“ได้ผลประโยชน์ทั้งคู่ ไม่ดีรึไง?” ซูหยวนพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ เธอแสร้งทำสีหน้าอ่อนโยน ก่อนจะยื่นมือเข้าไปช่วยจัดระเบียบคอเสื้อให้กับ อู๋หยาน “หรือเธออยากจะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ จากนั้นเราค่อยแยกย้ายกันไป?”
“เธอต้องรู้สิ สิ่งที่เธอเคยคิดจะทำกับเซียวไน่ ถ้าปล่อยให้เจียงจี้เซิงรู้เข้าล่ะก็ ฉันเกรงว่า ความหวังเล็ก ๆ ที่เหลืออยู่ของเธอ มันอาจจะ….”
ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ซูหยวนพูดต่อจนจบ อู๋หยานรีบยั้งเธอไว้ทันที “ไม่ต้องพูดแล้ว ได้ประโยชน์ทั้งคู่ใช่ไหม ตกลง ฉันจะทำให้เธอพอใจ!”
เดิมที อู๋หยานทำไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเธอเอง เธอใช้กลโกงจัดการเซียวไน่ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่ดีอยู่แล้ว ถ้าเจียงจี้เซิงรู้เรื่องทั้งหมดนี้เข้าล่ะก็ ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น แต่มันอาจจะโยงไปถึงตระกูลอู๋ได้อีกด้วย!
ซูหยวนมองไปทางหญิงสาว ก่อนจะเผยรอยยิ้มอ่อนโยน สีหน้าของเธอแสดงถึงความเป็นผู้ชนะ “แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว เราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แถมยังได้ประโยชน์ทั้งคู่”
อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา “OK ฉันจะไม่สนว่าเธอทำอะไรลงไปบ้าง แต่เธอแค่อย่าลืมก็แล้วกัน ว่ารับปากอะไรฉันไว้ ถ้าช่วงนี้จี้เซิงสามารถคลี่คลายความสัมพันธ์ระหว่างเซียวไน่ ได้ งั้น…..”
“ไม่ต้องห่วงหรอก” ซูหยวนพูดขัดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เบื้องหลังรอยยิ้มอันน่าเชื่อถือนั้น กลับมีแต่ความชั่วช้าและโหดเหี้ยมแฝงอยู่ “ฉันมีวิธีของฉัน เธอรีบกลับไปดูแลตัวเองเถอะ รอให้เรื่องทั้งหมดสำเร็จ รับประกันได้เลยว่าเธอจะได้กลายเป็นคุณผู้หญิงเจียงอย่างราบรื่นแน่ ๆ”
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน” อู๋หยานมองไปที่ซูหยวน แม้จะรู้สึกไม่วางใจอยู่บ้าง แต่เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ทางเดียวที่เธอพอจะทำได้ ก็คือต้องเชื่อมั่นในตัวซูหยวนเท่านั้น
แต่เธอก็หวังว่ามันจะไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่เกินไป
ซูหยวนอยู่ในคลองสายตาของอู๋หยาน ตลอด จนกระทั่งเธอก้าวขึ้นรถ ทันใดนั้น อีกฝ่ายก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก หญิงสาวลดกระจกลง ก่อนจะพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “อ๋อใช่ คุณหนูใหญ่ ถ้ามีเวลาว่างก็ให้ลูกน้องคุณช่วย เซียวไน่หางานในเมือง A ด้วยนะ เอาแบบที่สวัสดิการดี ๆ หน่อยน่ะ”
อู๋หยาน ชะงักไปชั่วครู่ “ทำไมล่ะ?”
เธอเกลียดขี้หน้า เซียวไน่จะตาย ทำไมต้องไปช่วยหล่อนหางานด้วย!
สักพักหนึ่ง เธอก็ขมวดคิ้วงงขึ้นมาอีก “แล้วทำไมต้องเมือง A ด้วย?”
ซูหยวนยิ้มออกมาอย่างนิ่งเรียบ “เพราะอีกเดี๋ยวฉันก็จะไปเมือง A แล้วน่ะสิ เธอก็รู้นี่ลี่เฉินซีเองก็อยู่ที่นั่น”
“เธอ….” อู๋หยาน กัดฟันด้วยความโกรธ เธอยังอยากจะพูดต่อ แต่ซูหยวนกลับไม่ให้โอกาส อีกฝ่ายสตาร์ทรถ ก่อนจะขับออกไปไกลจนไม่เห็นฝุ่น
ทิ้ง อู๋หยานให้อยู่คนเดียวเพียงลำพัง หญิงสาวค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นจากพื้น พร้อมกับเข่นเขี่ยวเคี้ยวฟันไปด้วย ซูหยวนคนนี้ เธอไม่น่าไปหลงเชื่อคำพูดของหล่อนเลย ยังจะมาเรื่องสลับตัวอะไรนี่อีก!
ซูหยวนกำลังขับรถกลับเข้าเมือง ตลอดทางเธอรู้สึกอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด เดิมที ลี่เฉินซีก็ควรจะเป็นของเธออยู่แล้ว ทว่ากลับมีซูย้าวโผล่ออกมาเป็นส่วนเกิน แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น เธอถึงได้โอกาสนี้มา
ครั้งนี้ เธอจะไม่แพ้ให้กับนางผู้หญิงใบ้กินคนนั้นเป็นครั้งที่สองแน่ ๆ!
………
อีกด้าน ซูย้าวรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ ตั้งแต่ออกจากบ้านตระกูลเจียง จนกลับมาถึงโรงแรม
ลี่เฉินซีเอนกายนอนลงบนตักเธอ ในมือถือสมุดวาดภาพ มือเรียวของเขาขยับสเก็ตช์ภาพไปมาไม่หยุด มีเงยหน้าขึ้นมาถามเธอบ้างเป็นครั้งคราว พร้อมกับแก้ไขรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนั้นก็สเก็ตช์ภาพต่อเรื่อย ๆ
หลังจากนั้นชุดแต่งงานที่ทั้งประณีตและสวยงามค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนแผ่นกระดาษสีขาว ทักษะการวาดภาพของเขาค่อนข้างดี ชายหนุ่มเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างพิถีพิถัน แถมยังเขียนแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมแยกไว้ด้านข้างให้อีกด้วย
เขาเรียนวาดภาพมาตั้งแต่เด็ก เรื่องการออกแบบก็ถือว่าไม่ได้อยู่เหนือความสามารถเขาไปสักเท่าไร แต่ที่ทำให้ซูย้าวประหลาดใจ คือเขากำลังออกแบบชุดเจ้าสาวและชุดราตรีสำหรับงานแต่งงานของทั้งคู่ด้วยตัวเขาเองอยู่
ลี่เฉินซีออกแบบชุดขึ้นมาสามชุดในเวลาอันสั้น เป็นชุดเจ้าสาวหนึ่งชุด พร้อมกับชุดราตรีอีกสอง ซึ่งชุดที่น่าจะใส่ในงานจัดเลี้ยงทั้งหมด เขาก็จัดการจนเสร็จเรียบร้อย
“เอาโบแบบนี้ไหม?” อยู่ ๆ เขาก็เหลือบตามองเธอ พร้อมกับเอ่ยคำถามออกมาราวกับพูดอยู่กับตัวเอง “ผมว่าเป็นลูกไม้ก็น่าจะสวยนะ แต่มันจะดูบ้าน ๆ เกินไปรึเปล่า?”
ซูย้าวไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เธอแค่ตอบแบบขอไปทีว่า “แล้วแต่”
ชายหนุ่มเองก็เริ่มสเก็ตช์ภาพต่อ มีเอ่ยถามเธอบ้างบางที “แล้วแบบหางของชุดเจ้าสาวล่ะ? คุณอยากได้แบบไหน?”
หญิงสาวไม่ได้มีอารมณ์จะมาสนใจเรื่องพวกนี้ เธอจึงตอบกลับไปอีกครั้งว่า “แล้วแต่”
เธอตอบแบบนี้ติด ๆ กัน ลี่เฉินซีจึงหยุดวาดแล้ววางสมุดลง นัยน์ตาของเขาจ้องมายังเธอด้วยความลึกซึ้ง “มีอะไรในใจรึเปล่า?”
ซูย้าวหลุบตาลง พร้อมกับขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้นเสียงต่ำว่า “เอ่อ คุณรู้จักฉันดีแค่ไหน?”
ลี่เฉินซีชะงักไป นึกว่าเธอกำลังจะหาเหตุผลอะไรมาปฏิเสธการแต่งงานอีก เขาจึงรีบยืดตัวขึ้น พร้อมกับตอบว่า “รู้จักดีหรือไม่ยังไงครั้งนี้ก็ต้องแต่งงาน!”
เธอหยุดชะงักไปเช่นกัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ แต่หมายถึงคุณรู้จักซูย้าวดีแค่ไหน?”
ชายหนุ่มหันกลับมาด้วยท่าทีสนใจเล็กน้อย พร้อมกับกางแขนออก จากนั้นก็ดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดของเขา “แน่นอนสิ ผมต้องรู้จักดีอยู่แล้ว คุณอยากถามอะไรงั้นเหรอ?”
เธอขืนตัวเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนชายหนุ่ม หญิงสาวคิดไปคิดมาอีกที รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไร เรื่องของผู้หญิงในมุมมองของผู้ชาย มันคงจะไม่ชัดเจนอยู่แล้ว เธอจึงชั่งน้ำหนักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เมื่อก่อนซูย้าวมีเพื่อนรึเปล่า?”
“เพื่อน?” ลี่เฉินซีประหลาดใจเล็กน้อย “คุณหมายถึงอะไรกันแน่เนี่ย?”
“ก็เพื่อนทั่ว ๆ ไป เพื่อนสนิท อะไรแบบนั้น เข้าใจไหม?”
นัยน์ตาของลี่เฉินซีค่อย ๆ หม่นแส่งลง เขาจ้องมองเธออย่างตั้งอกตั้งใจ แถมยังไม่ลืมที่จะยกมือตรวจอุณหภูมิที่หน้าผากเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่มีไข้ด้วย จากนั้นชายหนุ่มจึงถามขึ้นว่า “เจียงจี้ฉีพูดอะไรกับคุณบ้าง ทำไมพอคุณกลับมาถึงได้ถามอะไรเหลวไหลแบบนี้”
ก่อนหน้านี้เธอไม่สนใจเขาเลยสักนิด จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จากนั้นก็มาถามหาเพื่อนอีก นี่มันผิดปกติจริง ๆ
ซูย้าวแงะแขนที่กอดเธอไว้จนตอนนี้เธอเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องออก จากนั้นหญิงสาวก็ยืดตัวขึ้น เดินไปรินน้ำใส่แก้ว “ไม่ได้พูดอะไร แค่รู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย คุณยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ เมื่อก่อนซูย้าวมีเพื่อนบ้างรึเปล่า? เพื่อนที่แบบสนิทกันเป็นพิเศษน่ะ”
ลี่เฉินซีจ้องเธอซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งแน่ใจแล้วจริง ๆ ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นก็หาเบอร์โม่หว่านหว่าน แล้วส่งให้เธอ
“ติดต่อเธอสิ เมื่อก่อนความสัมพันธ์ของพวกคุณดีมากเลยนะ” คุยกันได้แทบทุกเรื่อง เป็นทั้งเพื่อนสนิท แล้วก็เพื่อนที่ดีแน่นอน
ซูย้าวมองดูเบอร์โทรศัพท์ของโม่หว่านหว่านในมือถือ พร้อมกับข้อความแนะนำให้เพิ่มเพื่อนในวีแชทด้วยความสับสน เธอขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะลองกดเพิ่มเพื่อนอย่างไม่แน่ใจ และเพราะต้องใช้เวลาตรวจสอบ หญิงสาวเลยต้องรอไปอีกสักพัก
เธอนั่งลงจิบน้ำอยู่บนเก้าอี้สองสามอึก พอเหลือบตามองไปทางชายหนุ่ม เธอก็เห็นเขาลงมือสเก็ตช์ภาพอีกครั้ง ชุดแต่ละชุดถูกเติมลายเส้นเข้ามาอย่างสวยงามตามการลงดินสอของเขา
“ดอกไม้ด้านข้างนั่นเอาแบบธรรมดาก็ได้ ลูกไม้ก็ไม่ต้องใช้แล้ว ส่วนหางของชุดเอาเป็นแบบยาวก็แล้วกัน อีกอย่าง ชุดเจ้าสาว ฉันเอาสามแบบนะ แบบสีขาว แบบสีแดง แล้วก็แบบสีดำ” ซูย้าวพูดสิ่งที่เธอต้องการออกมาจนหมด
ลี่เฉินซี “……….”
“สีขาวหมายถึงความศักดิ์สิทธิ์ สีแดงหมายถึงการเฉลิมฉลอง และสีดำหมายถึงความภักดี ฉันคิดไว้หมดแล้ว ถ้าต้องแต่งงานแล้วล่ะก็ จะต้องสวมชุดแต่งงานสามแบบนี้เท่านั้น” เธอพูดต่อ พร้อมกับจิบน้ำเข้าไปอีกสองอึก
แล้วก็เหมือนเธอคิดอะไรบางอย่างออกอีก หญิงสาวรีบเสริมขึ้นอย่างร้อนรนว่า “แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง ออกแบบชุดพื้นเมืองเพิ่มอีกสักชุดสิ ที่แบบผู้หญิงรวย ๆ สมัยก่อนเขาใส่กันตอนแต่งงาน ฉันอยากใส่แบบนั้นด้วย”
ลี่เฉินซี “………..”
ซูย้าวเดินไปเดิมน้ำให้ตัวเองอีกหนึ่งแก้ว แถมยังไม่ลืมที่จะหยิบแอปเปิลติดมือมาด้วย ระหว่างเดินผ่านเขาไป เธอก็ยังพูดต่ออีกประโยคว่า “ชุดก็ประมาณเท่านี้ล่ะ รีบออกแบบเถอะ จะได้ส่งไปสั่งตัดเลย”
ลี่เฉินซี “……..”
เธอเห็นเขาเป็นนักออกแบบจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรง แต่แค่เห็นเธอไม่ได้รู้สึกไม่ชอบงานแต่งงาน แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว แค่ออกแบบเพิ่มอีกไม่กี่ชุด ก็ตามใจเธอแล้วกัน!
ซูย้าวเดินกลับมาที่ห้อง ก่อนจะปิดประตูลง เธอแทะผลแอปเปิลไปพลาง พร้อมกับรอการตรวจสอบยืนยันในวีแชทไปพลาง แต่รอไปรอมา รอยังไงก็ไม่ได้รับข้อความตอบกลับสักที เธอจึงลงไปนอนพักบนโซฟาด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย ทันใดนั้นหญิงสาวก็บังเอิญทำโทรศัพท์หลุดมือตกลงมาใส่ตัวเองโดยไม่ทันระวัง เธอรีบหยิบขึ้นมาอย่างร้อนรน ก่อนจะเห็นว่าตัวเองกำลังโทรออกหาโม่หว่านหว่านอยู่
ระหว่างที่เธอกำลังลังเลว่าจะวางดีไหม ปลายสายก็รับโทรศัพท์พอดี
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” เสียงดังฟังชัดของโม่หว่านหว่าน ทะลุผ่านโทรศัพท์มาถึงหญิงสาว
ซูย้าวชะงักอย่างไม่รู้จะตอบยังไง แต่เธอคงหยุดนานเกินไป โม่หว่านหว่านเลยถามขึ้นอีกครั้งว่า “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ? ไม่ทราบว่า……”
“สวัสดีค่ะ ฉันคืออานหว่านชิง” ด้วยความที่ในใจเธอยังสับสนอยู่ หญิงสาวจึงพูดชื่อตัวเองออกไป
โม่หว่านหว่านเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับว่าเธอกำลังทำความเข้าใจว่า “อานหว่านชิง” คนนี้คือใคร แต่หลังจากนั้นไม่นาน อยู่ ๆ เธอก็กดตัดสายไปทันที