจับคางของเธอ “แล้วคุณล่ะอายุน้อยหรือไง?”
ความแตกต่างด้านอายุของทั้งสองเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น
ซูย้าวจึงกัดฟันแน่นแล้วเลี่ยงหัวข้อนี้ก่อนจะพูดต่อไปว่า “เอาเถอะถ้าไม่พูดเรื่องของอายุ แต่เงื่อนไขอื่นๆล่ะ? คุณเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่หรือไง! คุณมีลูกอีกตั้งสามคนนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”
ลี่เฉินซีพยักหน้าด้วยความรู้สึกสนอกสนใจ “ใช่ เป็นเรื่องจริง”
“ฉันเป็นสาวโสด ให้ฉันติดตามคุณและเป็นแม่เลี้ยงของลูกคุณเหรอ นี่มันเหตุผลอะไรกัน?” เธอบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เขาจ้องมองไปด้วยความเย็นชา “ไม่ใช่แม่เลี้ยง แต่เป็นแม่แท้ๆ เด็กๆพวกนี้คุณเป็นคนคลอดเขาเอง”
ซูย้าว “……”
ริมฝีปากของลี่เฉินซีเผยอขึ้นลึกล้ำกว่าเดิม “คุณลืมแล้วเหรอ? แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าคุณอยู่เคียงข้างผมสักวันหนึ่งคุณก็จะนึกขึ้นได้เอง”
เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตราบใดที่สามารถทำให้เธออยู่ข้างกายเขาได้ ความจริงเป็นอย่างไรเมื่อวันเวลาผ่านไปนานเข้าทุกอย่างก็จะค่อยๆปรากฏขึ้น
แต่ซูย้าวไม่ได้เป็นดังนั้น เธอตื่นตระหนกและกังวล พยายามรวบรวมและเรี่ยวแรงทั้งหมดและผลักเขาออก ลุกขึ้นยืนพูดว่า “มันก็อาจเป็นไปได้ ฉันหมายถึงมันแค่อาจจะ บางทีฉันอาจจะเป็นซูย้าว แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่มีหลักฐานและเหตุผลใดๆเพียงพอที่จะชี้ประเด็นนี้ได้แน่ชัด
ดังนั้นลูกของคุณเป็นเพียงแค่ของคุณไม่เกี่ยวกับฉัน”
ไม่ใช่ว่าซูย้าวยืนกรานจะปฏิเสธข้อนี้ เธอไม่ได้โหดร้ายเสียจนเกินไปที่แม้กระทั่งเลือดเนื้อเชื้อสายของตัวเองก็มองข้ามไปได้
แต่ในความทรงจำของเธอที่มีอยู่ตอนนี้เธอจำไม่ได้เลยว่าตนเองเคยแต่งงานและมีลูก ดังนั้นเด็กๆทั้งสามคนสำหรับเธอในตอนนี้เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกันเลย
คุณจินตนาการได้หรือไม่?
ความทรงจำของคนคนหนึ่งที่ไม่เคยแต่งงานและมีลูก แต่จู่ๆก็ถูกใครบางคนพยายามฝืนให้นึกถึงเรื่องอดีต อีกทั้งยังเผชิญหน้ากับเด็กทั้งสามคนที่เรียกเธอว่าแม่
ว่ากันว่าผู้ที่ไม่เคยให้กำเนิดลูกจะไม่เข้าใจในความทรมานของการคลอดลูกและความสุขที่ผสมผสานกันอยู่ ใครที่ไม่เคยเลี้ยงลูกก็จะไม่เข้าใจความลำบากท่ามกลางความปรารถนาให้พวกเขาได้เติบโตในแต่ละวันเหล่านั้น
คนเรามักต้องค่อยๆเผชิญหน้ากับเรื่องต่างๆจึงจะเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ
หากเดินอยู่บนถนนแล้วมีเด็กน้อยวิ่งออกมาเรียกตนว่าพ่อหรือแม่ ความรู้สึกนั้นใครจะไปรับได้กัน?
ซูย้าวในขณะนี้ที่ต้องเผชิญหน้ากับเด็กๆ ก็เป็นเช่นเดียวกับคนที่สัญจรไปมาบนถนนนั้น
เธอรู้สึกสับสนสงสัยอยากจะพยายามเปิดใจรับ แต่ว่าถ้าไม่มีเหตุผลและคำอธิบายที่เพียงพอ ใครกันเล่าที่จะสามารถเต็มใจเพิ่มความทรงจำเหล่านี้ลงไปในสมองของตัวเอง?
ดวงตาอันลึกล้ำของลี่เฉินซีดูหดหู่ลงเล็กน้อย แววตาอันลึกล้ำของเขาค่อยๆจางหายไปพร้อมกับความมืดรอบข้าง ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเขาก็ทำได้เพียงพยักหน้าพูดกับเธอว่า “ตกลงเรื่องของเด็กๆคุณอาจจะยังไม่ยอมรับก็ได้ ผมเองก็ไม่อยากจะบังคับคุณ แต่คุณนี้ช่วยอยู่ข้างกายผมอย่างว่าง่ายได้ไหม?”