ดำและขาว
คำคำนี้ เป็นเพียงคำศัพท์เชิงพรรณนา ไม่ใช่คำจำกัดความเฉพาะของบางสิ่งหรือเหตุการณ์บางอย่าง
เพราะระหว่างดำและขาว ยังมีสีเทาอยู่
หากลี่เฉินซีเป็นตัวแทนของสีดำและสีขาว ถ้าอย่างนั้น อานเจียเย้นก็เป็นสีเทาที่ลึกลับ และแปลกประหลาดที่สุด
คนที่อยู่เหนืออำนาจมากมาย ภายใต้ความยิ่งใหญ่มีทรัพย์สินมากล้น ด้วยการตายอย่างกะทันหันของเพ้ยหยู่เจี๋ย จะมีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้นกับทายาทคนใหม่
ไม่ถึงกับที่ฟ้าจะถล่มดินจะทลาย แต่ก็สามารถใช้คำเปรียบว่าคลื่นโหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง
อานเจียเย้นรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเมื่อพ่อบ้านอาวุโสให้คำแนะนำให้เขาออกจากที่นี่ เขากลับไม่พูดอะไรสักคำ ทำเพียงแค่เอนกายลงบนเก้าอี้เงียบๆ สูบบุหรี่ทีละม้วนต่อม้วน
พ่อบ้านอาวุโสอยู่ข้างเขามาหลายปี ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขาถูกเพ้ยหยู่เจี๋ยพามาตอนอายุสิบขวบ ก็เริ่มดูแลเขาแล้ว
โซ่ตรวนที่ผูกไว้ในความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับข้ารับใช้ เลยเถิดไปมากกว่านั้นนานแล้ว พ่อบ้านอาวุโสปฏิบัติต่อเขาเหมือนลูกของตัวเอง
พ่อบ้านเห็นเขาแบบนี้ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไมได้ “คุณชาย นายท่านเสียไปแล้ว หากคุณยังอยู่ที่นี่ มันไม่……”
“กลับไปก่อนเถอะ! ไม่ถือว่าเป็นการหลบหนี เดิมทีกำลังของเราก็ไม่ได้อยู่ทางนี้ พวกเรากลับไปที่โฟรอลเดอร์ก่อนเถอะ!”
อานเจียเย้นยังคงไม่พูดอะไร และไม่ได้ใช้สายตาตอบสนองแต่อย่างใด ทำเพียงแค่เงยหน้ามองโคมระย้าคริสตัลบนเพดาน เหมือนกับตอนที่เขาก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ครั้งแรก ทุกอย่างที่เขามอง ยังคงหรูหรา และแปลกตา
ผ่านมาหลายปี ดูเหมือนว่าจุดจุดนี้ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
สิ่งที่เพ้ยหยู่เจี๋ยให้เขา มากเกินกว่าจินตนาการของเขา
ขนาดเรื่องแก้แค้น ก็ไม่เคยให้เขาได้ทำสำเร็จ หลังจากเพ้ยหยู่เจี๋ยตายแล้ว เขายังต้องทำหน้าที่ลูกบุญธรรมฝังศพเขา……
น่าขำแค่ไหนกัน
“แล้วทางด้านคุณหนู ต้องบอกเรื่องของนายท่านให้เธอทราบด้วยหรือเปล่าครับ?”พ่อบ้านถามเขา
พูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าที่นิ่งเงียบมาตลอดของอานเจียเย้นถึงได้มีการตอบสนองเล็กน้อย ยื่นมือขึ้นมาโบก แสดงให้เห็นว่าไม่ต้อง
พ่อบ้านชะงักแล้วพูดว่า “คุณชาย ในเวลานี้ให้คุณหนูกลับมาร่วมงานศพ ก็จะสามารถรั้งเธอไว้พอดีนิครับ!”
พูดไป ก็นำภาพถ่ายที่ใครบางคนเคยส่งมาก่อนหน้านี้ออกจากกระเป๋าของเขาแล้วส่งให้อานเจียเย้น
ชายหนุ่มยื่นมือไปรับ ชำเลืองมองภาพ บนรูป ซูย้าวนั่งอยู่บนผืนหญ้าเขียวขจี กอดเด็กๆไว้ข้างกาย ก้มหน้าทานอาหารยิ้มๆ
ทั้งๆที่พวกเขาสวมชุดแปลกๆ แต่กลับยิ้มได้หวานขนาดนั้น
มองดูสีหน้ายิ้มแย้มของเธอ อานเจียเย้นก็เหม่อลอย ท้ายที่สุด ก็ใช้รอยยิ้มเย็น วางภาพนั้นลง
พ่อบ้านไม่เข้าใจสีหน้าที่เขาแสดงออกมา พูดขึ้น “คุณหนูอยู่ทางนั้น ดูเหมือนว่าจะเข้ากันได้ดีกับเด็กๆ และคุณลี่ ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าหากคุณหนูฟื้นความทรงจำกลับมา ก็คงจะอยู่กับพวกเขา”
“คุณชาย แล้วคุณจะทำยังไง?”
พ่อบ้านคิดไม่ออกจริงๆ ทั้งๆที่อานเจียเย้นทนทุกข์ทรมานและลำบาก หลังจากที่รู้ว่าเพ้ยหยู่เจี๋ยตั้งใจพุ่งเป้าหมายไปยังคนตระกูลอาน ก็รีบสืบข้อมูลทั้งหมดของซูย้าว ในขณะที่ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด ก็ไม่ลังเลที่จะใช้ตัวเองเบี่ยงเบนความสนใจของเพ้ยหยู่เจี๋ย
ถึงได้แลกวันเวลาที่สงบสุขในหลายปีที่ผ่านมานั้นมาให้ซูย้าวได้
น่าเสียดาย เมื่อรอจนอานเจียเย้นได้หยุดพักหายใจ ทางด้านของเธอก็มีลูกให้กับลี่เฉินซีไปแล้ว
ถึงแม้จะไม่เกี่ยวอะไรกับความรัก แต่ด้วยความเอาใจใส่และความทุ่มเทนี้ พ่อบ้านอาวุโสรู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลยจริงๆ! เมื่อสองปีก่อน เพราะเขาไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของเพ้ยหยู่เจี๋ย เขาจึงต้องไปที่เมืองA แล้วบังคับพาซูย้าวกลับมา
แต่ในเวลาสองปีมานี้ เขาทุ่มเทอย่างหนัก เพื่อที่จะไม่ให้เพ้ยหยู่เจี๋ยทำร้ายซูย้าว หลังจากพยายามอย่างสูญเปล่ามาหลายครั้ง จึงต้องใช้วิธีสะกดจิต ลบล้างความทรงจำทั้งหมดของเธอ และปลูกฝังความทรงจำเท็จขึ้นมาแทน ถึงได้ช่วยให้ซูย้าวปลอดภัยขึ้นมาได้
ในเมื่อพยายามทำทุกอย่างมามากมาย แต่ตอนนี้ กลับปล่อยมือให้เธอกลับประเทศ แล้วยังกลับไปอยู่ในอ้อมกอดของคนคนนั้น แล้วเขาจะทำไปเพื่ออะไรล่ะ?
พ่อบ้านยากที่จะเข้าใจ และก็ไม่อยากจะเข้าใจมันอย่างละเอียดด้วย เขาแค่พูดอย่างจริงจังว่า”คุณเคยบอกกับผมว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหน ที่เข้าใจคุณอย่างถ่องแท้ และยอมรับคุณ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนอยู่ด้วยกัน ผมทราบ ว่าคุณเป็นคนที่จะทำการใหญ่ ผู้หญิงมีเพียงแต่จะเป็นภาระและตัวถ่วง ถ้าหากคุณมีใจ ผู้หญิงคนนั้นก็จะกลายเป็นจุดอ่อนของคุณ เพราะฉะนั้น ไม่มีก็ไม่เป็นไร”
อานเจียเย้นมักจะมีผู้หญิงมากมายอยู่รอบตัวเขา แต่ไม่เคยมีคนไหนที่ทำให้เขารู้สึกได้สักคน ทุกคนก็แค่จะเข้ามาเล่นสนุกบ้างเป็นครั้งคราว จากนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน ทิ้งกันไป
“แต่หลังจากที่คุณหนูกลับมา ผมรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนคนอื่น เธอรู้จักคุณ เข้าใจคุณ คุณชาย ระหว่างคุณกับเธอ ไม่มีสายเลือดสัมพันธ์กัน พวกคุณเองก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ คุณเองก็ใส่ใจเธอไม่ใช่เหรอครับ? “
พ่อบ้านอาวุโสถอนหายใจ “รับเธอกลับมาเถอะครับ!พวกคุณอยู่ด้วยกันก็ดีไม่ใช่เหรอ?”
ในที่สุดอานเจียเย้นก็ฟังต่อไปไม่ได้ ขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนแล้วมองพ่อบ้าน “สำหรับผมแล้วชิงชิงไม่ใช่แบบนั้น เธอ……เป็นคนพิเศษจริงๆ แต่ว่ามันยังไม่ถึงขั้นนั้น”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาแค่ดูแลเอาใจใส่เธอในฐานะน้องสาว
ไม่ว่าตอนนั้นจะทุ่มเทมากแค่ไหน เขาไม่ได้ทำเพื่อซูย้าวเพียงคนเดียว แต่ทำเพื่อแม่บุญธรรมอานชินด้วย
คิดแค่ว่าจะใช้กำลังของตัวเองทั้งหมด เพื่อตอบแทนบุญคุณของแม่บุญธรรมก็แค่นั้น
สองปีมานี้ที่อยู่กับซูย้าว ก็พบว่าเธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นจริงๆ เธอสามารถยอมรับความเป็นตัวเขาได้ทั้งหมด อดีตที่ไม่ดีของเขา หรือแม้กระทั่งวิธีการจัดการคนของเขา
สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงแบบนี้ สามารถพบเจอได้ แต่ไม่สามารถเรียกร้องมันมาได้จริงๆ
ว่ากันว่าสิ่งที่เรียกว่ารัก จริงๆไม่มีเหตุผลอะไรที่สามารถมาอธิบายได้ มันเป็นกระบวนการของการดูดซึม เพราะความรัก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดีหรือคนชั่วก็ตาม พวกเขาจะยอมรับกัน
โดยเฉพาะถ้าหากรักกัน คุณจะแคร์ว่าอีกฝ่ายเคยทำอะไรไว้บ้างไหม?
ผิด กับถูก มันสามารถแยกแยะได้จริงเหรอ?
ถ้าหากซูย้าวตกหลุมรักใครสักคนอย่างสุดใจ เธอสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ และเต็มใจที่จะติดตาม เธอเป็นคนที่ภายนอกดูอ่อนโยน แต่ภายในใจเข้มแข็ง เป็นผู้หญิงที่กล้ารักกล้าเกลียด
“อย่าเพิ่งบอกเธอตอนนี้ ให้เธออยู่ที่เมืองAต่ออีกสักพักเถอะ!”อานเจียเย้นก้าวเดินไปที่หน้าต่าง และจุดบุหรี่ขึ้น
พ่อบ้านอาวุโสขมวดคิ้ว รีบตามเข้าไป”แต่ว่า ถ้าเป็นแบบนี้ หากเธอเกิดมีความรู้สึกกับคุณลี่ล่ะครับ จะทำยังไง?”
“มีความรู้สึก?”ริมฝีปากซีดของอานเจียเย้นยิ้มขึ้นเย็นๆ “คุณลุง คุณประเมินค่าของ’ความรู้สึก’สูงเกินไป ผมสามารถปล่อยให้เธอกลับไปได้ ก็แสดงว่าผมมั่นใจ ถึงเธอจะมีใจ แต่ผมก็สามารถทำให้เธอตายใจได้!”
เขานิ่งไปพักหนึ่ง แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนทำให้เธอตายใจ แต่เป็นเพราะคุณลี่คนนั้น เขาสามารถทำให้เธอตายทั้งเป็น ไม่มีความรู้สึกได้อีกครั้ง “
ตอนนั้นซูย้าวออกจากชีวิตของลี่เฉินซียังไง หลังจากผ่านมาเจ็ดปี ฉากนั้น ก็ยังสามารถแสดงให้เห็นได้อีกครั้ง
ไม่ว่าเธอจะเป็นซูย้าวเมื่อตอนนั้น หรือว่าอานหว่านชิงในตอนนี้
ลี่เฉินซีจะไม่เปลี่ยนไป ความเยือกเย็นนี้ ยังสามารถอธิบายได้ด้วยคำอื่น ซึ่งมันเรียกว่าทรยศ และความรักที่บางเบา!
คำพูดนั้นยังอยู่ในหู ใจของพ่อบ้านที่หนักมาตลอด ตอนนี้ถึงได้วางใจลง “ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ ถ้าคุณมั่นใจผมก็วางใจแล้ว!”
อานเจียเย้นมองออกไปนอกหน้าต่าง ดอกไม้โรงเรียนที่เบ่งบานหนาแน่นและละเอียดอ่อน มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ในมุมหนึ่งของแสงที่ส่องมา เปื้อนไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก และมันค่อยๆเพิ่มมากขึ้น
และในตอนนี้ที่เมืองA ก็ถึงเวลาช่วงเย็น
โรงเรียนที่เสียงดังเฮฮามาตลอดทั้งวัน ในที่สุดก็ค่อยๆเงียบลงพร้อมกับงานเทศกาลที่จบลง
ผู้ปกครองที่วิ่งวุ่นกันทั้งวันพาลูกของตัวเองกลับบ้านทีละคน ท่ามกลางผู้คนมากมาย ซูย้าวถอดหมวกแปลกประหลาดที่คลุมศีรษะออก ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ดูหมดแรงจนถึงขีดจำกัด
เธอหันไปมองชายที่กำลังดูแลเด็กๆขึ้นรถ แล้วโบกมือให้เขาอย่างอ่อนแรง “งานเทศกาลจบลงแล้ว ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำ ไปก่อนล่ะ”