ตอนกลางคืน ในห้องที่มืดมิด เขาจับผมที่เปียกไปด้วยเหงื่อของเธอ น้ำเสียงที่ราวกับคำสาป ราวกับความคลุมเครือของแม่เหล็ก:”งั้นผมก็ต้องขอบคุณสำหรับคำชมของคุณเหรอ?”
“เพราะคุณทำได้ดีอยู่แล้วตั้งแต่แรก”
พูดเรื่องแบบนี้บนเตียงมันค่อนข้างรู้สึกแปลกๆ แต่ซูย้าวก็ไม่สนใจ เธอพยายามตามจังหวะของเขาและรอคำพูดของเขา แต่เขากลับเงียบ มือทั้งสองข้างของเขาวางอยู่ข้างหัวของเธอ สายตาที่เฉียบแหลมมองไปที่ที่เธออย่างลึกซึ้ง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ?” เธอลังเลไปพักหนึ่ง “มีอะไรรึเปล่า?”
เธอกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่เขากลับมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาสีดำที่สวยงามเปล่งประกายราวกับดวงดาวท่ามกลางความแสงยามกลางคืน ซูย้าวยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่ และตอนที่เธอกำลังจะขยับออกไป เขากลับยื่นมือออกไปกอดเธอจากด้านหลัง เอาหัวมุดเข้าไปในคอของเธอแล้วยิ้ม
“คุณไม่รู้เหรอว่าตอนนี้ไม่ควรพูดเรื่องอะไรแบบนี้?” เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นไปปัดผมที่ติดอยู่ริมฝีปากเธอออก “ทำไมถึงยังบื้อขนาดนี้ ผมสอนคุณน้อยไปเหรอ?”
เขาพูดพร้อมกลับพลิกตัวเธอนอนลงอีกครั้ง ซูย้าวรู้สึกมึนงง และความคิดที่มึนงงก็หายไปท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่ทรงพลังของเขา จนกระทั่งผ่านไปตั้งนาน ตอนที่เขาไปอาบน้ำ เธอยังคงจมอยู่ในความสับสน ควบคุมตัวเองไม่ได้
เสียงน้ำกระเด็นดังออกมาจากห้องน้ำ เธอลงไปเหยียบพื้นด้วยเท้าเปล่า หยิบกล่องลูกอมออกมาจากกระเป๋าและโยนเข้าไปในปากหนึ่งเม็ด
เธอยกมือขึ้นไปจับรอยแผลเป็นที่ใต้คอด้วยความเคยชิน นี่คือแผลจากลูกกระสุนปืน แต่มันทิ้งรอยแผลเป็นไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่เธอจำไม่ได้แล้ว แค่เคยได้ยินหมอบอกว่า สองสามปีก่อนเธอเกือบจะตาย ผ่าตัดใหญ่ไปตั้งหลายครั้ง ต่อมาถึงแม้ว่าจะหายดีแล้ว แต่ก็ยังทิ้งอาการอย่างอื่นตามมา
อย่างเช่นเมื่อฝนตกหนักหรืออากาศแปรปรวน แผลที่อยู่ตรงไหล่ก็จะกำเริบ ปวดเข้าไปถึงกระดูก ดังนั้นลูกอมนี้ พูดตามความจริงมันไม่ใช่ลูกอม
มันคือยาแก้ปวดที่ห่อเป็นลูกอม
อาจจะเป็นเพราะตอนที่อยู่ต่างประเทศ อากาศไม่ค่อยแน่นอน ทำให้แผลของเธอกำเริบอยู่บ่อยครั้ง เธอจึงกินยาจนเคยชิน ทำให้ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นอะไร อารมณ์ดีหรือไม่ดีเธอก็จะกินมันสักหนึ่งเม็ด
เสียงน้ำหยุดลง ลี่เฉินซีที่ตัวเปียกน้ำก็เดินออกมา ซูย้าวรู้สึกว่าเตียงยุบลง และวินาทีต่อมาแขนเย็นๆ ของเขาก็ดึงเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมแขน:”ไม่ไปอาบน้ำเหรอ?”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มีกลิ่นอายของแอลกอฮอล์เบาๆ ดังอยู่ข้างหูของเธอราวกับปีศาจที่ชั่วร้าย
เธอส่ายหน้าและพยายามจะดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา แต่กลับถูกเขากอดแน่นขึ้นกว่าเดิม เขากอดเธอไว้แน่น แล้วยังให้เธอนอนบนแขนของตัวเอง จากนั้นก็พูดเบาๆ :”งั้นก็ค่อยอาบพรุ่งนี้เช้า!”
จากนั้นเขาก็นอนกอดเธอหลับไป ตอนแรกซูย้าวอึดอัดและอยากจะดิ้นออกมา แต่เธอก็ค่อยๆ ลืมทุกอย่างไปพร้อมกับความง่วง เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็ยังนอนกอดกันแน่น
เพราะว่าจะต้องกลับเมืองAแล้ว ดังนั้นตื่นขึ้นมาตอนเช้าพวกเขากินข้าวเช้าเสร็จ ก็เตรียมเดินทางไปสนามบิน แต่ก่อนหน้านี้ เจียงจี้ฉีก็มาเซ็นสัญญามอบที่ดินอู๋ซินฉวูให้กับลี่เฉินซี
สรุปก็คือ การมาหลิ่งโจวในครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นการมาที่คุ้มค่า
หลิ่งโจวอยู่ใกล้กับเมืองA ขับรถใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง แต่มันช่างเป็นการเดินทางที่ยาวนาน ลี่เฉินซีทำงานตลอดทาง และซูย้าวดูเหมือนว่าไม่มีอะไรทำ เธอก้มหน้าเล่นโทรศัพท์
เธอกำลังดูอะไรตลอดทั้งทางอย่างตั้งใจ สีหน้าก็เคร่งเครียด ผ่านไปสักพัก เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอ:”กำลังดูอะไรอยู่?”
ซูย้าวตกใจ จากนั้นก็กะพริบดวงตาที่สวยงามคู่นั้นและซ่อนโทรศัพท์:”ความลับ”
ลี่เฉินซียิ้ม ยื่นมือออกไปดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนและจูบแก้มของเธอด้วยริมฝีปากที่บอบบางเบาๆ :”มีความลับเร็วขนาดนี้?”
เธอแกล้งทำตัวลึกลับ:”แน่นอนอยู่แล้ว ยังไงฉันก็ไม่บอกคุณหรอก ไปๆ ๆ ไปทำงานของคุณได้แล้ว”
ซูย้าวพูดและผลักเขาออก แต่เขากลับจับมือเธอขึ้นมา:”เอาบัตรมาด้วยไหม?”
เธอตกใจ “บัตรอะไร”
“บัตรประชาชนหรือทะเบียนบ้านแบบนั้น” เขาพูดเบาๆ และปิดโน๊ตบุ๊คที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง
ซูย้าวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย:”พกของพวกนั้นมาทำไม?”
ลี่เฉินซียักไหล่:”เดี๋ยวคุณก็รู้”
ทันทีที่เขาพูดจบ เธอก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอรีบพูดออกไปว่า:”ฉันไม่ได้เอาทะเบียนบ้านมาด้วย ไม่ได้เอามา แล้วจดทะเบียนตอนนี้มันเร็วเกินไป…”
“ไม่เร็วเกินไป” ใบหน้าที่หนักแน่นของเขาหล่อเหลาเหมือนเดิม น้ำเสียงที่พูดออกมาก็แน่วแน่มากขึ้น:”คุณไม่ได้เอามาแต่ผมเอามาให้คุณแล้ว ไม่เป็นไร”
ซูย้าวพูดไม่ออก แต่เธอมีความคิดอยู่เต็มหัว อยากจะพูดอะไรออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าลี่เฉินซีไม่ให้เธอได้มีโอกาสพูด จากนั้นรถก็มาจอดอยู่ที่หน้าประตูสำนักงานกิจการพลเรือน
เธอยังตกใจและยังไม่ได้สติ ก็ถูกเขาจับมือลงมาจากรถและเดินตรงเข้าไปในสำนักงานกิจการพลเรือน
หลังจากที่เดินเข้าแล้วเดินออกมา หนังสือเล่มเล็กสีแดงสองเล่ม สัญลักษณ์ของการแต่งงานที่มองไม่เห็นก็เกิดขึ้น
ซูย้าวมองดูหนังสือสีแดงสองเล่มที่อยู่ในมือของเขาด้วยสายตาที่สับสนและตกใจ ใบหน้าของเธอมีทุกอารมณ์ อยากจะพูดอะไรออกมาสักคำก็ยังยาก
แต่ลี่เฉินซีกลับไม่ได้ตกใจเหมือนเธอ เขายกมือขึ้นมาลูบหัวของเธอเบาๆ :”เอาเก็บไว้ที่ผม เดี๋ยวคุณจะทำหาย!”
ซูย้าว:”…”
“ตอนนี้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วใช่ไหม คุณนายลี่ของผม” เขาพูดน้ำเสียงเบาๆ รอยยิ้มอันแผ่นเบาราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่อยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา มันช่างอ่อนโยน
ซูย้าวยืนมองเขาเงียบๆ เธอไม่รู้จักเขาเมื่อก่อนว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ แต่ลี่เฉินซีที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองตอนนี้ เขาคือ…
คือผู้ชายที่ดี ดีมากจนไร้ที่ติ
ดังนั้นเธอจึงแต่งงานกับเขาด้วยความสับสนมึนงงแบบนี้…
เขาไม่สนใจความสับสนและยุ่งเหยิงบนใบหน้าของเธออีกต่อไป เขาจับมือเธอขึ้นไปบนรถอีกครั้งและขับรถกลับบ้าน
และอีกฝั่งหนึ่ง รถสีแดงป้ายทะเบียน911ก็แล่นมาด้วยความรวดเร็ว ตามมาด้วยเสียง‘เอี๊อด’ จากนั้นมันก็มาหยุดอยู่นอกรั้วของบ้านหลังเก่าๆ หลังหนึ่ง
ที่จอดรถข้างบนก็ค่อยๆ เลื่อนลงมา หญิงสาวคนหนึ่งหันหน้าไปมองบ้านที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล จากนั้นเธอก็ถอดแว่นกันแดดออก เผยให้หน้าตาที่สวยงาม เธอหรี่ตาลง แสงที่สะท้อนออกมาจากดวงตาไม่ธรรมดาจริงๆ
บ้านหลังนี้ ก็คือบ้านใหญ่ตระกูลซูที่มีชื่อเสียงในตอนนั้น
แล้วก็เป็นที่ที่เธอเคยมีความทรงจำในวัยเด็กที่มากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็เปลี่ยนไปนานแล้ว
เธอในตอนนั้น ไม่ว่าจะทำยังไงก็พ่ายแพ้ให้กับซูย้าวคนนั้น แต่ตอนนี้ ซูย้าวคงคิดไม่ถึงว่า พี่สาวของเธอได้กลับมาอีกครั้ง!
แล้วยังใช้ชื่อของอู๋หยานปิดบังตัวตนของตัวเองเอาไว้ ก็เท่ากับว่าเธอปิดม่านเพิ่มอีกชั้นหนึ่ง เช่นนั้น เกมตาต่อไปก็ต้องสนุกยิ่งขึ้น ใช่ไหม?
ซูหยวนค่อยๆ ยิ้มมุมปาก รอยยิ้มช่างมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลและชั่วร้าย
เธอยกมือขึ้นสวมแว่นกันแดดอีกครั้ง สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่ง ขับออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
…
ซูย้าวที่ยังคงสับสนมึนงงในความคิด ถูกลี่เฉินซีพากลับมาที่บ้านของตระกูลลี่ ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องโถง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา เขาจึงเดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก
ซูย้าววางกระเป๋าลงเอง เปลี่ยนรองเท้า มีพี่เลี้ยงวิ่งออกมาต้อนรับ รับเสื้อคลุมของเธอมา เธอก็เดินเข้าไปข้างใน และก็เดินไปเจอกับเจี่ยงเวินอี๋ที่นั่งอยู่บนโซฟา
พวกเธอไม่ถือว่าสนิทกันมากนัก ดังนั้นเจอกันกะทันหันแบบนี้ เธอก็ตกใจเล็กน้อย และในขณะเดียวกัน ซีซีก็วิ่งลงจากชั้นบน แล้วยังถือไพ่ของเล่นอยู่ในมือ เธอตะโกนออกมาว่า:”คุณย่า หนูเอามาแล้ว คุณย่าเล่นกับหนูนะคะ…”
ซีซียังพูดไม่จบ เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซูย้าวที่พึ่งกลับมา เธอรีบวิ่งไปข้างโซฟา โยนกล่องของเล่นที่กอดไว้ในอ้อมแขนทิ้ง แล้วพุ่งเข้าไปหาซูย้าว:”คุณแม่ คุณแม่กลับมาแล้ว!”
เด็กมักจะเป็นกันเองแบบนี้เสมอ
แต่เจี่ยงเวินอี๋กลับลืมตาขึ้นอย่างเย็นชา สีหน้าที่สง่างามและเยือกเย็น แม้แต่ร่องรอยของความเบื่อหน่ายในดวงตาก็ชัดเจนผิดปกติ