“คุณคิดดีแล้วใช่ไหม? คุณตัดสินใจแน่แล้วเหรอ?”
ซูย้าวยิงคำถามติดต่อกันมากมายออกมา แต่ความหมายเหล่านั้นก็คล้ายคลึงกัน
ดวงตาของลี่เฉินซีอันเยือกเย็นตึงเครียดขึ้นเล็กน้อยแล้วพยายามสังเกตไปที่เธอ เขาเห็นได้ชัดว่าดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วงกังวล แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วถามกลับว่า “ใช่ มีอะไรเหรอ?”
นิ้วมือที่จับไปตรงแก้มของเธอดึงกลับมาดังเดิม “อย่าบอกผมนะว่าคุณไม่เห็นด้วย”
ซูย้าวขมวดคิ้วเข้าหากันจ้องมองไปที่เขา “ใช่ค่ะ ฉันมีข้อคิดเห็น ฉันไม่เห็นด้วย!”
เธอใช้ช่วงเวลาที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดดึงตัวเองออกจากเงื้อมมือของเขาแล้วถอยออกไปก้าวหนึ่ง “ลี่เฉินซีคะ การที่คุณจะหย่ากับฉัน ฉันไม่คัดค้านอะไรเลย คุณจะดำเนินการอย่างเมื่อไรก็ได้ หรือคุณจะไม่หย่า จะไปใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่น ก็ได้ฉันไม่มีความคิดเห็นใด”
“ถ้าคุณเลือกดูผู้หญิงที่เหมาะสมและแต่งงานให้เธอเข้ามาในตระกูลก็ย่อมได้ มันเป็นทางเลือกที่ไม่ดีเลย ที่ไม่เลวเลยทีเดียว แต่ว่าคนคนนั้นจะต้องไม่ใช่อู๋หยานเด็ดขาด
ซูย้าวเชื่อมั่นในสัมผัสที่หกของเธอมาก อู๋หยานผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
นอกจากนี้ต่อให้เธอจะคาดเดาผิดไป หากว่าอู๋หยานคืออู๋หยานตัวจริงไม่ใช่ใครคนอื่นที่ทำศัลยกรรมแล้วเข้ามาแทนที่เธอ ต่อให้เป็นเช่นนั้นเธอก็มีความเกี่ยวข้องกับเจียงจี้เซิงและเจียงจี้ฉีคนเหล่านั้นอย่างแน่นอน ผู้หญิงเช่นนี้ไม่คู่ควรกับเขาเลย!
อีกประการหนึ่ง เมื่อจินตนาการไปว่าเขาแต่งงานกับหล่อน ผู้หญิงคนนี้ก็จะกลายมาเป็นแม่คนใหม่ของเด็กๆ หัวใจของซูย้าวก็อดไม่ได้ที่จะตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
“การที่คุณจะแต่งงานใหม่กับคนอื่นมันก็เป็นเรื่องของคุณ แต่ว่าลี่เฉินซีคะคุณไม่ได้ตัวคนเดียวนะ” ซูย้าวหันไปมองทางอื่นอย่างช่วยไม่ได้” เธอจงใจซ่อนอารมณ์และสายตาอันซับซ้อนนั้นเอาไว้ “คุณยังมีลูกอีกสามคน คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าคนที่คุณจะแต่งงานใหม่กับเธอนั้นจะกลายมาเป็นแม่เลี้ยงของเด็กทั้งสามคน!”
“ลี่หมิงกับซีซีเพิ่งจะเจ็ดขวบ อย่างน้อยอีกสิบเอ็ดปีพวกเขาถึงจะบรรลุนิติภาวะ นั่นหมายความว่าภายในสิบเอ็ดปีนี้ ชีวิตของคุณไม่เพียงแค่มีคุณเพียงคนเดียว ยังมีเด็กสองคนนี้อยู่อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการรับสมาชิกครอบครัวเข้ามาใหม่ เรื่องที่คุณต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกไม่ใช่เรื่องของตัวคุณเอง แต่เป็นเรื่องของลูกๆต่างหาก!”
ลี่เฉินซีฟังคำพูดของเธออันยืดยาวอย่างเงียบๆ ดวงตาของเขาลึกล้ำลงไปแล้วพูดว่า “คุณต้องการพูดอะไรกันแน่?”
ซูย้าวยกมือขึ้นแตะหน้าผากของเธอ เนื่องจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นมาทำให้สิ่งที่เธอพูดออกมาเหล่านั้นดูไม่สอดคล้องกันสักเท่าไหร่
เธอสูดหายใจเข้าลึกแล้วพยายามแยกแยะความคิดในสมองของเธอก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า “คนเปลี่ยนเป็นใครก็ได้สักคนที่ไม่ใช่อู๋หยาน ใครก็ได้ที่เป็นคนอื่น”
ลี่เฉินซีมองไปที่เธอ สายตามีความดูถูกเล็กน้อย “รวมถึงคุณด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
ซูย้าวผงะลง สายตาอันน่าเกรงขามจับจ้องไปที่เขา ดวงตาของทั้งสองคนประสานกัน วินาทีนั้นชายหนุ่มก็เปลี่ยนจากความโมโหเป็นหัวเราะขึ้น “คุณหมายความว่าอยากจะให้ผมเลือกคุณอย่างงั้นเหรอ?”
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น เธอรู้ดีว่าเขามักจะคิดไปอีกแง่หนึ่งและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ!
“ครั้งที่แล้วที่ผมเลือกคุณ แล้วผลมันออกมายังไงล่ะ?” เขาหรี่ตาลง ใบหน้าเริ่มบูดบึ้งแล้วเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง กระชากเธอเข้ามาอย่างแรงก่อนจะกดเธอลงบนโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง ใบหน้าอันหล่อเหลาใกล้เข้ามา มันทั้งมืดมนและน่ากลัว “ตอนที่ผมมีความคิดอยากจะแต่งงานกับคุณและใช้ชีวิตไปด้วยกันจากใจจริง คุณทำยังไงกับผม?”
“ตอนที่ลูกทุกคนยอมรับคุณจากใจจริง คุณทำอะไรกันอยู่?”
มือที่บีบแก้มของเธอเอาไว้แรงขึ้นเป็นทวีคูณ นิ้วมือของเขาจมลึกเข้าไปที่แก้มอันอ่อนนุ่มของเธอ บีบใบหน้าของเธอเสียจนผิดรูป “คุณทอดทิ้งผม คุณเล่นตลกกับผม ยิ่งกว่านั้นเพื่อที่จะได้ไปจากข้างกายผม คุณจงใจให้เกิดเหตุไฟไหม้ จงใจให้เกิดระเบิดขึ้นและยังเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับลูกทั้งสองคน!”
ดวงตาอันเยือกเย็นของชายหนุ่มประกอบกับน้ำเสียงอันแหบแห้งเสียดแทงเข้ากระดูกดำ ซูย้าวกำมือทั้งสองข้างแน่นอย่างไม่รู้ตัว
ต่อจากนั้น ก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มกัดฟันพูดออกมาแต่ละคำอย่างชัดเจนว่า “ผมจะคำนึงถึงลูกหรือไม่ มันเป็นเรื่องของผมไม่เกี่ยวกับคุณ!”
จากนั้นเขาก็ดึงแรงกลับแล้วสะบัดเธอออกไป ตอนที่เธอกำลังพยายามปีนขึ้นมาจากพื้นก็พบว่าร่างของชายหนุ่มกำลังเดินออกไป เห็นเพียงแผ่นหลังที่เยือกเย็น
ซูย้าวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ขนตาหนาและเรียวยาวของเธอสั่นสะท้าน คำพูดที่ออกมาจากลำคอของเธอนั้นดูสั่นคลอน “มันเกี่ยวกับฉันเพราะฉันเป็นแม่ของเด็กๆเหล่านั้น!”
ลี่เฉินซีที่กำลังเดินจากไปก็ชะงักฝีเท้าลงทันที สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ซูย้าวยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอหลับตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง “ฉันอาจจะลืมไปแล้วถึงทุกสิ่งอย่างที่เคยเกิดขึ้น และปฏิเสธว่าตัวฉันก็คือซูย้าว แต่ แต่ว่า……”
“แต่วินาทีแรกที่ฉันพบกับพวกเขา ฉันก็รู้ว่าเด็กทั้งสามคนนั้นคือลูกที่ฉันให้กำเนิด ทุกคนเป็นเลือดเนื้อของฉัน!”
อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณทั่วไปของความเป็นแม่ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ เพราะอย่างไรเสียการที่ตั้งท้องมาถึงสิบเดือน และการได้ให้กำเนิดลูกในแต่ละคนนั้นช่างลำบากยากยิ่ง ไม่ใช่สิ่งที่จะลืมกันได้ง่ายๆ
บางทีอาจเป็นเพราะตั้งแต่เธอกลับมายังเมืองA ตั้งแต่อาตงและอาเจว๋นำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับซูย้าวซึ่งสืบค้นได้เอามาให้เธอดู เธอก็ค่อนข้างชัดเจนว่าตนคือซูย้าว
ความทรงจำอาจจะถูกลบล้างไป แต่จิตสำนึกเหล่านั้นยังคงอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ
หลายต่อหลายเรื่องทำให้เธอไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ แต่สิ่งที่เธอเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ก็คือเด็กๆสามคนนั้นคือลูกในไส้ของเธอ
“เรื่องไฟไหม้และพิธีงานแต่งนั้นฉันไม่อาจจะอธิบายได้ คุณจะเกลียดฉันจะลงโทษฉันอย่างไรก็ย่อมได้ แต่สิ่งที่ไม่อาจ เปลี่ยนแปลงไปได้นั่นก็คือตัวตนของฉันที่เป็นแม่ของพวกเขา!”
“ลี่เฉินซี ฉันยังคงยืนยันคำเดิมว่าคุณจะแต่งงานใหม่กับใครก็ได้ยกเว้นอู๋หยาน”
ใบหน้าของลี่เฉินซีเต็มไปด้วยหมอกควันปกคลุมและดูไม่น่ามอง จู่ๆเขาก็หันกลับตรงเข้าไปหาเธอ มือข้างหนึ่งยกแขนของเธอขึ้น “แม่อย่างงั้นเหรอ? ตอนที่คุณหนีงานแต่งและจูงใจให้เกิดไฟไหม้ ทำไมไม่เคยคิดถึงลูกบ้าง?”
“คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าที่พวกเขาได้เจอคุณอีกครั้งจะมีความสุขมากขนาดไหน และการที่คุณหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเขาจะรู้สึกเสียใจมากขนาดไหน!”
“คุณสร้างเงาและบาดแผลไว้ในหัวใจของเด็กๆครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ตอนนี้กลับจะมาบอกว่าตัวเองเป็นแม่ของพวกเขา คิดว่าคุณคู่ควรแล้วเหรอ!”
น้ำเสียงอันดุดันราวกับพายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำเข้ามา ทำให้หัวใจของซูย้าวถูกบดขยี้ แทบจะสลายไปกับสายลม
เธอพยายามหลับตาลงอย่างขมขื่น ขนตาเรียวยาวประสานกัน ที่เธอทำเช่นนี้ก็เพราะไม่ต้องการให้ชีวิตต่อจากนี้ของลูกๆ ต้องพบกับบาดแผลและปมอื่นๆอีกต่างหาก!
หากไม่ใช่เพราะมีเหตุจำเป็นอันขมขื่น เธอจะทำแบบนั้นได้อย่างไร!
แต่เธอพูดออกมาไม่ได้ เธอจะพูดออกมาไม่ได้เด็ดขาด
เธอพยายามระงับอารมณ์ที่ปั่นป่วนในใจ กำหมัดทั้งสองข้างเอาไว้แน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้งก็จ้องมองไปยังเขาพูดว่า “ต่อให้ฉันไม่เหมาะสมจะเป็นแม่ของพวกเขา แต่ครั้งนี้คุณจำเป็นต้องฟังฉัน!”
“ฟังคุณอย่างนั้นเหรอ?” ลี่เฉินซีหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็นราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก แต่รอยยิ้มนั้นก็หยุดนิ่งลงทันใด เนื่องจากเขาได้ยินเธอพูดขึ้นประโยคหนึ่งว่า
“คุณลืมแม่ไปแล้วเหรอ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของลี่เฉินซีค่อยๆจางหายไปแทนที่เข้ามาด้วยความตกใจและเหลือเชื่อ “แม่ผมยังอยู่ในมือของคุณอย่างงั้นเหรอ?”
นับจากวันที่เจี่ยงเวินอี๋หายตัวไปเขาก็เดาได้ว่าต้องเกี่ยวข้องกับซูย้าวแน่ เพียงแต่เขาไม่กล้าแน่ใจว่าเธอจะลงมือจัดการกับแม่ของเขาได้
แม้ว่าตอนที่อยู่ในต่างประเทศ เธอจะเคยประกาศว่าจะแก้แค้นแทนแม่ แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
“ใช่! แม่ของคุณอยู่ในกำมือของฉัน แล้วก็ยังมีชีวิตอยู่” ซูย้าวอดไม่ได้ที่จะพูดเหมือนกับว่าเธอเป็นนักฆ่า “ดังนั้นนับจากนี้ถ้าคุณไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูด แม่ของคุณจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ฉันก็ไม่กล้ารับประกันหรอกนะ!”
ดวงตาของลี่เฉินซีหดลง แน่นอนว่าความโกรธของเขาพลุ่งพล่านขึ้น ตามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “อานหว่านชิง คุณ……”
ซูย้าวไม่รอให้เขาพูดต่อไป เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วสัมผัสไปที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม ดวงตาของเธอดูเยือกเย็นเล็กน้อย “เจี่ยงเวินอี๋ถูกซ่อนเอาไว้ที่ไหน นอกจากฉันแล้วคงไม่มีใครหาได้พบอีก ลี่เฉินซี คุณจะลองดูหน่อยมั้ย? ใช้ชีวิตของแม่คุณ มาเดิมพันกับความสุขของลูกๆฉันในอีกสิบปีข้างหน้า ฉันยอมแลกมันได้ แล้วคุณล่ะไหวมั้ย?”