“ลี่เฉินซี!”
น้ำเสียงของซูย้าวต่ำทุ้มมาก เสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความโกรธและบูดบึ้ง เธอจับจ้องไปที่ชายหนุ่มตรงหน้านี้แล้วรู้สึกพูดไม่ออกเสียจริง!
“คุณอยากจะหย่าจนใจจะขาดไม่ใช่หรือไงคะ? แล้วอีกอย่างคนที่คุณอยากจะแต่งงานด้วยตั้งแต่แรกก็คือซูย้าว ไม่ใช่ฉัน ดังนั้นการที่พวกเราจะหย่าร้างกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือไง?”
ซูย้าวสูดลมหายใจเข้า จากนั้นพยายามเรียบเรียงความคิดและอารมณ์อันสับสนในใจของเธอ เธอจะต้องสงบ เธอต้องสงบให้มากที่สุด
เธอสูดหายใจเข้าอีกครั้งแล้วพูดว่า “หลังจากที่หย่าร้างกันไป คุณก็สามารถคบอย่างออกสื่อกับผู้หญิงคนอื่นไหนก็ได้ ส่วนฉันจะไปมีแฟนใหม่หรือแต่งงานกับใครนั้นก็เป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวข้องกับคุณไม่ใช่หรือไง?!”
“เหอะๆ!” น้ำเสียงหัวเราะอันเย้ยหยันและเย็นชาของลี่เฉินซี เขาพยักหน้าอย่างโกรธเคือง “ดี เยี่ยมจริงๆ ไม่เกี่ยวกับผมอย่างงั้นเหรอ!”
เขาก้าวขาขึ้นมาก้าวหนึ่งจากนั้นบีบบังคับดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนด้วยนิ้วมือเรียวยาว ปลายนิ้วของเขาสัมผัสไปที่ริมฝีปากของเธอ “คุณลืมไปแล้วจริงๆเหรอว่าผมเป็นอะไรกับคุณ?”
คำพูดของชายหนุ่ม ราวกับฝ่ามือที่ตบลงบนใบหน้าของซูย้าวอย่างไร้ซึ่งความปรานี
เธอไม่ได้ลืม อานหว่านชิงและลี่เฉินซีได้จดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว ต่อให้ยังไม่มีพิธีการแต่งงานอย่างเป็นทางการ แต่ในด้านของกฎหมายพวกเขาสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว
ตราบใดที่ทั้งสองคนยังมีความสัมพันธ์เช่นนี้กันอยู่ ต่อให้เธอพยายามเล่นละครตบตากับผู้ชายคนอื่นก็เป็นไปไม่ได้ เธอยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา !
ซูย้าวขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ขนตาเรียวยาวกะพริบเบาๆ ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรออกมา ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มก็จู่โจมเข้ามาและประทับริมฝีปากลงไป จูบนั้นช่างรุนแรงและเต็มไปด้วยความโมโหเหมือนกับระบายอารมณ์
ส่วนบริเวณทางเดินซึ่งอยู่ไม่ห่างไปเท่าไรนัก ซูหยวนที่ยืนมองดูชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองคนกอดรัดกัน ดวงตาสีแอปริคอทของเธอก็ลุกร้อนขึ้นราวกับไฟที่ชุกโชน
ซูย้าวพยายามดิ้นรนอยู่เป็นเวลานานจนในที่สุดก็ผละออกจากเขาได้ ไม่รอให้เธอมีปฏิกิริยาใดๆออกมา ดวงตาอันลึกล้ำของลี่เฉินซีก็มองมายังเธอ และสังเกตเห็นริมฝีปากของเธอที่บวมเป่งเป็นสีแดง เขาก็เผยอริมฝีปากขึ้นอย่างมีความหมาย แอบแฝง “เรื่องทะเบียนสมรส เมื่อไหร่ที่ผมอยากหย่าคุณก็รั้งไว้ไม่ได้ ส่วนถ้าผมไม่อยากหย่าล่ะก็ใครก็เข้ามาขัดขวางไม่ได้เช่นกัน”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงบางเบา ฟังดูเหมือนกับสายน้ำที่ไหลเข้าไปในหูของเธอ
ลี่เฉินซีใช้มือข้างหนึ่งยกคางเธอขึ้น นัยน์ตาแหลมคมดุจนกฟีนิกซ์หรี่ลง “ดังนั้นที่รัก ทำไมจะต้องทำให้มันวุ่นวายแบบนี้ล่ะ?”
ดวงตาอันงดงามกลมโตของซูย้าวเต็มไปด้วยความสับสน อารมณ์ของเธอยุ่งเหยิง
“นั่นสิคะ อำนาจอยู่ในมือของคุณเสมอ” เธอพูดออกมาเบาๆ ดูเหมือนจะเลิกต่อต้านเขาและปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่ต้องการ แต่จู่ๆเธอก็เลิกคิ้วขึ้นมองไปด้วยสายตาเย็นชา “แต่ว่าที่รักคะ คุณลืมไปหรือเปล่าว่าแม่ของคุณยังอยู่ในมือของฉัน?”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของลี่เฉินซีชะงักลงทันใด รอยยิ้มอันเล็กน้อยบนริมฝีปากก็หยุดลงเปลี่ยนเป็นนิ่งเงียบ ความมืดมนเข้ามาแทนที่บนใบหน้า
ซูย้าวพยายามจะหนีออกไปจากเงื้อมมือของเขา แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ง่ายนักจึงทำได้เพียงยอมแพ้แล้วเงยหน้ามองดูเขา ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนแฝงไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ว่ากันว่าคุณชายลี่เป็นบุตรชายผู้มีชื่อเสียงด้านความกตัญญู ทำไมล่ะคะ? ตอนนี้คุณจะไม่คำนึงถึงความเป็นความตายของแม่ตัวเอง? เพียงเพราะผู้หญิงคนเดียวอย่างงั้นเหรอ?”
“คุณไม่จำเป็นต้องหย่าร้างกับฉัน ยังคงใช้ความสัมพันธ์ในการแต่งงานของเราในครั้งนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นฐานะสามีหรืออะไรของฉันก็ได้ คุณจะทำอะไรก็ตามแต่ ฉันคงเข้าไปหยุดยุ่งเรื่องของคุณไม่ได้ สิ่งที่ฉันทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือใช้วิธีดังกล่าวที่คล้ายคลึงกันไปทรมานบนร่างกายของเจี่ยงเวินอี๋อีกร้อยเท่าพันเท่า!”
ดวงตาของลี่เฉินซีจมลงสู่ก้นบึ้ง นิ้วของเขาค่อยๆกำแน่น มีเสียงลั่นของกระดูกดังออกมา ดวงตาสีเข้มของเขาเหมือนมีเส้นเลือดแดงปรากฏขึ้น จับจองเธอไปด้วยความเย็นชาพูดว่า “ดี ทำได้ดีมาก!”
การที่ควบคุมเจี่ยงเวินอี๋เอาไว้ในมือ ก็เท่ากับการควบคุมเขาด้วยมือที่มองไม่เห็น
จะว่าไปแล้วการที่ซูย้าวเหลือไพ่ใบนี้เอาไว้ในมือ ก็เท่ากับมีนักฆ่าที่แข็งแกร่งทรงพลัง!
ลี่เฉินซีพยายามระงับความโกรธ แต่ก็ยังเผยให้เห็นสีหน้าอันเย็นชาอย่างถึงที่สุดออกมา มือข้างหนึ่งจับไปที่ข้อมือบางๆ ของเธอแล้วลากเธอเดินออกไปข้างนอกด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด
ซูย้าวตกตะลึง เธอถูกเขาลากออกไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ก็พยายามลิ้นดิ้นให้หลุดพ้น “คุณทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
เธอจงใจจะหยิบยกเจี่ยงเวินอี๋ขึ้นมากระตุ้นต่อมโมโหของเขา แต่ขณะนี้ลี่เฉินซีที่ดูเหมือนสงบนิ่งดังเดิมแท้จริงแล้วเขาโมโหมาก ซึ่งเธอไม่ต้องการจะอยู่กับเขาเพียงลำพังในตอนนี้!
ซูย้าวยิ่งคิดยิ่งรู้สึกถึงความน่ากลัว เธอพยายามใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในการดิ้น อีกทั้งปากก็พูดขึ้นว่า “คุณบ้าไปแล้วหรือไง? ฉันกำลังจะแต่งงานกับเพ้ยส้าวหลี่อยู่แล้วนะ คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ฉันไม่ไปกับคุณหรอก!”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ฝีเท้าของลี่เฉินซีก็หยุดลง
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็หันฝีเท้ากลับมาพร้อมกับร่างสูงใหญ่
การกระทำอย่างกะทันหันของเขานี้ทำให้ซูย้าวไม่ทันได้ตั้งตัว เดิมทีเธอกำลังดิ้นรนอยู่เมื่อชายหนุ่มดึงแรงของเขากลับไปจึงทำให้เธอถอยหลังล้มลง
เธอโซซัดโซเซ แต่เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอสูญเสียการทรงตัวก็ก้าวขาเข้าไป พลิกตัวกลับใช้มืออันกำยำของเขากำบังไว้ที่ไหนสักแห่งด้วยความแม่นยำอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอล้มลงเอาศีรษะกระแทกกับขอบหน้าต่างนั้น จึงได้รอดพ้นจากอาการบาดเจ็บมาได้
ซูย้าวรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัวที่ถูกเขาเหวี่ยงไปเช่นนั้น เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นจ้องมองไปที่เขาอย่างเย็นชาพูดว่า “คุณต้องการทำอะไรกันแน่?”
“ถ้าคุณต้องการจะเซ็นเอกสารหย่า พรุ่งนี้ก็แล้วกัน! พรุ่งนี้ฉันค่อยติดต่อไปหาคุณ วันนี้ไม่ได้หรอก มันดึก……”
เธอยังไม่ทันพูดจบก็ถูกชายหนุ่มดึงขึ้นจากพื้น ขณะเดียวกันเขาก็ยกมือข้างหนึ่งฟาดไปที่คอของเธอ ซูย้าวไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใด เธอถูกเขาทุบให้ที่ต้นคอและสลบไปโดยไม่รู้ตัว
ลี่เฉินซีอุ้มเธอเข้าไปในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถอดเสื้อสูทของเขาออกคลุมไปที่ร่างกายของเธอ โอบไปที่เอวแล้วอุ้มเธอขึ้นมา
เนื่องจากงานเลี้ยงการกุศลยังไม่จบลง ในห้องโถงมีคนมากมายเหลือเกิน บางทีก็มีคนเดินมาที่บริเวณทางเดินนี้ด้วย ถ้าเธอยังส่งเสียงเอะอะโวยวายอย่างนี้อีกต่อไปก็จะดึงดูดความสนใจของคนอื่นได้โดยง่าย
บริเวณที่ห่างไกลออกไปนั้นซูหยวนมองตามร่างของเขาที่เดินจากไปอย่างแน่วแน่ เธอกำนิ้วมือทั้งสองข้างด้วยความโกรธ ในตอนนี้แม้เขาจะรู้ดีว่าหล่อนเป็นคนทำให้ลูกทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บแต่ก็ยังเต็มใจจะยอมรับหล่อน!
มองดูแล้ว เธอคงต้องทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะ ทำให้ผู้ชายคนนี้เลิกยิ่งยุ่งกับนังผู้หญิงนั่นสักที!
……
รถขับแล่นเข้ามาจอดตรงบริเวณลานบ้านของคฤหาสน์ ลี่เฉินซีอุ้มเธอลงจากรถจากนั้นเดินขึ้นไปในห้องนอน ใช้เท้าถีบประตูเดินตรงเข้าไป ก่อนจะคลายน้ำหนักที่แขนออก เสียงดัง ‘ตุ้บ’ ร่างของซูย้าวล้มร่วงหล่นลงไปทันที……
ด้วยเสียงอันดังสนั่น เธอถูกโยนลงบนพื้นอย่างแรง
เนื่องจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจึงทำให้เธอฟื้นตื่นขึ้นมา ยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาใด ในวินาทีต่อมาลี่เฉินซีก็ก้มตัวลงไปใช้มือข้างหนึ่งบีบคางของเธอ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาพูดขึ้นว่า “ฟังนะ การที่คุณจะข่มขู่ผม! เห็นได้ชัดว่าคุณมันอ่อนเกินไป!”
ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรขึ้นมาได้อีก ดวงตาคู่นั้นขยับเล็กน้อย พูดขึ้นว่า “อ้อแล้วก็ไร้เดียงสาเกินไปด้วย!”
ก่อนอื่นเรื่องที่เจี่ยงเวินอี๋หายตัวไปนั้น ลี่เฉินซียืนยันได้ว่าเกี่ยวข้องกับซูย้าวแน่นอน เรื่องนี้ต่อให้เธอไม่พูดเขาก็รู้
เมื่อหลายเดือนมานี้เขาได้ส่งคนออกไปสืบค้น ดูจากภายนอกแม้จะไม่มีเบาะแสใดๆ แต่ก็ยังคงทิ้งร่องรอยบางอย่างที่สามารถทำให้สืบต่อไปได้
อาทิเช่น ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น สภาพร่างกายของเจี่ยงเวินอี๋ก็เกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นสองปีที่ผ่านมาเธอจึงได้แต่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าและให้ความร่วมมือกับแพทย์ในการฟอกไตเป็นระยะๆ
นี่คือกระบวนการที่เจ็บปวดและยาวนาน หากไม่สามารถหาไตที่ปลูกถ่ายได้ตรงกันก็คงจะต้องตายไปในที่สุด
เป็นเรื่องบังเอิญอย่างงั้นเหรอ?
ก่อนหน้าที่เจี่ยงเวินอี๋จะหายตัวไปไม่กี่เดือน เขาก็ได้หาตัวซูย้าวจนเจอ และรู้ว่าเธอสูญเสียไตไปข้างหนึ่ง จากการตรวจสอบของแพทย์พบว่าเธอได้บริจาคไต
เป็นอวัยวะที่ไตเหมือนกัน นี่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างงั้นเหรอ?!
ประการที่สอง ตามเงื่อนงำนี้เมื่อสืบต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่ยากที่จะหาโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ซึ่งซูย้าวได้รับการผ่าตัด แม้ว่าจะอยู่ในต่างประเทศที่ไกลออกไป ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบพอสมควรในการหาเวชระเบียน แต่ถ้ายินดีที่จะทำการตรวจสอบมันท้ายที่สุดแล้วก็ได้ข้อมูลมาอย่างชัดเจน
ดังนั้นเจี่ยงเวินอี๋ยังถือว่าหายตัวไปดังเดิม แต่ร้อยละแปดสิบเปอร์เซ็นต์เธอไม่ได้ถูกบังคับหรือคุกคามจากใคร น่าจะได้รับอิสระมากกว่า
ส่วนทำไมเธอถึงลังเลที่จะกลับมายังประเทศจีนเพื่อพบปะลูกและหลานๆ น่าจะเป็นเพราะมีเหตุผลอย่างอื่น แต่จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ลี่เฉินซีสามารถเดาได้ว่าซูย้าวไม่ได้ทำร้ายแม่ของเขา อีกทั้งยังเป็นไปได้มากเหลือเกินว่า เธอไม่คำนึงถึงร่างกายของตนเองและช่วยชีวิตแม่ของเขาเอาไว้!